หลิวหยิ่งมองดูพระชายาที่บางครั้งก็ดูฉลาด บางครั้งก็ดูโง่เขลาคนนี้ด้วยความจนใจ กลับไม่รู้สักนิดเลยว่าตนเองทำให้ท่านนางรู้สึกโกรธเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลิวหยิ่งทำได้เพียงพูดเตือนขึ้นเป็นนัยว่า : “พระชายา นายท่านยังไม่ได้กินมื้อเย็นเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านเอาตั๋วเงินของนายท่านไปใช้จ่ายมือเติบ แต่นายท่านกลับไม่ได้เห็นแม้เพียงฟางสักเส้น ท่านยังไม่รีบปลอบใจอีกหรือ อย่าทำตัวโ.เขลาเสียล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาอาจต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “ยังไม่กินมื้อเย็น พอดีเลย ข้าจะเข้าไปดูเสียหน่อย”
หลิวหยิ่งมองดูเฟิ่งชิงหัวเดินเข้าประตูไป แววตาแฝงไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ
เฟิ่งชิงหัวค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องนอนของจ้านเป่ยเซียว แววตาพิจารณามองสิ่งที่อยู่รอบข้างอย่างสนอกสนใจ จะว่าไป นี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาในห้องขอจ้านเป่ยเซียว กลางดึกเมื่อคืนที่ถูกจับตัวเข้ามาถือว่าไม่นับ
ดูการตกแต่งจืดชืดเหมือนกับตัวเขาไม่มีผิด สิ่งของที่อยู่ข้างในล้วนเป็นสีขาวดำและเทา บนผนังแขวนภาพวาดเอาไว้สองภาพ ลายมือชื่อที่ลงเอาไว้ก็ยังเป็นชื่อของตัวเขาเอง นับว่าไม่ได้เป็นคนหยิ่งผยองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหลงตัวเองอีกด้วย
ด้านหลังฉากกั้นรูปทิวทัศน์มีเตียงวางอยู่หนึ่งหลัง สายตาอันแหลมคมของเฟิ่งชิงหัวยังสังเกตเห็นเข้าอีกว่า แม้กระทั่งเตียงที่ผู้ชายคนนั้นนอนก็เป็นสีขาวดำ จึงอดขำไม่ได้ คนผู้นี้สมเป็นชายแท้จริง ๆ เฟิ่งชิงหัวส่ายหน้าอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้ายืนทำลับ ๆ ล่อ ๆ อะไรอยู่ที่ประตู ?” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาจากทางด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เฟิ่งชิงหัวถูกทำให้ตกใจ จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า จ้านเป่ยเซียวยืนอยู่ด้านหลังประตูอย่างเงียบ ๆ มาตลอด เมื่อครู่นางสนใจเพียงแค่ภาพที่อยู่ด้านหน้า จนลืมคำนึงถึงมุมอับตรงประตูทางเข้า
“ข้าทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ไหนกัน ท่านต่างหากที่ชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ดี ๆ ไม่อยู่ กลับจำเพาะต้องไปยืนอยู่ตรงนั้น” เฟิ่งชิงหัวหันไปกลอกตาใส่เขา แล้วเดินออกจากห้องไป จากนั้นจึงวางกล่องสองสามใบที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ
“หึ อย่าหาว่าข้าไม่ดูแลท่านล่ะ ของเหล่านี้เป็นของที่ข้าเลือกให้ท่านโดยเฉพาะเลยนะ”
จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า : “ข้าให้ตั๋วเงินกับเจ้าจนซื้อของมาได้หนึ่งคันรถม้า แต่เจ้ากลับให้ของไร้สาระแค่สองสามชิ้นนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ ?”
“ของไร้สาระที่ไหนกัน ? นี่คือของที่ข้าตั้งใจเตรียมโดยเฉพาะเลยนะ” เฟิ่งชิงหัวชักไม่สบอารมณ์ กล่องที่แต่เดิมถูกห่อไว้อย่างประณีต แต่กลับถูกมือใหญ่ของเขาปักจนกระจัดกระจาย
หยิบหน้ากากดินเผาออกมาจากด้านนสองชิ้น ชิ้นหนึ่งใช้ปกปิดใบหน้าส่วนบน ส่วนอีกชิ้นหนึ่งใช้ปกปิดใบหน้าส่วนล่าง มีการวาดลวดลายดอกบัวสีน้ำเงินเอาไว้ด้านบนเหมือนกันทั้งสองชิ้น
“ท่านดูสิ ท่านเอาแต่สวมหน้ากากสีเงินนี้อยู่ทั้งวัน จริงอยู่ที่อาจจะดูหล่อเหลา แต่ต้องสวมใส่อยู่ทุกวันไม่รู้จักเบื่อบ้างหรืออย่างไร ดังนั้นเมื่อข้าเห็นหน้ากากคู่นี้ก็นึกถึงท่านทันที หากท่านสวมใส่แล้วจะต้องดูดีมากอย่างแน่นอน”
มือของจ้านเป่ยเซียววางอยู่บนพนักวางแขน ปลายนิ้วของเขาขยับ และหันมองเฟิ่งชิงหัวด้วยแววตาที่ซับซ้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...