ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ นิยาย บท 32

หลี่ฉิงซานสะบัดมืออย่างขุ่นเคือง เขาตอกกลับว่า "ฉู่ป๋อไหว คุณช่วยชีวิตคนมานานหลายปี แต่กลับใจแคบผิดมนุษย์มนารึ?"

“หึ ชื่อเสียงเก่าแก่นานนับศตวรรษของพวกเราไม่เคยมีเส้นสายอะไร แล้วทำไมเราต้องปฏิบัติกับเด็กเมื่อวานซืนเป็นพิเศษด้วย?” ฉู่ป๋อไหวไม่เก็บงำความรู้สึกของตนอีกต่อไป เขาตัดรอนอย่างเย็นชา

เซียวอี้แค่นยิ้มเย็นเยียบ เขาม้วนพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเปรยว่า "ดูท่าวันนี้ผมคงต้องรักษาโรคนี้เสียแล้ว"

"หึ ลองดูว่านายจะมีความสามารถนั้นรึเปล่า!" ฉู่ป๋อไหวแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์

“เซียวอี้ เลือดของผู้ป่วยมีสภาวะเป็นพิษ หมออาจจะติดเชื้อด้วยก็ได้ คุณไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง” หลี่ฉิงซานกระซิบข้างหูเซียวอี้

เซียวอี้เพียงโบกมือ และกล่าวต่อว่า "ฉู่ป๋อไหว คุณจะทำเช่นไร หากผมโชคดีพอจนรักษาเขาหาย?"

ฉู่ป๋อไหวเย้ยหยัน ก่อนประกาศว่า "อะไรก็ได้ที่นายต้องการ! ฉันเกรงว่านายจะไม่มีปัญญารักษาได้นะสิ!"

มะเร็งเนื้อเยื่อบ็อกซิกามีชื่อเสียงโจษจันไปทั่วว่าทั้งโลกไม่มีใครรักษาหายขาด มิฉะนั้นฉู่ป๋อไหวจะหาเรื่องเซียวอี้อย่างออกหน้าออกตาได้อย่างไรกัน?

เซียวอี้แย้มยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบของฉู่ป๋อไหว เขาเหลือบมองกล่องที่อยู่กลางห้องโถง พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ผมได้ยินมานานแล้วว่ามีสมบัติอยู่ในหอไป่เซ่า มันคือเห็ดหลินจืออายุ 100 ปี ทำไมเราไม่ลองใช้มันเป็นรางวัลเดิมพันดูล่ะ?”

เมื่อฉู่ป๋อไหวได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าเขาเปลี่ยนสีโดยพลัน ในช่วงแรกเริ่มของการก่อร่างสร้างหอแห่งนี้ พี่ชายของเขา ฉู่ป๋อหยาง ทุ่มเทเงินมหาศาลเพื่อซื้อราชาเห็ดหลินจือต้นนี้ ดังที่เซียวอี้กล่าว เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่สิ่งนี้คือสมบัติแห่งหอไป่เซ่า ณ เมืองไห่ และถูกตั้งโชว์ที่ตำแหน่งประตูตรงข้ามทางเข้า เห็ดหลินจือซึ่งมีน้ำหนักถึง 30 กิโลกรัมกลายเป็นสุดยอดปรากฏการณ์ในเมืองไห่ มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมทุกวัน

เช่นเดียวกับป้ายทองคำแห่งหอไป่เซ่า ราชาเห็ดหลินจือแดงแห่งหอไป่เซ่าก็เป็นอีกความภาคภูมิใจของตระกูลฉู่ ทว่าเซียวอี้กลับต้องการมันโดยไม่มีใครคาดคิด

ฉู่ป๋อไหวพลันรู้สึกประหม่าเช่นกัน ถ้าหากเขาแพ้เดิมพัน หอไป่เซ่ายังจะมีหน้าอยู่ในวงการแพทย์แผนจีนเมืองนี้อีกได้อย่างไร? แต่เขากลับวาจาที่เพิ่งลั่นออกไปไม่ได้แล้ว "ตามที่นายต้องการ!"

ดวงตาของฉู่ป๋อไหวกลับกลอกอย่างรวดเร็ว เขากำลังชั่งน้ำหนักถึงข้อดีและข้อเสีย ทว่าเมื่อหันศีรษะไปมองผู้ป่วยร่างผอมแห้ง แล้วนึกถึงมะเร็งเนื้อเยื่อบ็อกซิกาอันน่าพรั่นพรึงบนตัวของผู้ป่วย ทันใดนั้นหัวใจของฉู่ป๋อไหวก็ค่อย ๆ สงบลง เขามั่นใจว่าเซียวอี้แค่ฝันกลางวันว่าตัวเองจะรักษาผู้ป่วยคนนี้หาย!

“ตกลง!” แววตาฉู่ป๋อไหวแปรเปลี่ยนเป็นเฉียบคม เขาก็กัดฟันพูดในที่สุด "แล้วถ้านายรักษาไม่หาย นายจะจ่ายการเดิมพันด้วยอะไร?"

