พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ นิยาย บท 56

สรุปบท ตอนที่ 56 การทำโทษของท่านอ๋อง: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ

สรุปตอน ตอนที่ 56 การทำโทษของท่านอ๋อง – จากเรื่อง พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ โดย ฝูซูกงจื่อ

ตอน ตอนที่ 56 การทำโทษของท่านอ๋อง ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ โดยนักเขียน ฝูซูกงจื่อ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 56 การทำโทษของท่านอ๋อง

จางยวี่โหร่วพยักหน้า “ ใช่แล้วล่ะ หนึ่งในนั้นข้าไม่อาจขาดการช่วยเหลือจากเจ้าไปได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะทำให้นางเชื่อว่าเกิดช่องว่างระหว่างพวกเราเรียบร้อยแล้วได้อย่างไรกัน? ”

เป่ยจื่อห้าวกับจ้าวซินซินต้องการวางแผนขัดขวางไม่ให้หลินจือเข้าใกล้องค์ชายสอง และยังรู้อีกว่าตอนนี้เธอกับหลินจือสนิทกันจึงคิดจะแยกเธอกับหลินจือออกจากกัน

“ เช่นนั้นตอนนี้ข้าควรจะทำอย่างไรดี? ”

จางยวี่โหร่วคิดทยทวนดู จากนั้นก็ยิ้ม “ เรื่องนี้เกรงว่าจะต้องเชิญองค์ชายสองมาปรึกษาหารือกันแล้วล่ะ ”

ความสัมพันธ์ของจางยวี่โหร่วกับองค์ชายสองนั้นดีมาตลอด แต่กลับไม่ได้มีจิตใจที่สกปรกเช่นนั้นในสายตาของทุกคน พวกเขามีความสัมพันธ์เหมือนดั่งเพื่อนและพี่น้อง

หากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาก็คงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ และยังเป็นคู่ที่ทุกคนชื่นชมอย่างมาก

จางยวี่โหร่วกำลังเตรียมตัวจะพาหลินจือออกไปหาเป่ยจื่อหัว เพิ่งจะเดินไปถึงประตูก็ถูกสกัดไว้

เมื่อเห็นความเยือกเย็นแผ่กระจายออกมาอย่างน่ากลัวภายใต้หน้ากากนั้น จางยวี่โหร่วสรู้สึกเย็นที่ด้านหลัง ราวกับว่าตัวเองทำเรื่องน่าละอายใจอะไรลงไป

ดูเหมือนว่า...จะมีจริงๆ

ผู้ชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บเพราะเธอและให้เธอไปเปลี่ยนยาให้เขาที่ตำหนักทุกวัน หลังจากที่เธอไปเปลี่ยนสองครั้ง เนื่องจากเกิดเรื่องที่น่าอับอายเล็กน้อย จากนั้นเธอจึงหนีออกมาและก็ไม่ไปปรากฏตัวอีกเลย

จุดประสงค์ที่เขามาในตอนนี้...หากเธอเดาไม่ผิด ก็คือต้องการจับตัวเธอ????

ทุกครั้งที่หลินจือเห็นหันยี่ฉี ก็จะหดตัวลงโดยสัญชาตญาณ สายตาเปล่งประกายไปด้วยความหวาดกลัว

เพราะว่าก่อนหน้านั้นเธอกลัวหันยี่ฉีมากเกินไป ถึงขนาดเลือกฆ่าตัวตายในวันแต่งงานวันนั้น ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นเขาและเห็นหน้ากากหมาป่าดุร้ายนั้นของเขา เธอจะรู้สึกตัวสั่นเทา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสบสายตากับเขาเลย

เพียงแต่ว่า หันยี่ฉีก็ไม่เคยมองเธอเลยสักนิด ความสนใจทั้งหมดของเขามุ่งเน้นไปที่จางยวี่โหร่ว

เมื่อเห็นเธอก็ก้าวเท้าเดินตรงไปที่ข้างเธอและเอื้อมมือออกไปดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง

ที่นี่คือประตูใหญ่ของตำหนักไท่ซือนะ!

ผู้คนมากมายที่เดินไปมาล้วนมองไปที่พวกเขา สะกิดกันต่อไปเรื่อยๆ

จางยวี่โหร่วต้องการต่อสู้ดิ้นรนโดยสัญชาตญาณในทันที แต่ว่ายิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ มือที่โอบรอบเอวก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นมากเท่านั้น จนสุดท้ายเธอจึงทำได้เพียงยอมแพ้ และปล่อยให้ตัวเองทรมานน้อยลง

“ ท่านอ๋อง ปล่อยนะ รบกวนท่านระวังการกระทำของตัวเองด้วย!”

