พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ นิยาย บท 35

สรุปบท ตอนที่ 35ของขวัญจากจางยวี่โหร่ว: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ

ตอน ตอนที่ 35ของขวัญจากจางยวี่โหร่ว จาก พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 35ของขวัญจากจางยวี่โหร่ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ ที่เขียนโดย ฝูซูกงจื่อ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 35ของขวัญจากจางยวี่โหร่ว

ภายในเวลาอันรวดเร็ว งานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้น

วันนี้ทุกคนต่างก็เข้าวังเพื่อมาอวยพรวันเกิดให้แก่เสียนเฟยผู้เป็นพระสนม บรรดาคุณหนูแต่ละนางก็ได้พากันไปเตรียมความสามารถของตัวเอง เพราะต่อไป จะต้องขึ้นไปแสดงบนเวทีตามลำดับ

เฉินซูเสียนได้ขึ้นเวทีเป็นคนแรก นางเป็นคนนิสัยแข็งกร้าวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าทำอะไรก็ชอบออกหน้าเป็นที่หนึ่งก่อนเสมอ ทั้งบิดาของนางยังเป็นเฉินกั๋วกง ดังนั้นการที่บรรดาคนรับใช้ในวังจัดให้นางได้ขึ้นเป็นคนแรกจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่อย่างใด

การแสดงของเฉินซูเสียนคือการเต้น”ระบำผ้าไหม”

ในตอนนี้ นางได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดระบำสีชมพู แต่งหน้าสวยวิจิตรงดงามยิ่ง

ที่จริงนางมีหน้าตาที่ไม่เลวเลย แต่เพราะท่าทียโสอวดดีและนิสัยชอบตวาดทำให้ลดทอนความงามของนางลงไม่น้อย

ว่าไปแล้ว ความงามแม้จะสำคัญก็จริงอยู่ แต่คุณค่าที่อยู่ข้างในต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า

ทว่าในตอนนี้ ขณะที่นางเต้นระบำใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ร่างกายอ่อนช้อยยิ่ง แถบผ้าสีรุ้งที่นางสะบัดรำนั้นก็ดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าเฉินซูเสียนเตรียมมาเพื่องานเลี้ยงในวันนี้ โดยเฉพาะเพื่อจะได้แสดงต่อหน้าองค์ชายรอง ถึงได้ยอมทุ่มเทพลังกายฝึกท่าระบำชุดนี้อย่างยากลำบาก

ทุกครั้งนางจะส่งสายตาที่แสดงออกซึ่งความรักมองไปที่องค์ชายรอง หวังว่าเขาจะสนใจในตัวของนาง

ระบำแรกจบลง ด้านล่างเวทีปรบมือเสียงดัง แม้แต่ฮ่องเต้ยังกล่าวชมว่า “ดี !”

เห็นได้ว่า ระบำของเฉินซูเสียนแสดงออกมาได้สวยงามที่สุด ทำเอาประทับใจผู้คน

จางยวี่โหร่วสังเกตเห็นว่า สายตาของเป่ยจื่อห้าวไล่ตามเฉินซูเสียนไปตลอด ความหลงใหลฉายอยู่ในแววตาของเขา เขาเป็นคนประเภทเห็นคนไหนก็รักคนนั้น แต่ก่อนทำไมนางถึงคิดว่าเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียวได้นะ เป็นตัวเลือกสามีที่หายากนักหรือ?

น่าจะเพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำเสียกิริยาไป จึงรีบดึงสายตากลับมา มองไปซ้ายทีขวาที พอเห็นว่าไม่มีใครมองมาที่เขา ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาเบาๆ

จ้าวซินซินนั่งอยู่ข้างเขามองเขาอย่างรู้สึกหงุดหงิด เขาไม่เคยหันไปมองนางเลยสักครั้ง

ต่อไป ก็ยังมีคุณหนูอีกหลายคนขึ้นไปทำการแสดง ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงเต้นรำไม้ไผ่ ถึงแม้จะดูออกว่าพวกนางทุ่มเทแสดงกันเต็มที่ ทว่าทุกคนที่นั่งกันอยู่ในที่นี้มีตำหนักไหนบ้างที่ไม่มีนักร้องนักเต้นรำ ล้วนแต่เคยได้ดูได้ฟังเสียจนคุ้นชินหมดแล้ว ใบหน้าของทุกคนจึงไม่แสดงอาการสนใจแต่อย่างใด

เสียนเฟยเห็นจางยวี่โหร่วเอาแต่หยอกล้อเล่นกับองค์หญิงฉางเล่อหรือไม่ก็ป้อนของกินให้นางทาน จึงอดไม่ได้ต้องถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“โหร่วเอ๋อ ก่อนนี้ทุกปีในงานวันเกิดข้า ของขวัญที่เจ้าให้ข้าเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ปีนี้เจ้าคิดอะไรแปลกใหม่ออกมาอีกหรือเปล่า?”

