ตอนที่ 34ดวงมากรัก
“ฝ่าบาทเสด็จ !” เสียงร้องดังสูงของขันทีที่ตามเสด็จ ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนอยู่ตรงที่นั่งของตัวเอง แล้วคุกเข่าโขกศีรษะคำนับกับพื้น
“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นๆปี !”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก !” น้ำเสียงของฮ่องเต้ฟังไปแล้วเหมือนแฝงด้วยความอ่อนล้า ได้ยินมานานแล้วว่าฮ่องเต้ทรงเป็นกังวลเรื่องราชกิจ ตรากตรำพระวรกายจนไม่สบาย ร่างกายจึงไม่แข็งแรงเหมือนก่อน ทุกคนจึงรู้สึกอดเป็นห่วงฮ่องเต้ไม่ได้
เมื่อจางยวี่โหร่วลุกขึ้นจากถวายบังคมแล้ว ถึงได้เห็นร่างเพรียวบางที่สวมชุดคลุมสีขาวผู้นั้นยืนอยู่ข้างพระองค์ นางถึงได้รู้ว่าทำไมจึงไม่เห็นเขา ที่แท้เข้าวังมาก็เพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แล้วถึงได้ตามเสด็จมาด้วย
ในเวลานั้น ลูกตาลึกที่อยู่หลังหน้ากากนั่นจ้องมองนางอย่างไม่วางตา จ้องจนจางยวี่โหร่วรู้สึกประหม่า ราวกับว่าตัวเองทำเรื่องไม่ดีอย่างนั้นหล่ะ
องค์หญิงฉางเล่อพอเห็นฮ่องเต้ ก็รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างดีใจ กอดขาฮ่องเต้พูดเสียงหวานว่า “เสด็จพ่อ ทำไมมาช้าจังเลยเพคะ”
“เล่อเอ๋อ เสด็จพ่อมีเรื่องให้ทรงคิดทั้งวัน อย่าเสียมารยาทกับเสด็จพ่อสิ” เสียนเฟยรีบตำหนินางเบาๆ
ฮ่องเต้เอี้ยวตัวลงอุ้มนางขึ้นมา แล้วรีบยกมือห้าม “ไม่เป็นไร เล่อเอ๋อยังเด็ก ข้าเองก็ชอบที่นางมาคุยเล่นด้วยทุกวัน ใครใช้ให้นางน่ารักขนาดนี้ล่ะ”
มีบุตรสาวเมื่อแก่ แถมยังเป็นพระธิดาองค์เดียว จึงทรงทั้งรักทั้งหลงอย่างไม่ต้องสงสัย เสียนเฟยพอเห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกปลื้มใจนัก
ฮ่องเต้พอเห็นคนจำนวนมากมายมาอยู่ในที่นี้ ก็ทรงถามอย่างประหลาดใจขึ้นทันทีว่า “จริงสิ เมื่อกี้พวกเจ้ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ทำไมถึงได้ครึกครื้นกันนักล่ะ?”
หลังจากที่ฮ่องเต้ถามขึ้นแบบนี้แล้ว เฉินซูเสียนถึงกับตกใจจนสีหน้าซีดเผือด
เมื่อกี้ที่นางจงใจพูดออกไปเพราะต้องการให้หลินจืออับอายขายหน้า เพื่อให้องค์ชายรองรังเกียจนาง
หลังจากเกิดเรื่องการแต่งงานสลับตัวที่เกี้ยวเจ้าสาวในครั้งนั้น ฮ่องเต้ก็ทรงมีรับสั่งห้ามให้ใครนำเรื่องนี้มาพูดต่อ แต่นางกลับเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดต่อหน้าคนตั้งมากมาย หากฮ่องเต้ทรงทราบขึ้นมาล่ะก็ อาจทำให้ถึงกับทรงพิโรธหนักก็ได้?
โชคยังดี พวกของจางยวี่โหร่วไม่ได้พูดเรื่องที่นางไร้มารยาทไปเมื่อครู่นี้ วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเสียนเฟย จะเอาเรื่องนางมาทำให้กระเทือนอารมณ์ฮ่องเต้ได้ยังไงล่ะ?
“ฝ่าบาท หม่อมฉันกับพวกของโหร่วเอ๋อกำลังคุยกันสนุกกับองค์ชายรองเพคะ ทำให้รู้ถึงอัจฉริยภาพที่เลื่องลือขององค์ชายรอง คำพูดทุกคำล้วนแล้วแต่มีสาระ มีเพียงไม่กี่คนที่ทำให้องค์ชายรองชื่นชมได้ วันนี้พวกเรานับว่าได้เปิดหูเปิดตากว้างขึ้นเพคะ” เสียนเฟยรีบทูลตอบ
“หือ? อัจฉริยภาพของหัวเอ๋อแม้แต่ข้าก็ยังเทียบไม่ได้ วันนี้กลับมีคนที่ทำให้เขายอมรับได้ เป็นใครกันหรือ ข้าอยากเห็นหน้าคนผู้นั้นนัก” ในทันทีทันใด ฮ่องเต้ก็ทรงนึกแปลกใจขึ้นมา
“ก็คือหญิงสาวชุดม่วงผู้นี้ คุณหนูหลินเพคะ”
พอฮ่องเต้ทอดพระเนตรใบหน้าของนาง ก็ต้องตกตะลึงขึ้นทันที นั่นเพราะเป็นใบหน้าที่ทรงจำได้ เมื่อหลายวันก่อน ยังเห็นนางอยู่ที่ห้องสมุดอยู่เลย
ในตอนนั้น ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้พระองค์ทรงปวดหัวอย่างหนักยากที่พระองค์จะตัดสินใจลงไปได้ นางเป็นธิดาของหลินส้าวเจียนที่สลับตัวกับเด็กคนนั้นที่เป็นหลานสาวของจางไท่ซือที่เกี้ยวเจ้าสาวมิใช่หรือ?
ที่จริงด้วยฐานะของนางแล้ว ฮ่องเต้ย่อมต้องทรงไม่ทราบว่านางเป็นใคร แต่เพราะว่าเรื่องในครั้งนั้น ทำให้เกิดภาพจำฝังลึกในใจของพระองค์
“หือ? เจ้านี่เอง ! ข้ามาถึงก็ได้ฟังเสียนเฟยเอ่ยปากชมเจ้าแล้ว แม้แต่ลูกหัวเอ๋อก็ยังชื่นชมเจ้าถึงขนาดนี้ เจ้าคงต้องมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่นสินะ?”
“หลินจือรีบคุกเข่ากับพื้นอย่างหวาดกลัว “ข้าน้อยไร้ความสามารถ เพียงแต่พูดโดยไม่ทันคิดเท่านั้นเพคะ”
“พูดโดยไม่ทันคิดแต่กลับทำให้หัวเอ๋อชื่นชมขนาดนี้ได้ เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก”
เป่ยจื่อหัวพูดพลางยิ้มขึ้นว่า “หญิงสาวที่สามารถพูดว่า ‘เกิดจากโคลนตมแต่ไม่แปดเปื้อน โดนน้ำสาดแต่ไม่เป็นมาร’ เช่นนี้ได้ ที่จริงก็ไม่ได้เก่งกาจที่สุดอะไร เสด็จพ่อก็อย่าทำให้นางลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ
เรื่องนี้ยังไม่จบเลยค่ะ ทำไมสถานะเสร็จสิ้น ไม่อัพแล้วหรอ...