หันยี่ฉีกกระตุกริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อย ในสายตาแฝงไปด้วยความพอใจในการหยอกเย้า “ ข้าใกล้ชิดกับพระชายาที่รักของข้า ทำไมจะไม่ได้? จะได้ให้พวกเขาดูให้ดีว่า เจ้าเป็นผู้หญิงของใครกันแน่ ”

เขาไม่ได้สนใจที่จะใกล้ชิดกับเธอต่อหน้าทุกคนเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้คำนึงถึงความตกตะลึงของจางยวี่โหร่วเลย เขาก้มหน้าลงมาจูบริมฝีปากแดงที่กำลังตกใจและกังวลของเธอ

นี่...มันมากเกินไปจริงๆแล้วนะ

ความคิดของคนหนานชู่นั้นหัวโบราณ แม้จะเป็นคู่สามีภรรยาทั่วไปก็ไม่ใกล้ชิดสนิทสนมกันในเวลากลางวัน โดยเฉพาะในตอนนี้ที่เธอกับเขายังไม่ได้ถือว่าเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ และความสัมพันธ์ของเธอกับเป่ยจื่อห้าวก็ยังไม่ตัดขาดให้ชัดเจน หากเป็นเช่นนี้จะไม่เป็นที่ซุบซิบนินทาของคนได้อย่างไรกัน?

หลินจือที่อยู่ข้างๆเขินอายจนหน้าแดง จากนั้นก็หลับตาลง

เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะทำหน้าอย่างไร และรู้สึกว่าภาพตรงหน้าของเธอดูน่าอายเล็กน้อย ทำให้ไม่กล้าที่จะเข้าไปรบกวน

ชายหนุ่มชุดขาวร่างกายสูงเรียวราวกับหยก ไร้อารมณ์ที่เยือกเย็นและน่ากลัวแบบนั้น เขาในตอนนี้ดูแล้วรู้สึกมีเสน่ห์อย่างมาก

และหญิงสาวชุดแดงคนนั้นดูตัวเล็กมากในอ้อมแขนของเขา ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันนั้นทำให้คนรู้สึกว่าเข้ากันได้ดีอย่างมาก

จางยวี่โหร่วต้องการดิ้นรนอีกมากแค่ไหน ก็ต่อต้านแรงของเขาไม่ได้ ช่วงนี้เธอยิ่งรู้สึกว่าจำนวนครั้งที่ตัวเองถูกเอาเปรียบนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ช่างเป็นหมาป่าบ้ากามจริงๆ

รสชาติของเธอนั้นเป็นดั่งยาพิษชนิดหนึ่งจริงๆ เมื่อได้รับสิ่งไม่ดีก็มีความรู้สึกไม่สามารถหยุดได้ ต่อให้จะหลงใหลมากแค่ไหน ผู้ชายก็ยังรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุด

จนในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอ จางยวี่โหร่วสีหน้าแดงก่ำไม่แตกต่างอะไรกับแสงสีแดงฉาน

“ ท่าน...” เธอมองเขาด้วยความเขินอายและโกรธเคือง ในขณะที่เธอกำลังจะพูดตำหนิออกมา เขากลับก้มหน้าลงมาและพ่นลมหายใจอันอบอุ่นข้างหูของเธอ

“ นี่คือสิ่งที่เจ้าติดค้างข้าไว้ และเป็นสิ่งชดเชยที่ข้าควรได้รับ ”

ผู้ชายคนนี้ ช่างใจแคบจริงๆ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังต้องคิดเล็กคิดน้อยอีก

เพียงเพราะว่าเธอไม่ได้ไปช่วยป้อนยาที่ตำหนักอ๋องชิงผินสองวันนี้ เขากลับใช้วิธีการแบบนี้ลงโทษเธอ

จางยวี่โหร่วไม่กล้าพูดอะไร ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก

ในตอนนั้น หลินจือเดินมาข้างหน้า ลังเลใจสักครู่แล้วจึงเอ่ยปากว่า “ ท่านพี่ยวี่โหร่ว ใกล้จะค่ำแล้ว พวกเราไปกันเถอะ ”

ที่จริงแล้วเธอแค่ต้องการช่วยจางยวี่โหร่ว ในสายตาของเธอ อ๋องชิงผินเป็นคนที่น่ากลัวคนหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้จางยวี่โหร่วตกไปอยู่ในกำมือของเขา

จางยวี่โหร่วมีสติกลับมาทันที และนึกถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองออกมาในวันนี้ และอดไม่ได้ที่จะจ้องมองหันยี่ฉีอย่างดุร้ายอีก