“หากผมล้มเหลว นับตั้งแต่นี้ไปผมจะละทิ้งเข็มชุดนี้ทั้งหมด และไม่ฝังเข็มให้คุณเห็นอีก!” เซียวอี้ประกาศกึกก้อง

"หึ! ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้เสียหน่อย นายต้องมอบสัญญาลายลักษณ์อักษรให้ฉัน! หลี่ฉิงซาน และสมาคมแพทย์แผนจีนจะไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือใครได้เพียงเพราะความเสน่หาส่วนตัว อ้อ คุณยังต้องการแหกกฎเพื่อมอบใบประกอบโรคศิลปะให้มันอยู่รึเปล่า? พวกเราไม่ยอมหรอก!" ดวงตาของฉู่ป๋อไหวหดแคบลงเล็กน้อย ขณะเอ่ยอย่างชั่วร้าย

"ฉู่ป๋อไหวเอ๋ย ฉู่ป๋อไหว ผมคิดว่าเพราะในเมื่อคุณช่วยชีวิตผู้คนอยู่ทุกวี่วัน คุณก็น่าจะจิตใจดี ไม่คิดเลยว่าเนื้อแท้จะจิตใจหยาบช้า!" หลี่ฉิงซานถอนหายใจ

"ชิ!" ฉู่ป๋อไหวไม่หวั่นไหวต่อคำพูดของหลี่ฉิงซาน เขาสั่งคนนำปากกาและกระดาษมาให้ทันที และเขียนสัญญาเดิมพันของเขาและเซียวอี้

เซียวอี้มองฉู่ป๋อไหวด้วยแววตาเย็นเยียบ และแค่นหัวเราะอยู่ในใจ

ในที่สุดฉู่ป๋อไหวก็ทำสัญญากับเซียวอี้เสร็จสรรพ เขาจ้องหน้าเซียวอี้ด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

เซียวอี้ไม่เอ่ยสิ่งใดเลย เขาเรียกผู้ป่วยมาที่มุมกำแพง บอกให้ผู้ป่วยถอดกางเกงขาสั้นออก และนอนคว่ำ

เมื่อเหล่าผู้ป่วยที่รอรักษาในหอไป่เซ่าเห็นฉากนี้เข้า พวกเขาต่างแปลกใจยิ่ง ทุกคนเริ่มกระซิบกระซาบเรื่องนี้กัน

"หมอหนุ่มคนนี้คือใคร? กล้าดีอย่างไรถึงสร้างปัญหาในหอไป่เซ่า?"

"นี่ไม่ใช่การสอนหนังสือสังฆราชหรอกเรอะ? ตาบอดสอดตาเห็นชัด ๆ?"

“เฮ้อ เงียบเถอะ คอยดูก่อน แล้วอยู่ห่าง ๆ เข้าไว้ ฉันเคยได้ยินว่าโรคนี้แพร่เชื้อได้ ดูก้อนเนื้อร้ายน่าสะอิดสะเอียนนั่นสิ แล้วจะรักษาตรงนี้ได้อย่างไร? เกรงว่ามีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่จะรักษาได้"

ทุกคนต่างเฝ้ามองจากระยะไกล และพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างออกรส

"เซียวอี้ คุณไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ ผมจะช่วยคุณอย่างสุดความสามารถ ถ้าคุณทิ้งเข็มชุดนี้ไปจริง ๆ จะไม่มีใครสืบทอดเคล็ดวิชาเข็มจตุรงค์อีก นั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในแวดวงแพทย์แผนจีน" หลี่ฉิงซานจับมือของเซียวอี้อย่างร้อนใจ พลางละล่ำละลั่กพูดโดยไม่สนใจท่าทีของฉู่ป๋อไหว

เซียวอี้ยิ้มบาง ก่อนกล่าวว่า "คุณหมอหลี่ ไม่ต้องกังวลครับ ถ้าหากเคล็ดวิชาเข็มจตุรงค์รักษาโรคนี้ไม่ได้ ก็อย่าเรียกมันว่าสมบัติแห่งชาติอีกเลย คุณแค่ยืนดูการรักษาของผมห่าง ๆ ก็พอ!"

“หึ พล่ามมากเกินไป ระวังจะขายขี้หน้าทีหลังนะ ระวังอย่าให้ลิ้นร่วงก็แล้วกัน!” ฉู่ป๋อไหวคว้ากาน้ำชาสีม่วงไว้ในมือ ขณะเหยียดหยามอย่างเลือดเย็น

เซียวอี้ไม่สนใจเขา ขาก้าวเดินเข้าไปใกล้คนไข้ เขาหยิบเข็มเงินออกมา สายตาประเมินจุดฝังเข็มต่าง ๆ ทั่วร่างกายผู้ป่วย จากนั้นจึงลงมือฝังเข็มด้วยความรวดเร็วว่องไวประดุจอัสนีบาต

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