จางยวี่โหร่วยิ้มพลางตอบว่า “ของขวัญน่าตกใจนี้ยังบอกไม่ได้ค่ะ ไม่อย่างนั้นพอถึงตอนนั้นก็ไม่ประหลาดใจแล้วสิ ท่านรอดูต่อไปแล้วกัน”

เสียนเฟยเมื่อเห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของนางแบบนี้ จึงตั้งความหวังอย่างเต็มเปี่ยม

เรื่องราวยังคงพัฒนาไปตามลำดับเหมือนเมื่อครั้งชาติก่อน ชาติก่อนนี้ เฉินซูเสียนก็แสดงการเต้นระบำผ้าไหมนี้เช่นกัน

ฮ่องเต้ตอนชาติก่อนได้รับสั่งว่า คนที่สามารถคว้าที่หนึ่งมาครองได้ จะทรงให้ตามความปรารถนาทุกอย่าง ในตอนนั้นนางกับเป่ยจื่อห้าวเข้าพิธีแต่งงานท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก สุดท้ายเฉินซูเสียนก็คว้าที่หนึ่งไปได้ และบอกความปรารถนาของตัวเองว่าต้องการแต่งงานกับองค์ชายรอง

แม้เป่ยจื่อหัวจะไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ทนถูกบีบบังคับไม่ไหวจนต้องยอมแต่งกับนาง หลังแต่งงานแล้วก็ใช้ชีวิตเหมือนพ่อหม้าย สุดท้ายถูกเป่ยจื่อห้าวให้ร้ายว่าคิดก่อการกบฏ จบลงที่การโดนตัดศีรษะ

ดังนั้น งานเลี้ยงในวันนี้ นางต้องคว้าที่หนึ่งมาครองให้ได้ และนางได้เตรียมแผนการมานานแล้ว

“จริงหรือ? ข้ายังนึกแปลกใจอยู่ ก่อนนี้งานวันเกิดของเจ้าทุกปี นางจะมีของขวัญแปลกๆเตรียมมาให้เจ้าบันเทิงใจทุกครั้ง ปีนี้จู่ๆกลับนิ่งเงียบไป ที่แท้ก็แอบไปเตรียมการแสดงที่น่าตื่นใจนี่เอง ยวี่โหร่ว รีบเอาของขวัญของเจ้าออกมาเร็วเข้า”

จางยวี่โหร่วลุกขึ้น แล้วจึงยิ้มขึ้นมาพูดว่า “ไม่ขอปิดบังฝ่าบาทเพคะ วันเกิดของพระสนมเสียนเฟย ข้าน้อยได้ทุ่มเทคิดค้นเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆแล้ว เพียงแต่รู้สึกว่าของขวัญชิ้นนี้เป็นงานที่ใหญ่โตมโหฬาร ลำพังข้าน้อยเพียงคนเดียวไม่อาจทำให้สำเร็จได้ ดังนั้นจึงได้มองหาผู้ที่มีวาสนาต้องกันมาช่วย สุดท้าย ข้าก็หาคนผู้นั้นพบจนได้เพคะ”

ทุกคนในที่นั้นต่างพากันเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ของขวัญที่จางยวี่โหร่วเค้นสมองเตรียมไว้ให้ แถมยังเป็นงานชิ้นใหญ่มโหฬารอีกด้วย ที่แท้เป็นอะไรกันแน่? ทุกคนต่างพากันสงสัย

ถึงตอนนี้ เสี่ยวฟงก็ได้นำพิณของจางยวี่โหร่วเข้ามา

จางยวี่โหร่วลุกขึ้นยืน เดินขึ้นไปบนเวที ถวายการคำนับ แล้วจึงเอาพิณมาวางไว้ตรงหน้า

เดิมทีทุกคนต่างพากันนึกว่านางจะทำอะไรออกมาให้ต้องรู้สึกตกตะลึงกัน ที่แท้ก็แค่ดีดพิณนี่เอง ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน และถึงนางจะดีดพิณได้ยอดเยี่ยมยังไง แต่ก็คงไม่ถึงกับที่นางบรรยายเสียหรูหราไว้แต่แรกหรอก

ในตอนนี้ จู่ๆก็มีคนรับใช้ในวังหลายคนออกมา เอาผ้าไหมสีขาวปูบนพื้นเวที รอบๆยังวางฉากกั้นอีกสี่บาน

บนฉากกั้นมีเพียงกระดาษสีขาวล้วนประดับไว้ แล้วก็มีสาวใช้ในวังนำเอาอ่างใส่สีวางไว้บนพื้น ทุกคนมองดูด้วยดวงตาเบิ่งกว้าง ถึงได้รู้สึกว่าของขวัญของนางดูเหมือนไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

ในที่สุดของทุกอย่างก็จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว

นิ้วมือของจางยวี่โหร่วดีดไปเพียงเบาๆ เสียงใสของพิณก็ดังขึ้น ราวกับน้ำที่ไหลรดลงสู่จิตใจของคนทั้งหลาย เมื่อเสียงพิณที่แสนไพเราะนี้ดังขึ้น หลังจากนั้นมีหญิงสาวสวมชุดระบำสีขาวนางหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลัง มีผ้าคลุมสีขาวปกปิดใบหน้าไว้ ทำให้ไม่เห็นใบหน้าของนาง แต่ดวงตาคู่นั้นที่ฉายออกมากลับงดงามยิ่งนักจนทำให้คนหลงใหล ยิ่งเห็นภาพวาดบัวหิมะสีน้ำเงินที่อยู่ตรงปรายตาของนางแล้วยิ่งเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดได้อย่างลึกลับ

นางเป็นใครกัน? ทุกคนต่างพากันประหลาดใจ แม้แต่องค์ชายรองเป่ยจื่อหัวที่มือถือถ้วยเหล้าอยู่ยังต้องวางลง มองหญิงสาวผู้นั้นอย่างไม่วางตา

ยกเว้นคนเดียวเท่านั้น ดวงตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั่นส่องประกายอย่างลึกลับ ถึงตอนนี้แล้ว เขายังไม่เข้าใจว่ายัยเด็กคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