พวกเธอนั้นมีเรื่องที่ต้องทำ พอถูกเขาแกล้งเช่นนี้ เธอเกือบจะลืมไปแล้ว

“ ได้! เราไปกันเถอะ! ” เธอรีบจับมือหลืนจือและกำลังจะไป แต่ในขณะนั้นกลับถูกเขาดึงกลับมาทันที

“ ข้าเชื้อเชิญมาตั้งหลายครั้ง นางก็ไม่ยอมมา เหตุใดครั้งนี้กลับออกตัวมาหาข้าเองล่ะ ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจริงๆ ”

เห็นได้ชัดว่า ‘นาง’ ที่เขาพูดถึงนั้นก็คือหลินจือ

ผู้หญิงคนนี้นั้นชอบเก็บตัวอย่างมาก มีโลกส่วนตัว ซ่อนความรู้สึก หากเป็นผู้หญิงคนอื่น คงจะมีความสุขอย่างมาก แต่ว่าเธอบอกปฏิเสธทุกครั้ง

เธอก้มหน้าเช่นนั้นทุกครั้งที่เจอเธอ และไม่กล้าเงยหน้ามองเขาเลยสักนิด ในคำพูดมีความห่างเหินและกังวลใจบางๆ เขาเดินเข้าไปใกล้ไม่กี่ก้าว เธอก็ตกใจกลัวเหมือนกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่งและยังถอยห่างจากเขา

เขาเป็นถึงองค์ชายสอง แต่กลับดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวในสายตาของเธอ มันทำให้ในใจของเขารู้สึกพ่ายแพ้

ดังนั้นการมาหาถึงบ้านในครั้งนี้ของเธอ ทำให้ในใจของเขารู้สึกดีใจอย่างมาก

“ คุณหนูคนโตของตระกูลจางก็มาเช่นกันเจ้าค่ะ ”

“ น้องโหร่วเอ๋อร์ ” รอยยิ้มบนใบหน้าของเป่ยจื่อหัวยิ่งเบ่งบานมากขึ้น ตามด้วยความหมองหม่นบางๆ “ มิน่าล่ะ...”

คิดไม่ถึงเลยว่าแม่บ้านคนนี้จะพูดคุยได้ไม่ชัดเจนพอ เรื่องดีดีเรื่องหนึ่งจะต้องพูดกี่ประโยคถึงจะพูดหมด

“ ยังมีท่านอ๋องชิงผินมาด้วยกันกับพวกนาง ข้าให้พวกเขารออยู่ที่ห้องโถงด้านนอก แล้วจึงมาแจ้งองค์ชายเจ้าค่ะ ”

ท่านอ๋องชิงผิน เขามาได้อย่างไรกัน? ในขณะนั้น ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงสีหน้าตกใจมากอย่างเห็นได้ชัด

ที่จริงแล้ว สำหรับเรื่องของเขากับจางยวี่โหร่วรวมไปถึงน้องชายสามของเขา เขายังรู้สึกสับสนอยู่ในใจตลอด ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและยังเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เขารู้สึกว่าเรื่องราวนั้นไม่เรียบง่ายมาโดยตลอด

ระหว่างเป่ยจื่อห้าวที่เป็นน้องชายของเขา และความสัมพันธ์ของจางยวี่โหร่วกับเขาที่ดีมาโดยตลอด เขาก็เข้าใจความคิดของเธอเป็นอย่างดี

ช่วงเวลาที่ดีของทั้งคู่กลับถูกคนทำลายอย่างกะทันหัน คนที่รักกันกลับไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ดังนั้นเป่ยจื่อหัวยังคงรู้สึกว่าหนึ่งในนั้นท่านอ๋องชิงผินนั้นวางอุบายอะไรหรือเปล่า?

จัดระเบียบเสื้อผ้าครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดเบาๆว่า “ งั้นไปดูกันเถอะ ”

หลินจือนั้นมาที่ตำหนักสองเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกอึดอัดใจมากอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเกี่ยวข้องกับจางยวี่โหร่ว เธอจะไม่มาแน่นอน อย่างมากที่สุดเธอก็แค่มาเป็นเพื่อนจางยวี่โหร่วเท่านั้น

ไม่นานนัก เป่ยจื่อหัวก็มา หลังจากที่เขาเข้าประตูมาและเห็นสามคนที่อยู่ด้านใน สีหน้าก็ดูซับซ้อนอย่างมาก

“ ข้าไม่ทราบเลยว่าท่านอ๋องชิงผินจะเสด็จมา จึงไม่ได้เตรียมการต้อนรับไว้ ”

แม้แต่เสด็จพ่อของเขายังต้องสุภาพกับท่านอ๋องชิงผิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่เป็นแค่องค์ชายคนหนึ่ง ดังนั้นเป่ยจื่อหัวจึงต้องทำความเคารพหันยี่ฉี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกปฐพี ชายาไร้ใจ