เฟิ่งชิงหัวถอนใจแล้วเดินเชิดหน้าออกจากวังไปพร้อมๆกับจ้านเป่ยเซียว หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว เฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันจะตั้งตัวได้ ก็ถูกสายตาของคนคนหนึ่งจ้องเขม็งเสียแล้ว
เมื่อเห็นสายตาของจ้านเป่ยเซียวมีไฟลุกโชน แววตาของเขาล้ำลึกและหนักอึ้ง และจ้องมาที่เฟิ่งชิงหัวไม่วางตา
เมื่อโดนสายตาอำมหิตของจ้านเป่ยเซียวจ้องเขม็งเช่นนี้ เฟิ่งชิงหัวก็รู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นระส่ำไม่หยุด นางตระหนกมากจนไม่รู้ว่าจะเอามือไปวางไว้ตรงไหน
ทันใดนั้นเอง จ้านเป่ยเซียวก็โน้มตัวเข้ามาอยู่ใกล้เฟิ่งชิงหัวมาก หัวใจของเฟิ่งชิงหัวแทบจะหยุดเต้น
คนผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ทำไมต้องใช้สายตาแบบนี้จ้องนางด้วย
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังเข้ามาจากด้านนอกรถม้า “นายท่าน เรื่องนั้นถูกไต่สวนคลี่คลายแล้วขอรับ เป็นคนใกล้ตัวขององค์หญิงซีหลันร่วมมือกับองค์หญิงเหออานตั้งใจจะใส่ร้ายพระชายา ตอนนี้ฝ่าบาทรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว สาวใช้ข้างกายขององค์หญิงซีหลันได้ชิงกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ส่วนองค์หญิงซีหลันถูกทำลายใบหน้า ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาอยู่ ฝ่าบาทน่าจะไม่เอาเรื่องนางแล้ว ส่วนองค์หญิงเหออานโดนถูกสั่งกักบริเวณไม่ให้ออกไปข้างนอกขอรับ”
จ้านเป่ยเซียวหันไปมองเฟิ่งชิงฟัว “ฝีมือเจ้าใช่ไหม?”
เฟิ่งชิงหัวกลืนน้ำลายแล้วแกล้งทำเป็นกล่าวอย่างหนักแน่น “ถ้าเป็นฝีมือข้าแล้วอย่างไร นางหวังจะทำร้ายข้า หรือว่าข้าต้องยอมให้นางทำร้าย?”
จ้านเป่ยเซียวไม่ได้กล่าวอะไร ยังคงจ้องเฟิ่งชิงหัวเขม็ง ราวกับว่ารอให้นางอธิบายเหตุผลที่ดีกว่านี้
เฟิ่งชิงหัวหัวใจกระตุกวูบ ข้ออ้างของนางไม่ดีตรงไหนหรือ?
เขาคงดูไม่ออกหรอกกระมังว่าที่นางทำให้องค์หญิงซีหลันเสียโฉมเพราะมีวัตถุประสงค์อื่น
เมื่อคิดได้ดังนี้เฟิ่งชิงหัวก็กระแอมออกมาแล้วกล่าวว่า “อะไรนะ หรือว่าพอท่านได้ยินว่าใบหน้าของนางเสียโฉมเพราะข้า ท่านเลยรู้สึกเสียดายขึ้นมางั้นหรือ ไหนท่านบอกว่าไม่ชอบนาง ตอนนี้หางงอกออกมาเสียแล้วรึ”
“ข้าตาบอดอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของจ้านเป่ยเซียวเต็มไปด้วยความหัวเสีย
เมื่อกล่าวจบจ้านเป่ยเซียวก็ยืดหลังตรง และไม่มองไปที่เฟิ่งชิงหัวอีก ท่าทางเช่นนี้ของเขาดูเย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก
เฟิ่งชิงหัวแอบตบอกตนเอง นับว่ารอดตัวไปได้
รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวไปตามทางในพระราชวัง ตลอดทางจ้านเป่ยเซียวไม่หันมาคุยกับเฟิ่งชิงหัวเลยแม้แต่คำเดียว เฟิ่งชิงหัวจึงอยู่อีกฝั่งหนึ่งคนเดียวเงียบๆ
เมื่อกลับไปถึงจวนแล้ว เฟิ่งชิงหัวก็รีบเปลี่ยนไปใส่ชุดผู้ชายและเดินยืดอกออกจากจวนไป พร้อมกับมีคนแอบสะกดรอยตามนางออกมาด้วย สุดท้ายเฟิ่งชิงหัวจึงสลัดพวกเขาออกไปได้โดยง่าย
เฟิ่งชิงหัวมุ่งหน้าไปหาอู่ตู๋จื่อ ตอนอยู่ที่พระราชวังเฟิ่งชิงหัวได้หาโอกาสนัดพบกับเหยียนซื่อ ฮูหยินท่านโหวของจวนเจ้าผู้อารักขา โดยนัดแนะให้นางจุดโคมลอยสามดวงด้านนอกประตูจวนโหวในตอนดึก
“อาจารย์ย่า” อู่ตู๋จื่อออกมาต้อนรับอย่างนอบน้อม แล้วเริ่มรายงานสถานการณ์ของเนี่ยหานชิงในปัจจุบัน
เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ตอนนี้สามารถวิ่งและกระโดดได้แล้ว แต่ละวันหากมีเวลาว่างจะมาที่นี่เพื่อขอเข้าพบผู้มีพระคุณเพื่อขอบคุณ
“ใครอยากรับคำขอบคุณของเขากันล่ะ วันหน้าหากมาอีกก็ไล่กลับไปได้เลย” เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างเหลืออด ปัญหาระหว่างหมอและคนไข้เป็นเรื่องน่าเครียดมาโดยตลอด ดีที่สุดควรเว้นระยะห่างแก่แัน ในเมื่อรักษาหายแล้วก็ไม่ควรมีอะไรต้องติดค้างกันอีก
อู๋ตู๋จื่อกล่าวด้วยสีหน้าเหวอ “ข้าน้อยไม่รู้ว่านายท่านจะมา ก็เลยไม่ได้ขวางเขาเอาไว้”
เฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันจะตกผลึกคำว่าไม่ได้ขวางเอาไว้ ร่างของคนคนหนึ่งก็โฉบเข้ามาอย่างร่าเริงราวผีเสื้อ และนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของนาง “ผู้มีพระคุณ! ผู้มีพระคุณได้โปรดรับคารวะจากหานซิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว
จะอัพเรื่องนี้ต่อไปมั้ยค่ะ😭...
เรื่องนี้หายไปนาน...