พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 40

เฟิ่งชิงหัวใช้มือกดไปที่หว่างคิ้ว ตกลงจะเอาเรื่องนี้มาพูดกี่รอบกันแน่ ก่อนหน้านี้เดิมทีนางวางแผนจะใช้ปากของเซียงเสว่มาแก้แค้นจ้านเป่ยเซียว แต่ทำไมทุกครั้งตอนที่คนพวกนี้ป่าวประกาศจะต้องตรงกับเวลาที่นางกับจ้านเป่ยเซียวอยู่ด้วยพอดี

พูดเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งสองคน มันกระอักกระอ่วนใจมากจริงๆ

และรอยฟันบนใบหน้าของนางตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่เลย นางเป็นกังวลแล้วว่าวินาทีถัดไปคนที่อยู่ข้างในก็จะพุ่งออกมากัดใบหน้าอีกข้างของนางให้มันสมส่วนกันโดยตรง

“อาจารย์อู๋หยา ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือไร้สาระกันแน่ ความสัมพันธ์ของข้ากับท่านอ๋องไม่รู้สนิทสนมแนบแน่นขนาดไหน เราอยู่ด้วยกันตลอดไม่ห่างจากกันเลยทั้งวัน โรคที่ไม่อาจเปิดเผยอะไรพวกนั้น ล้วนไม่ใช่เรื่องจริงเลย เอวของข้าตอนนี้ยืนนานๆไปยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อยอยู่เลย” พูดไป เฟิ่งชิงหัวก็ยกมือไปนวดเอวของตัวเอง ทำให้คนจินตนาการไปไกล

อู๋หยาคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่สำรวจกิริยาและอ่อนแอมาตลอดจู่ๆจะพูดเช่นนี้ออกมาได้ การแสดงออกทางสีหน้าเปลี่ยนเป็นคลุมเครือเล็กน้อยไปชั่วขณะ

เมื่อเห็นว่าการแสดงนี้ติดขัดเล็กน้อยแล้ว หนานกงเยว่หลีที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหนึ่งตลอดก็ทนไม่ไหวแล้ว รีบจัดการเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วก็เดินออกมา

เซียงเสว่เดินตามอยู่ด้านหลังของหนานกงเยว่หลี ขณะที่เดินไปก็เช็ดน้ำตาและกล่าวขึ้นมาด้วยว่า: “น้องรอง เจ้าอย่าปิดบังพวกเราเลย เซียงเสว่บอกเราหมดแล้ว เรื่องที่เจ้าถูกท่านอ๋องข่มเหงรังแก หลังจากที่ข้าได้ยินก็เป็นห่วงจะแย่ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี บังเอิญอาจารย์อู๋หยาอยู่ด้วยพอดี ปกติเจ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาไม่ใช่หรือ มีเขาคอยดูแลเจ้าข้าก็ค่อนข้างวางใจ ส่วนทางด้านท่านอ๋อง ข้าจะขอให้องค์ราชทายาทช่วยขอความเมตตาแทนเจ้าด้วยกัน”

เฟิ่งชิงหัวได้ยินคำพูดก็เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า: “อ๋อ? พี่สาวใหญ่เตรียมจะขอความเมตตาแทนข้าอย่างไร?”

“พระชายาของท่านอ๋องเจ็ดตายไปตั้งหลายคนแล้ว มีหรือไม่มีเจ้าสักคนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงเวลาก็ให้องค์ราชทายาทกราบบังคมทูลขอให้ฝ่าบาทช่วยหาให้ท่านอ๋องเจ็ดอีกคนก็พอ”

“แต่หากข้าหนีออกไปจากจวนเฉิงเซี่ยง แล้วหากท่านอ๋องรู้เข้าจะทำอย่างไรดี?”

“ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังสนทนากับท่านพ่อในห้องหนังสือ อาศัยเวลานี้เจ้าไปกับอาจารย์อู๋หยาก่อน ถึงเวลาข้าจะคิดหาวิธีช่วยเจ้าเอง เซียงเสว่” หนานกงเยว่หลีพูดไปก็หันหลัง ไปรับห่อผ้าจากมือของเซียงเสว่: “ข้างในนี้มีพวกเงินทองของมีค่าที่พกพาสะดวก พวกเจ้าจำเป็นต้องใช้ระหว่างทาง ข้าส่งคนไปคอยดูอยู่ที่ประตูหลังแล้ว ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก”

เฟิ่งชิงหัวได้ยินคำพูดก็กล่าวด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง: “จัดเตรียมเอาไว้ได้รวดเร็วขนาดนี้เลย? พี่สาวใหญ่ การกระทำของท่านช่างรวดเร็วนัก”

หนานกงเยว่หลีรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่ามีความหมายแฝงในคำพูดของนาง แต่ก็ยังกล่าวด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยน: “เยว่ลั่ว เจ้าคือน้องสาวแท้ๆของข้า คนเป็นพี่จะทนเห็นเจ้ากระโดดลงไปในกองไฟจริงๆได้อย่างไรกัน”

เฟิ่งชิงหัวกล่าวขึ้นมาอย่างเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม: “เมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะที่เป็นน้องสาวก็ทำความเคารพไม่สู้ทำตามคำสั่งแล้ว แต่ว่าพี่สาวใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าทำเรื่องเช่นนี้ ข้ารู้สึกกลัวนิดหน่อย ถ้าอย่างไรท่านส่งข้าสักช่วงหนึ่งเถอะ”

“นี่......” หนานกงเยว่หลีลังเล

“พี่สาวใหญ่ หรือว่าพี่น้องผูกพันที่ท่านพูดถึงเมื่อครู่นี้ล้วนหลอกข้าทั้งนั้น? ข้าจากไปเช่นนี้ยังไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่ แม้แต่จะส่งข้าขึ้นรถม้าท่านก็ทำไม่ได้หรือ?” เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

หนานกงเยว่หลีนึกถึงแผนการต่อจากนี้ แล้วก็มองดูท่าทางขี้ขลาดตาขาวของหนานกงเยว่ลั่ว กัดฟันกล่าวว่า: “ตกลง ข้าส่งเจ้า เรารีบไปกันเถอะ”

เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า จากนั้นเตรียมปิดประตูห้อง กล่าวกระซิบไปด้านในว่า: “การแสดงเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

หลังจากที่ปิดประตูห้องลง เฟิ่งชิงหัวก็ก้าวไปข้างหน้า มองไปที่อู๋หยา กล่าวด้วยรอยยิ้มราบเรียบ: “อาจารย์อู๋หยา ท่านก็อยากจะให้ข้าหนีตามท่านไปหรือ?”

เวลานี้อู๋หยากำลังดีใจที่เฟิ่งชิงหัวจะจากไปพร้อมกับเขา ได้ยินคำพูดก็พยักหน้าทันที: “เยว่ลั่วเจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องดีต่อเจ้าอย่างแน่นอน”

การแสดงออกทางสีหน้าของเฟิ่งชิงหัวจางลงไปอีกเล็กน้อย ไม่ไปมองเขาอีก แต่ก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วจับมือของหนานกงเยว่หลีเอาไว้ กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มจอมปลอม: “เช่นนั้นพี่สาว เราไปกันเถอะ”

ในมือของหนานกงเยว่หลียังคงถือห่อผ้าขนาดใหญ่อันนั้นเอาไว้ เดิมทีอยากจะยื่นให้กับเซียงเสว่ แต่ว่าเฟิ่งชิงหัวดึงนางเดินอย่างรวดเร็ว ขณะที่เดินก็กล่าวไปด้วยว่า: “พี่สาวเรารีบไปกันเถอะ อย่าให้ใครสังเกตเห็นเข้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว