พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ นิยาย บท 103

ตอนที่ 103 เป็นฝ่ายไปส่งถึงประตูบ้าน

ได้ยินมาว่าเป่ยจื่อห้าวฟื้นแล้ว ในใจของจางยวี่โหร่วก็ความกังวลใดใด

นางเกลียดชังเป่ยจื่อห้าวเข้ากระดูกมาตั้งนานแล้ว เกลียดชังที่สุดจนหัวใจเริ่มรู้สึกชินชา

หลังจากหมดทั้งที่เป่ยจื่อห้าวก็ทำเรื่องเลวร้ายหลายสิ่งหลายอย่างกับนางมากมายในชาติก่อน จนถึงกับฆ่าคนในตระกูลของนางทั้งหมด นางก็รู้มาก่อนแล้วว่าเป่ยจื่อห้าวเป็นคนอย่างไร

ความเคียดแค้นระหว่างนางกับเขา อยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้ตั้งนานแล้ว และอย่างมากที่สุดก็แค่คิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่พร้อมกับเท่านั้น

จนต้องมีสักวันหนึ่งที่นางจะเอาชีวิตสุนัขของเป่ยจื่อห้าวด้วยมือของตัวนางเองให้ได้

และตอนนี้สิ่งที่ทำให้นางลังเลใจ กลับเป็นอีกปัญหาหนึ่ง

สามวันแล้ว ตอนแรกนางไม่ได้กำหนดเวลาของตัวเองไว้มาก และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้าแล้ว

ทุกครั้งเวลาที่นางอาบน้ำ ก็จะถูผิวของตัวเองแรงๆ ต่อให้ทั่วร่างกายจะแดงไปหมดก็ไม่หยุด แม้จะเป็นแบบนั้น นางก็ยังรู้สึกว่าตัวเองสกปรกอยู่

ร่องรอยบนเรือนร่างได้หายไปแล้ว แต่ในใจของนางกลับเป็นบาดแผลที่ไม่อาจจางหายไปได้

ของบางอย่าง เมื่อสูญเสียไปแล้ว ก็ไม่อาจเอากลับคืนมาได้

ดังนั้น ก่อนหน้านั้นนางสามารถเผชิญหน้ากับหันยี่ฉีได้อย่างสงบใจ แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกต่ำต้อยโดยสัญชาตญาณจนรู้สึกว่าติดค้างอะไรกับเขาไว้

นี่คือข้อตกลงที่พวกเขาเคยตกลงกันก่อนหน้านั้น แต่นางสูญเสียหมากในการต่อรองไปอย่างกะทันหัน ต่อให้นางมีความคิดในใจแบบนั้นก็เป็นเรื่องปกติ

ในขณะนั้น นางกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองดูตัวเองในกระจกอย่างเลื่อนลอยและรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

ในกระจกสีบรอนซ์เป็นภาพของใบหน้าที่สวยงดงาม ผิวพรรณขาวดั่งหิมะ ริมฝีปากแดงกระจับ ฟันขาวสว่าง งามจนล่มเมือง

เว้นแต่ว่านางไม่ต้องการไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นผู้หญิงในโลกนี้จะมีใครที่มีเสน่ห์ฉลาดและสง่างามเช่นนางอยู่อีก?

เสี่ยวเฟิงยืนอยู่ข้างหลังนางพร้อมยิ้มและพูดว่า “ คุณหนู วันนี้ท่านช่างงดงามเหลือเกิน หากท่านอ๋องชิงผินเห็นล่ะก็ จะต้องหลงใหลจนหัวปักหัวปําแน่ ”

นี่เป็นความต้องการของจางยวี่โหร่วเอง นางต้องการแต่งตัวด้วยหัวใจ

ไม่ว่าจะเพื่ออะไร นางจะต้องช่วงชิงผลลัพธ์เพื่อตัวเองมาให้ได้

และนางยังมีเรื่องขอร้องเขา มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยให้นางจัดการเรื่องให้สำเร็จได้ นางจะไม่มีวันยอมแพ้ อย่างแน่นอน

นางลุกขึ้นยืน แล้วพูดเบาๆว่า “ พอได้แล้ว เราไปกันเถอะ ”

เรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวนางเอง นางควรจะกล้าเผชิญหน้า ดังนั้นนางต้องไปหาเขาที่ตำหนักอ๋องชิงผิน ไม่ใช่รอให้เขามาหาถึงหน้าประตูบ้าน

เคยมาที่ตำหนักอ๋องชิงผินหลายครั้งแล้ว แต่สภาพจิตใจในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนมาก

คนในตำหนักรู้จักนางอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นนางก็รีบทำความเคารพและเรียกนางว่าพระชายาทันที

หากพูดในนาม นางก็คือภรรยาของหันยี่ฉีและเป็นพระชายาของตำหนักอ๋องชิงผิน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า พระชายาอย่างนางเป็นแค่ในนามเท่านั้น

สิ่งที่ทำให้นางแปลกใจก็คือ นางใกล้จะเดินถึงห้องหนังสือของหันยี่ฉีแล้ว แต่เหตุใดยังไม่เห็นเย่นอิ่งปรากฏตัวออกมาเลย

ไม่ว่าครั้งไหนที่จางยวี่โหร่วมาหาเขาก่อนหน้านั้น นางจะคอยจับตามองอยู่ข้างๆตลอดไม่ใช่หรือ เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาร้ายของนาง ก็เหมือนกับต้องการจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ

หรือว่านางถูกส่งออกไปปฏิบัติงาน?

อาจจะเป็นเพราะใจที่คอยอยากรู้อยากเห็น นางทำให้สาวใช้ที่คอยรับหน้าประตูตั้งข้อสงสัยกับตัวเอง กลับไม่คิดว่าสาวใช้คนนั้นจะสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและบอกว่าแม่นางเย่นอิ่งได้ถูกลงโทษจากท่านอ๋องเพราะทำผิดมา ในภายภาคหน้าก็จะไม่ได้อยู่ข้างกายท่านอ๋องอีกต่อไป

เมื่อได้ยินข่าวนี้ จางยวี่โหร่วรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านั้นนางคิดว่า เย่นอิ่งกับเย่นหลินสองพี่น้องเป็นผู้คุ้มกันข้างกายของหันยี่ฉีและสามารถช่วยเขาจัดการเรื่องต่างๆมากมาย เป็นผู้ช่วยคนสนิทและฝีมือดีของเขา

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ถึงได้ทำให้เขาโกรธถึงเพียงนี้ และยังไล่เย่นอิ่งไปอีก มันน่าแปลกใจมากเลยไม่ใช่หรือ?

เพียงแต่ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง นางคอยดูแลตัวเองให้ดีก่อนจะดีกว่า เพราะว่าห้องหนังสือนั้นใกล้เข้ามาตรงหน้านางแล้ว

“ ท่านอ๋อง พระชายามาแล้วเพคะ! ”

เห็นได้ชัดว่าคนข้างในได้ยินที่พวกเขาพูดแล้ว ไม่นานนัก ประตูห้องหนังสือก็ถูกเปิดออกและเห็นภาพเงาของคนร่างสูงยาวใส่ชุดสีขาวที่มีเสน่ห์และสุภาพเรียบร้อย

แต่สิ่งที่สะดุดตายิ่งกว่า กลับเป็นหน้ากากหมาป่าสีบรอนซ์บนใบหน้าที่ดูเหมือนพญายมในนรกของเขา ทุกครั้งที่เห็นหน้ากากนี้ อารมณ์อื่นๆในตัวเขาก็จะถูกคนมองข้ามได้ง่าย

เมื่อพาจางยวี่โหร่วมาส่งถึงที่ห้อง สาวใช้คนนั้นก็รีบถอยกลับไปทันที เสี่ยงเฟิงก็ถอยกลับไปอย่างรู้เรื่องเช่นกัน

ต่อจากนี้ก็ให้เวลาส่วนตัวพวกเขาทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน นางให้กำลังใจคุณหนูของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่ในใจ เชื่อว่านางจะต้องทำได้

ทั้งสองคนสบตากัน บรรยากาศเงียบสงบมาก จนสุดท้ายหันยี่ฉีเป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