เฟิ่งชิงหัวเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน ยื่นมือไปผลักชายหนุ่มออกไป จ้านเป่ยเซียวทำท่าทำทางจะนั่งกลับไปบนเก้าอี้เข็น
มองไปที่ใบหน้าของเฟิ่งชิงหัวซึ่งมีรอยฟันเขียวช้ำเผยเล็กน้อยออกมา กล่าวขึ้นมาด้วยความพอใจ: “ในเมื่อเป็นการข่มเหง ย่อมต้องเป็นที่ที่คนอื่นสามารถเห็นได้อย่างง่ายดาย เจ้าลงมือเองไม่ลง ข้าช่วยเจ้าเอง”
เฟิ่งชิงหัวชี้ไปที่ชายหนุ่ม นิ้วมือสั่นเทา นานพักใหญ่ก็พูดไม่ออก ตรงที่ถูกกัดบนใบหน้าปวดแสบปวดร้อน ผู้ชายคนนี้ลงมือโหดชัดๆเลย
ผ่านไปนานพักใหญ่ เฟิ่งชิงหัวกัดฟันกล่าว: “ถือว่าท่านแน่ก็แล้วกัน!”
“เช่นกันๆ เมื่อเทียบกับวิธีทำลายคนอื่นแต่ตัวเองเสียหายไปด้วยของพระชายาแล้วยังถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อย” จ้านเป่ยเซียวยันข้อศอกเอาไว้บนเก้าอี้ มองพิจารณารอยฟันบนใบหน้าของนางราวกับกำลังชื่นชมวัตถุโบราณหายากอะไรอยู่
“ท่านทำเช่นนี้ อีกเดี๋ยวข้าจะพบปะผู้คนอย่างไร?” เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยความโกรธ
“เจ้ายังจำเป็นต้องพบปะผู้คนหรือ? แต่งงานกับข้าที่ไม่สามารถแข็งตัวได้แล้วก็ยังชอบข่มเหงผู้หญิง เสียหน้าทั้งภายในภายนอกแล้วมั้ง? ข้าก็แค่ไม่ชอบได้ชื่อนี้มาเปล่าๆเท่านั้น”
เฟิ่งชิงหัวฮึเสียงเย็นชา หันหลังก็จะเดินจากไป
เสื้อคลุมสีดำทอด้วยสีทองตัวหนึ่งก็หล่นลงมาบนตัวของเฟิ่งชิงหัว: “ทำลายศีลธรรมอันดีงาม”
เฟิ่งชิงหัวเบะปาก ตอนนี้กลัวเสียหน้าแล้ว?
เสื้อคลุมตัวยาวเสริมให้ร่างกายของหญิงสาวยิ่งตัวเล็กลงไปอีก ราวกับเด็กน้อยที่แอบใส่เสื้อผู้ใหญ่
ทั้งสองคนเพิ่งเดินออกมาจากภูเขาเทียมก็เห็นหนานกงลู่ซิ่วรวมไปถึงหนานกงจี๋ที่เดินมาตรงหน้า เห็นได้ชัดว่ามาตามหาพวกเขา
แวบแรกหนานกงลู่ซิ่วก็เห็นใบหน้าของเฟิ่งชิงหัว อดถามขึ้นมาไม่ได้: “หน้าของท่านไปโดนอะไรมา?”
เฟิ่งชิงหัวแตะไปอย่างสบายๆ: “ออ ข้ากัดเล่นเอง ไม่ได้หรือ?”
เดิมทีหนานกงลู่ซิ่วก็ไม่ชอบเฟิ่งชิงหัว ได้ยินคำพูดไร้สาระเช่นนี้ของนางจะเชื่อได้อย่างไร กล่าวออกมาโดยตรง: “หนานกงเยว่ลั่ว เจ้าหลอกใครกัน เจ้าจะสามารถกัดตัวเองได้อย่างไร!”
เฟิ่งชิงหัวกลับมองไปทางหนานกงจี๋: “ท่านพ่อ ท่านจะให้ท้ายลูกสาวอนุภรรยาของท่านมาล่วงเกินท่านอ๋องเจ็ดกับพระชายาเจ็ดเช่นนี้หรือ? จวนเฉิงเซี่ยงแห่งนี้ยังมีมารยาทอยู่หรือไม่?”
หนานกงจี๋ก็ไม่เชื่อคำพูดของเฟิ่งชิงหัว แต่ทำอย่างไรได้ตอนนี้คนเขามีฐานะเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ เขาก็ได้แต่ตำหนิลูกสาวคนเล็กของตัวเอง: “หุบปาก นั่นคือพี่สาวเจ้านะ!”
หนานกงจี๋ก็กล่าวต่อจ้านเป่ยเซียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้: “ท่านอ๋องโปรดระงับความโกรธ ลูกสาวกระหม่อมอายุน้อย สิ่งใดที่ทำให้ท่านอ๋องโกรธขอท่านอ๋องโปรดให้อภัยด้วย”
คนที่อยู่ที่นี่นอกจากหนานกงลู่ซิ่วที่โง่เขลาคนนี้แล้วล้วนเป็นคนฉลาดทั้งนั้น เฟิ่งชิงหัวอยู่กับจ้านเป่ยเซียว บาดแผลบนหน้าย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะเป็นคนทำ ลูกสาวที่หนานกงจี๋พูดถึงย่อมหมายถึงเฟิ่งชิงหัวอยู่แล้ว
จ้านเป่ยเซียวละสายตาไปจากใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า มองไปทางเฉินเซี่ยงที่อยู่ตรงข้าม กล่าวด้วยเสียงเย็นชา: “ความหมายของเฉินเซี่ยงคือรังเกียจว่าข้าอายุมากเกินไปหรือ?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของหนานกงจี๋ซีดขาวทันที คุกเข่าลงไปบนพื้นเสียงดังพรึ่บ ไม่แม้แต่จะมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า: “กระหม่อมพูดจาไม่เป็น ขอท่านอ๋องโปรดระงับความโกรธด้วย”
หนานกงลู่ซิ่วยืนอยู่ข้างกายบิดา มองดูชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น แต่ว่ารัศมีของราชวงศ์ที่อยู่รอบตัวนั่นไม่ว่าอย่างไรก็ปกปิดเอาไว้ไม่อยู่ แม้แต่ท่านพ่อของนางในตอนที่เผชิญหน้ากับเขาก็ได้แต่เชื่อฟังอย่างนอบน้อม
ในใจของหนานกงลู่ซิ่วเกิดความคิดขึ้นมาทันที กล่าวขึ้นมาอย่างน่ารักไร้เดียงสา: “พี่เขย ท่านอย่าถือโทษท่านพ่อเลย ท่านพ่อรักและเอ็นดูพี่สาวรองมาตลอด ย่อมต้องพูดเข้าข้างนางเล็กน้อยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว พี่เขยอย่าโกรธไปเลยนะ”
เฟิ่งชิงหัวยืนอยู่ด้านข้างมองดูท่าทางน่ารักไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัยของหนานกงลู่ซิ่วก็รู้สึกว่ามันน่าขบขัน ผู้หญิงคนนี้ แสดงได้ค่อนข้างสมจริงมากจริงๆ คนที่ไม่รู้ยังนึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องดีมากแค่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...