ฉินเสี่ยวเยว่มองจูหงที่ทรุดล้ม ก่อนจะฉีกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ผู้หญิงคือสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด!” เซียวอี้ส่ายศีรษะ พลางจงใจคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
"อะไรกัน? นี่ฉันพยายามช่วยพี่นะ!" เสี่ยวเยว่หยิกเซียวอี้อย่างขุ่นเคือง ขณะหัวเราะคิกคัก
ทั้งสองคนเดินกลับถนนเถาซาน ระหว่างทางต่างหยอกล้อหัวเราะกันอย่างร่าเริง
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทั้งคู่จะถึงบ้าน สีหน้าของเสี่ยวเยว่พลันเปลี่ยนไป “รถยนต์ของฉู่เหวินเจี๋ยนี่นา!”
เซียวอี้หันไปมอง ก่อนจะมองเห็นรถยนต์ออดี้ เอ 8 แวววาวคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูหอจี้ซื่อ
ทั้งสองคนรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหอจี้ซื่อทันที
ทันทีที่เดินเข้าไปข้างในคลินิก เซียวอี้พบว่าฉินกวงหมิงกำลังเดินวนไปมาด้วยสีหน้าอมทุกข์ ส่วนฉู่เหวินเจี๋ยและชายอาวุโสในวัยราวห้าสิบผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ทันทีที่เห็นเซียวอี้เดินเข้ามา ฉู่เหวินเจี๋ยพลันพุ่งตัวเข้าไปหาเซียวอี้อย่างเดือดดาล มือขวายังคงกวัดแกว่งไปมาอย่างน่าขัน ใบหน้าเขาแดงก่ำ ฉู่เหวินเจี๋ยกัดฟันตะโกนเสียงดัง "เซียวอี้ ไอ้สารเลว รักษามือให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะทำให้นายต้องทุกข์ทรมานเป็นร้อยเป็นพันเท่า"
เซียอี้ขยับเก้าอี้และนั่งลง เขาเอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า "ฉันเองก็อยากรู้ว่านายจะมาไม้ไหน"
“หึ ฉันรู้ว่านายไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ นี่คือการรักษาแบบผิดกฎหมาย ฉันจะขอให้คนสั่งปิดคลินิกของนายเดี๋ยวนี้” ฉู่เหวินเจี๋ยตะโกนโดยไม่เว้นช่วงหายใจ
“อย่างไรฉันก็เป็นแค่พนักงานในร้านอยู่แล้ว ไปทำงานที่ไหนก็ไม่สำคัญหรอก” เซียวอี้บอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ
“นาย นาย... ฉันขอเตือนนายเป็นครั้งสุดท้าย รักษามือให้ฉันเดี๋ยวนี้!” ฉู่เหวินเจี๋ยเหวี่ยงแขนของตนเองขึ้นลง และตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เขาเติบโตในครอบครัวที่ร่ำรวยมั่งคั่ง เคยต้องทนทรมานจากความเจ็บปวดเช่นนี้ที่ไหนกัน? แขนเขาห้อยต่องแต่งมานานเป็นวันแล้ว แถมยังบวมแดงด้วย
เซียวอี้นั่งไขว้ห้าง สองมือแบออก "โทษทีนะ ฉันช่วยนายไม่ได้หรอก พอดีฉันยังไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ"
เซียวอี้ตอกกลับด้วยคำพูดของฉู่เหวินเจี๋ย
ฉู่เหวินเจี๋ยโมโหจนแทบหยุดหายใจ
“พ่อหนุ่ม อย่าโอหังให้มันมากนัก!” ในที่สุดชายชราผู้เงียบขรึมก็ลุกยืน เขาก้าวเข้าไปหาเซียวอี้ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมทรงอำนาจ ก่อนเอ่ยวาจาเสียงเบา "ประเทศจีนไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด นายคิดว่าตัวเองมีความสามารถเล็กน้อยแล้วจะเที่ยวอาละวาดไปทั่วได้รึไง? ลำพังแค่ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ ก็เพียงพอแล้วที่จะปิดคลินิกของนาย!"
