ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ นิยาย บท 39

“พวกแกรู้แก่ใจว่าสุนัขเฝ้าบ้านไม่ควรแว้งกัดเจ้าของ ถึงฉันจะไม่ได้อาศัยที่ตระกูลเซียวนานนัก แต่ก็สมควรมอบบทเรียนให้ขี้ข้าอย่างพวกแกเสียบ้าง!” เซียวอี้กอดอก ขณะเปรยอย่างเย็นชา

แม้ผู้คุ้มกันทั้งสองจะโอหังเพียงใด แต่ก็ไม่ได้ไร้สมอง เมื่อตระหนักแล้วว่าเซียวอี้มีพละกำลังอัศจรรย์เหนือมนุษย์ คืนนี้พวกเขาไม่น่ารอดแล้ว ถึงจะกล้ำกลืนฝืนทนอย่างยิ่ง แต่ทั้งคู่ก็รู้ถึงความยากของภารกิจ และตั้งใจจะล่าถอย ทั้งคู่มองหน้ากัน สองมือยกมือปิดแก้ม กำลังจะวิ่งหนีสุดฝีเท้า

"คิดจะหนีแล้วเรอะ? ฉันว่าแค่นี้ยังไม่พอนะ" เซียวอี้ตะคอก และพุ่งตรงเข้าไปหาผู้คุ้มกัน เขาวาดมือกดจุดบริเวณหน้าอกและปากของคนทั้งคู่ในบัดดล

"อึก!" จู่ ๆ ทั้งคู่ก็หยุดเคลื่อนไหว ลมหายใจคั่งค้างอยู่ในอก ดวงตาของทั้งสองเบิกกว้างราวกับกำลังสำลักบางสิ่ง พวกเขาหายใจไม่ออก ได้แต่ยืนทึ่มทื่ออยู่ตรงนั้น และขยับไม่ได้เลยสักนิด เมื่อครู่ทั้งสองเพิ่งถูกเซียวอี้โจมตีจุดตายของร่างกาย

“ผัวะ ๆ ๆ!” ร่างเซียวอี้ขยับร่างอีกครา เขายกมือฟาดผู้คุ้มกันทั้งสองอีกรอบ

ผู้คุ้มกันรู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย ใบหน้าแสบร้อนบวมเป่งขึ้นเรื่อย ๆ ฟันทุกซี่หักกระเด็นร่วงลงพื้น เลือดไหลทะลักจากมุมปาก ทว่าพวกเขาขยับตัวไม่ได้เลย

ยามนี้ชายทั้งสองต่างมองเซียวอี้ด้วยแววหวาดหวั่นในดวงตา ย้อนกลับไปในอดีต แม้แต่ในสนามรบ พวกเขาก็ไม่เคยเกรงกลัวขนาดนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าทักษะที่คาดเดาไม่ได้ของเซียวอี้อยู่เหนือขอบเขตที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้

"สุนัขเขี้ยวกุดสองตัวน่าจะทำให้เซียวเผิงโปตาสว่างแล้วมั้ง?" เซียวอี้ปล่อยให้ทั้งคู่ยืนนิ่งค้างในสภาพยับเยินสะบักสะบอม เขาหมุนตัวหันหลัง ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาเจี๋ยรู่หลง

เจี๋ยรู่หลงเบิกตาโพลงด้วยความสยดสยอง เสมือนว่าเขาเห็นปีศาจร้าย เขาไม่คิดมาก่อนว่าสุดยอดผู้คุ้มกันที่น่าเกรงขามที่สุดแห่งตระกูลเซียวทั้งคู่คนจะถูกตบจนฟันร่วงหมดปาก! แล้วจะให้เจี๋ยรู่หลงไม่หวาดผวาได้อย่างไร?

"คุณชายเจี๋ย พวกเราจะสะสางหนี้กันอย่างไรดี?" เซียวอี้ยืนเบื้องหน้าเจี๋ยรู่หลง พลางถามด้วยรอยยิ้มเย็นดั่งมัจจุราช

"นี่ คือว่า..." ยามมองจมูกและปากของผู้คุ้มกันที่มีเลือดไหลท่วม เจี๋ยรู่หลงก็อวดดีไม่ออกอีก เขากลอกดวงตาหลุกหลิกชั่วร้ายอย่างร้อนรน ใบหน้าขาววอกไร้พิษสงมีเหงื่อเย็นหลั่งริน

เซียวอี้ชายตามองคนขี้ขลาดตาขาว เขาเหยียดยิ้มเย็นชา แล้วเอ่ยว่า "ไม่ต้องรีบร้อน วันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมา ขอยืนรถของแกหน่อยแล้วกัน วันหนึ่งที่แกเข้าใจทุกอย่างแล้ว ค่อยไปหาฉันที่หอจี้ซื่อ!"

