อ่านสรุป ตอนที่ 123 จงใจทำให้ผู้อื่นลำบากใจในสวนบุปผชาติหลวง จาก พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ โดย ฝูซูกงจื่อ
บทที่ ตอนที่ 123 จงใจทำให้ผู้อื่นลำบากใจในสวนบุปผชาติหลวง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูซูกงจื่อ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 123 จงใจทำให้ผู้อื่นลำบากใจในสวนบุปผชาติหลวง
เพราะเรื่องที่ถกกันขณะเข้าพระราชวังในคราวที่แล้วถูกหลันเชียงคนนั้นรบกวน พวกเขาก็มิอาจพูดกันต่อไปได้อีก
ถ้าครั้งต่อไปมีคนมากมายขนาดนี้มาร่วมชุมนุมด้วยกันเหมือนตอนนี้ เกรงว่าจะชักนำความสนใจของผู้อื่นได้อย่างง่ายดายมาก ถึงเวลานั้นมิอาจตกสภาพปากลิ้นอย่างไรก็สามารถชักนำให้เกิดปัญหาขึ้นได้
ดังนั้น นางและหลิงจือก็ได้แยกย้ายกันเคลื่อนไหว
นางเองไปอธิบายกับเซียนเฟย ส่วนด้านซูเฟยนั้นก็มอบให้หลิงจือไปจัดการ
เมื่อหลิงจือไปถึง พอดีซูเฟยมีงานยุ่งที่ต้องจัดการ เดือนนี้บัญชีของวังหลังต้องดูแลให้เรียบร้อย หลังจากสนทนากับนางสักพักก็ไปทำงานอีกแล้ว หลิงจือไม่คิดรบกวนนาง หลังจากนั้นก็จากไป
แต่นางเพิ่งเดินออกมาจากสวนบุปผชาติหลวง ก็เผชิญหน้ากับขบวนที่ยิ่งใหญ่ขบวนหนึ่ง ถึงกับมีสง่าราศีมากกว่าขบวนยาตราของฮ่องเต้อีก
ในพระราชวังนี้ ทุกคนล้วนทำการอย่างระมัดระวังและอ่อนน้อมถ่อมตน กลัวว่าตนเองจะชักนำเภทภัยอะไร
แต่มีเพียงผู้เดียวที่ฮ่องเต้ทรงรักโปรดปราน ศักดิ์ศรีสูงส่งไร้ที่เปรียบปาน ไม่ว่าเขาทำอะไรล้วนเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ไม่มีใครกล้าว่าเขาสักคำเดียว
พอหลิงจือได้เห็นพวกเขาก็คิดจะลดความรู้สึกในการดำรงอยู่ของตนเองลง ก้มศีรษะลงก็คิดจะวิ่งหนีไปทันที
ในความเป็นจริงตอนนี้นางยังคงทิ้งระยะห่างจากพวกเขาช่วงหนึ่ง ถ้าจะหนีไปก็ยังคงมีเวลาทัน
แต่ขณะที่นางเพิ่งหันหลังไป ยังเดินไม่ถึงสองก้าว เวลานี้มีเสียงกรีดร้องแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังแต่ไกล
“นางกำนัลที่ขวัญกล้าบังอาจนัก เห็นฝ่าบาทองค์รัชทายาทกลับไม่ทำความเคารพ ยังไม่รีบหยุดให้ข้า”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเสียงของเฉินซูเสียน เห็นได้ชัดว่านางจงใจ และที่นางแต่งตัวในวันนี้ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเป็นนางกำนัล
ในความเป็นจริง พวกเขาทั้งขบวนเพิ่งเดินมาถึงระเบียงริมทะเลสาบ ส่วนนางยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าออกของสวนบุปผชาติหลวง ระยะไกลกันขนาดนั้น แม้จะจากไปก็เป็นเรื่องปกติด้วย
แต่ถ้าคนอื่นคิดจะหาข้อผิดพลาดอย่างจงใจ ถ้างั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่มีทาง
ในเมื่อถูกเรียกให้หยุด หลิงจือก็ได้แต่หันหลังกลับมา มิฉะนั้นยังไม่รู้ว่าจะตกเป็นวัวสันหลังหวะให้พวกเขาได้จับผิดอะไรอีก
นางยืนอยู่ที่เดิม ก้มศีรษะมือแนบกายทำความเคารพ รอจนพวกเขาเดินมาใกล้
ในไม่ช้า เป่ยจื่อเฉินและเฉินซูเสียนทั้งขบวนก็ได้มาใกล้ตรงหน้า ล้วนแสดงสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด
“หม่อมฉันขอคารวะองค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงพระเจริญเพคะ” หลิงจือคำนับถวายความเคารพเป่ยจื่อเฉิน
เป่ยจื่อเฉินได้พบหลิงจือเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็โง่งมมาก แม้ว่าเขาจะได้เห็นสาวงามเต้นรำในงานเลี้ยงที่พระราชวัง พอหันศีรษะไปก็ลืมชื่อไปแล้ว
แต่เขารู้ว่าก็คือสาวงามคนนั้นที่ถูกพระราชทานให้เป็นพระชายาของพระอนุชาที่สอง เวลานั้นในใจเขายังรู้สึกอิจฉาบ้าง ตอนนี้ได้เห็นใบหน้าของหลิงจือ เขาเสียหน้ามาก แต่ก็จดจำนางออก ในใจรู้สึกไม่สบายบ้าง
มองไปยังเฉินซูเสียนที่อยู่ด้านข้างอีกก็มีสีหน้าขรึมอำมหิตด้วย แน่นอนเขาควรจะแสดงออกดี ๆต่อหน้านางสักครั้ง
“หรือว่าในสายตาเจ้ามีเพียงฝ่าบาทเท่านั้น ไม่เห็นพระชายาองค์รัชทายาทของฝ่าบาทหรือ? เจ้ากล้าดูถูกพระชายาองค์รัชทายาท นั่นก็เป็นการดูหมิ่นข้าด้วยเหมือนกัน”
หลิงจือย่อมเข้าใจเหตุผลที่ทำให้เรื่องเงียบสงบผู้คนยอมรับเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงได้ถวายคำนับต่อเฉินซูเสียนคราหนึ่งด้วย
“หม่อมฉันขอพระชายาองค์รัชทายาททรงพระเจริญเพคะ”
เมื่อแรกนางเลือกที่จะอภิเษกสมรสกับเป่ยจือเฉิน ไม่ใช่เพราะเพื่อแก้แค้นหรอกหรือ?