“ผมรู้เพียงว่าหมอที่ดีนั้นสามารถรักษาโรคได้ มีหมอที่ได้รับใบประกอบโรคศิลปะเป็นสิบ ๆ ล้านคน แต่จะมีสักกี่คนกันที่สามารถรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คนได้จริง ๆ” เซียวอี้ลุกยืนขึ้นบ้างเช่นกัน เขาประกาศกร้าวเสียงดัง
เมื่อได้ยินประโยคของเซียวอี้ ฉินกวงหมิงอดหน้าแดงเถือกไม่ได้
"แล้วนายเป็นหมอที่ดีที่สามารถรักษาโรคได้งั้นรึ?" ชายอาวุโสหรี่ตาลงเล็กน้อย ทั่วร่างแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมา
"สวัสดีครับ คุณเซินจากกรมสุขภาพรึเปล่าครับ? ผมฉู่ป๋อไหวจากหอไป่เซ่านะครับ ที่หอจี้ซื่อบนถนนเถาซาน มีหมอกำมะลอที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะครับ เรื่องนี้อยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจของคุณรึเปล่าครับ? ครับ... ได้ครับ... ผมจะรอคุณที่นี่!" หลังจากนั้นฉู่ป๋อไหวก็วางสายด้วยใบหน้าหยามเหยียด สายตาจ้องเซียวอี้อย่างปรามาส
“เหอะ ถ้านายรู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง แล้วรีบรักษาหลานฉัน บางทีฉันอาจจะยอมปล่อยนายไปก็ได้!” ฉู่ป๋อไหวเยาะเย้ย
"ฮึ่ม ไอ้เซียวอี้ ไอ้เวรเอ๊ย รอให้กรมสุขภาพปิดคลินิกของแกก่อนเถอะ!" ฉู่เหวินเจี๋ยตะคอกอย่างเหี้ยมเกรียม ขณะสะบัดแขนไร้น้ำหนักไปมา
"ถ้าหอจี้ซื่อถูกปิดตัวลง พวกคุณจะไม่มีทางไปจากที่นี่ด้วยสภาพไร้รอยขีดข่วนเด็ดขาด เชื่อมั้ยล่ะครับ?" เซียวอี้หรี่ตา แววตาทอประกายเย็นเยียบ
เสี่ยวเยว่เดินเข้าไปหาเซียวอี้อย่างอดรนทนไม่ไหว เธอเผชิญหน้ากับฉู่เหวินเจี๋ย และกล่าวตำหนิด้วยความโมโห "ฉู่เหวินเจี๋ย สมน้ำหน้านายแล้ว ถึงคลินิกจะต้องปิดตัว ฉันก็ไม่ยอมรักษานายเด็ดขาด!"
“โอ๊ย ยัยหนู ช่วยหยุดพูดก่อนเถอะ!” ฉินกวงหมิตกใจลนลานเหมือนมดบนกระทะร้อน เขารีบเกลี้ยกล่อมบุตรสาวของตนอย่างร้อนใจ
"ฉินเสี่ยวเยว่ อย่าโง่ดักดานไปหน่อยเลย! ฉันแค่ชอบหน้าตาของเธอเท่านั้น หึ ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันไม่ขาดแคลนผู้หญิงอย่างเธอหรอก! ในอนาคตเธอจะต้องสำนึกเสียใจ! นังแพศยา!" ฉู่เหวินเจี๋ยกัดฟันด่า
อย่างไรก็ตามก่อนที่ฉู่เหวินเจี๋ยจะพล่ามอะไรออกมาอีก ฉินกวงหมิงซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ กลับโมโหจนขาดสติแล้ว เขาขยี้ฝ่าเท้าอย่างรุนแรง มืออวบอูมชี้หน้าฉู่เหวินเจี๋ย และด่าเสียงดัง "ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกกล้าด่าลูกสาวฉันเรอะ? ด่าไข่มุกล้ำค่าของฉัน? ถึงคลินิกจะถูกปิด ฉันก็ไม่รักษาให้แกโว้ย! ทำไมถึงชอบมีพวกงี่เง่าตามรังควานหอจี้ซื่ออยู่เรื่อย? นอกจากรังแกคนอื่นแล้ว แกทำอะไรเป็นบ้างหา?"
ยิ่งฉินกวงหมิงเอะอะอาละวาดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งตื่นตัวกระฉับกระเฉงมากขึ้นเท่านั้น เขาคว้าไม้กวาดจากมุมห้องแล้วเงื้อฟาดฉู่เหวินเจี๋ยกับฉู่ป๋อไหวอย่างบ้าคลั่ง "ไสหัวออกไปจากที่นี่!"
ทันใดนั้นพลันมีชายร่างท้วมวัยกลางคนหนีบกระเป๋าธุรกิจไว้ใต้รักแร้เดินเข้ามาข้างในหอจี้ซื่อพอดี ด้วยความไม่ทันระวัง เขาจึงโดนไม้กวาดของฉินกวงหมิงฟาดเข้าอย่างจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ
รออยู่ครับ...