ตอนแรกคิดว่าอู่ตู๋จื่อจะพูดว่า ไม่ว่าท่านเปลี่ยนเป็นใบหน้าไหนก็งามล่มเมือง แต่อู่ตู๋จื่อรู้จักใบหน้าที่แท้จริงของนาง และยังยกย่องนางเหมือนเทพในใจ ก็ต้องคิดว่านางดีทุกอย่างอยู่แล้ว
“ไม่สวยเลย เทียบกับใบหน้าจริงของท่าน ใบหน้านี้ขี้เหร่มาก ถึงท่านจะอยากปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง ก็อย่าใช้ที่ขี้เหร่สิ และยังเป็นใบหน้าที่มีท่าทีอมทุกข์ตลอดเวลา ดูไปแล้วเหมือนผู้ป่วยติดเตียงเลย ไม่มงคล เปลี่ยนใบหน้าเถอะ”
เฟิ่งชิงหัวลูบคางแล้วพูดว่า: “ก็ยังดีนะ ใช้จนชินแล้วเลยรู้สึกว่าไม่เลวเลย เหมาะสมกับการทำตัวอ่อนแอ”
อู่ตู๋จื่อรีบพูดว่า: “ไม่มีทาง ถึงท่านจะใช้ใบหน้านี้ก็ซ่อนความดุดันของท่านไม่ได้หรอก บุคลิกสาวน้อยไร้เดียงสาไม่เหมาะกับท่านเลย”
“ปากหวานนัก เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบเป็นยังไงแล้วบ้าง?” เฟิ่งชิงหัวมองค้อนเขา อู่ตู๋จื่อตกใจจนนั่งหลังตรง ยืดหลังจนหนังที่หลังแน่นไปหมด
“ยังขอรับ เวลานานเกินไป คนที่อยู่ตำแหน่งนั้นในตอนนั้นก็เปลี่ยนไปหลายคนแล้ว และท่านสั่งว่าห้ามให้พวกนั้นรู้ตัว ดังนั้นข้อน้อยเลยไม่กล้าสืบอย่างเปิดเผย ตอนนี้สิ่งที่สืบได้คือจวนเฉิงเซี่ยง”
“จวนเฉิงเซี่ยงงั้นเหรอ” เฟิ่งชิงหัวกัดฟัน: “ก่อนหน้านี้ข้าไปที่จวนเฉิงเซี่ยง ไม่เห็นมีอะไรแปลกนะ ตาแก่นั่นก็บอกเองแล้วว่า ตอนที่แม่ข้าคลอดข้าเสร็จก็พาข้าออกไปเลย จึงไม่ได้เจอหน้ากัน เจ้าไปสืบต่อเถอะ”
“ขอรับ อาจารย์ย่า ท่านวางใจได้ บรรพบุรุษจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ อาจารย์ของข้าคำนวณมาแล้ว ตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่ อาจจะมีติดอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่” อู่ตู๋จื่อพูดปลอบใจ
“อืม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เอาแบบนี้ก่อนแล้วกัน ข้ากลับก่อนล่ะ” เฟิ่งชิงหัวกำลังจะลุกขึ้นเดินออกไป ก็เห็นเด็กน้อยวิ่งเข้ามา แล้วรีบรายงานว่ามีคนพยายามบุกรุกเข้ามา
เฟิ่งชิงหัวหันไปมองอู่ตู๋จื่อ แล้วพูดหยอกว่า: “เจ้าคงไม่ได้ไปล่วงเกินใครไว้หรอกนะ? โดนบุกขนาดนี้ ไปขายยาปลอมหรือไง?”
อู่ตู๋จื่อได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงหัวกลับตกใจมาก รีบคุกเข่าลงพื้นอย่างเร็ว: “อาจารย์ย่า ข้าไม่กล้าเหยียดหยามสำนักตัวเองหรอกนะ ข้ารักษาด้วยใจจริงๆ ไม่กล้าทำเรื่องแบบนั้นหรอกนะ”
“ตื่นเต้นขนาดนี้ทำไมกัน ข้าก็แค่พูดเล่นๆ ในเมื่อไม่ได้ทำ ก็จัดการเรื่องนี้ดีๆแล้วกัน หาคนมาเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้หมาแมวที่ไหนบุกรุกเข้ามาได้ง่ายๆ” ตอนเฟิ่งชิงหัวพูดนั้นยังยิ้มอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับดุดันมาก
ยืนอยู่ตรงนั้นไม่หลบไปไหน มองดูคนสิวกว่าคนยกคนคนหนึ่งบุกเข้ามา
คนที่นำหน้ามาสวมชุดหรูหรา ดูแล้วเหมือนลูกหลานขุนนาง เดินตรงมายังเฟิ่งชิงหัวสองคน
“ท่านอาวุโส ได้โปรดช่วยน้องชายข้าด้วย เขาถูกคนถ่อยทำร้าย ตอนนี้สลบไม่ฟื้นสิบวันแล้ว ข้าน้อยก็ถึงบุกมาถึงที่ ได้โปรดท่านช่วยเขาด้วยเถิด” ชายหนุ่มพูดอย่างร้อนใจ
อู่ตู๋จื่อยังโมโหที่พวกเขาบุกเข้ามาทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าอาจารย์ย่า อารมณ์เขียนไว้บนสีหน้าของเขาทั้งหมด ใบหน้าเรียบเนียนอ่อนโยนนั้นก็เขียนไว้ว่าห้ามคนนอกเข้าใกล้
“ข้าออกกฎไว้แล้วไง ทุกเดือนรักษาแค่สามคน คุณชายท่านนี้ทำลายทรัพย์สินบ้านข้า ผู้ช่วยหมอของข้าจะคิดราคากับพวกเจ้าเอง” อู่ตู๋จื่อว่าแล้วหันไปมองเฟิ่งชิงหัว แต่กลับเห็นหญิงสาวไม่รู้ว่าเดินไปถึงหลังเปลตั้งแต่เมื่อไหร่ นางมองดูคนที่นอนอยู่ตรงนั้น
ผู้ป่วยคนนี้น่าจะเป็นน้องแท้ๆของชายหนุ่ม ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกันมาก แต่เพราะป่วย เห็นได้ชัดว่าผอมลงไปมาก
ส่วนอาการป่วย ดูเหมือนจะสะสมพิษมาเป็นเวลานาน
เฟิ่งชิงหัวกำลังจะยื่นมือไปนั้น กลับถูกทหารข้างๆตะโกนด่า: “บังอาจ! เจ้ากล้าแตะต้องโหวเย่น้อยของเราได้ยังไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...