นางรักองค์ชายสองมาเป็นเวลานานขนาดนั้นแล้ว เขาล้วนไม่สนใจนางสักนิด แต่นังสารเลวนี่พอปรากฏตัวขึ้นก็ได้ชิงเอาแววตาของเขาไป ให้เขาได้รับพระราชทานอภิเษกสมรสกับนางโดยตรงจากฮ่องเต้ เฉินซูเสียนอิจฉาแทบตายจนมิอาจเสริมเพิ่มไปกว่านี้ แทบจะเกลียดหลิงจือเข้ากระดูก
“ฝ่าบาทองค์รัชทายาท หม่อมฉันดูก็เช่นนี้เถอะ นางใกล้จะเป็นพระชายาองค์ชายสองแล้ว ถ้าให้องค์ชายสองรู้ ยังคิดว่าเราจงใจแกล้งนางน่ะ มิอาจให้นังสารเลวที่ไม่รู้ความคนนี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพวกเจ้าสองพี่น้องเพค่ะ”
นางอาศัยอะไรถึงเรียกนางว่านังสารเลว? หลิงจือกัดริมฝีปากด้วยความอัปยศอดสู แต่ตอนนี้นางกลับไม่สามารถพูดอะไรได้มาก
ขอเพียงพวกเขาสามารถปล่อยนางไปไม่ว่าความอัปยศอดสูแบบไหนนางล้วนยอมรับแล้ว
นางไม่หวังให้พระนางซูเฟยและองค์ชายสองรู้เรื่องนี้ นางไม่คิดสร้างปัญหาให้พวกเขา
นางก็รู้ว่าคราวนี้คนที่นางทำให้ไม่พอใจคือองค์รัชทายาท ไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถจัดการได้ ถ้าพวกเขาเข้ามาร่วมด้วย ถ้างั้นเรื่องก็ต้องวุ่นวายกันไปใหญ่แน่นอน นางไม่คิดเพราะนางเป็นเหตุจนเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องที่มิอาจจัดเก็บให้เรียบร้อยได้
เฉินซูเสียนไม่กล่าววาจานี้ยังดี พอเอ่ยถึงองค์ชายสอง สีหน้าเป่ยจื่อเฉินก็ยิ่งหม่นหมองลงมาโดยตรงแล้ว
“ต่อให้ในอนาคตนางเป็นพระชายาของพระอนุชาที่สอง ก็มิอาจบังอาจไม่รู้กฎเกณฑ์เช่นนี้ ทหาร นำนังสารเลวนี่ไปยังตำหนักดองกงให้กับข้า ข้าจะสั่งสอนนางเองดี ๆ”
ต้องรู้ว่า ในหมู่องค์ชายทั้งหมด คนที่เขาอิจฉามากที่สุดก็คือเป่ยจื่อหัว เพราะเขาเป็นคนดีที่สมบูรณ์แบบเกินไป เขาเรียนรู้อย่างไรก็ไม่สามารถเรียนรู้ออกมาได้ ล้วนเป็นแค่การเลียนแบบประดุจตงซือเลียนแบบขมวดคิ้ว ยิ่งเลียนแบบก็ยิ่งอัปลักษณ์
ถึงแม้ว่าเขาจะเหนือกว่าในฐานะโอรสของพระมเหสี แต่ก็ไม่สามารถทนต่อการปรากฏตัวของคนที่โดดเด่นเป็นที่นิยมเกินไปมาเบ่งทับรัศมีของตนได้
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงได้ระบายความโกรธของเขาทั้งหมดลงไปที่หลิงจือจนหมดสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
เรื่องนี้ยังไม่จบเลยค่ะ ทำไมสถานะเสร็จสิ้น ไม่อัพแล้วหรอ...