เซียวอี้เอื้อมมือกระชากกุญแจรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูจากกระเป๋าเสื้อเจี๋ยรู่หลง

“แกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ นี่มันรถที่ฉันเพิ่งซื้อมา!”  เจี๋ยรู่หลงรีบวิ่งตาลีตาเหลือกราวกับเมียรักของตนกำลังจะตาย รถยนต์คันนี้เขาเพิ่งถอยป้ายแดงมาไม่ถึง 2 สัปดาห์ เปรียบเสมือนเมียรักที่เพิ่งแต่งงานกัน ไม่ก็เหมือนอีหนูคนสวยที่เขาโปรดปราน สำหรับเจี๋ยรู่หลงแล้ว รถยนต์มีคุณค่าทางจิตใจสูงลิบลิ่ว การกระทำของเซียวอี้จึงเปรียบดั่งการบดขยี้หัวใจเจียรู่หลงจนย่อยยับ

“ควับ!” เซียวอี้ตวัดสองนิ้วกดจุดบนหน้าอก และจุดถานจงของจี๋ยรู่หลงอย่างแม่นยำ

"อึก!" เจี๋ยรู่หลงกำลังวิ่งเข้ามา แต่ทันใดนั้นเขาก็ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้

เซียวอี้พ่นลมหายใจเย็นชา ก่อนเอ่ยกับเจี๋ยรู่หลงว่า "โชคดีและโชคร้ายถือเป็นเรื่องธรรมดา ใช้เวลาของแกให้คุ้มค่า! กินลมชมวิวหนาว ๆ ให้พอใจ แล้วค่อยกลับไปบอกเซียวเผิงโปว่าตอนนี้ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว อย่ามาตอแยฉันอีก"

จากนั้นเซียวอี้จึงหมุนตัวกลับ เขาก้าวขึ้นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู พีค 750 และขับจากไปทันที

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน มีบุรุษสามคนที่ดูคล้ายรูปปั้นดินเหนียวในอิริยาบถต่าง ๆ ยืนโง่ ๆ อยู่ที่ริมถนน แสนจะดึงดูดผู้ชมมากมายที่เดินสัญจรไปมา รูปปั้นทั้งสามดูน่าทึ่งและสมจริงมาก หลายคนคาดเดาว่านี่คืองานแสดงศิลปะของหนุ่มไฟแรง ทุกคนจึงถ่ายรูปโพสต์ลงเวย์ปั๋วกันยกใหญ่

เจี๋ยรู่หลงอยากจะร่ำไห้อย่างไร้น้ำตา เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า

เซียวอี้ขับรถกลับหอจี้ซื่อ เพื่อพบว่าคลินิกปิดแล้ว เขาจึงเคาะประตูอยู่นาน ในที่สุดเสี่ยวเยว่ก็เปิดประตูด้วยร่างอันสั่นเทา

ทันทีที่เธอเห็นเซียวอี้ เสี่ยวเยว่ก็เม้มปากกล่าวว่า "พี่เซียว ทำไมพี่กลับช้าจัง?"

เซียวอี้จ้องมองเสี่ยวเยว่ที่ยืนเบื้องหน้าเขา และพบว่าร่างของเธอสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อตระหนักแล้วว่าเธอหวาดกลัวมากเพียงใดตั้งแต่ช่วงเช้า ความรู้สึกรักใคร่ทะนุถนอมก็พลุ่งพล่านในหัวใจเซียวอี้ เขาเอื้อมมือลูบเรือนผมของเธอ และปลอบโยนเธอด้วยเสียงนุ่มทุ้มชวนฟัง "เสี่ยวเยว่ เป็นความผิดของเซียวอี้เอง พี่กลับมาช้า ทำให้เธอกลัว"

ดวงตาเสี่ยวเยว่กลายเป็นสีแดงก่ำทันทีที่ได้ยินคำพูดอ่อนโยนของเซียวอี้

"เอาล่ะ กลับไปนอนกันเถอะ" เขาประคองเสี่ยวเยว่กลับเข้าไปห้องนอนของเธอ และจัดแจงห่มผ้าหนา ๆ ให้เธอ

ทว่าเสี่ยวเยว่กลับจับมือเซียวอี้แน่นไม่ปล่อย เธอจ้องเซียวอี้ด้วยนัยน์ตาน่าสงสาร

“นอนเถอะ เซียวอี้อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น” เซียวอี้สัมผัสเรือนผมของเธอ แล้วปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม

แต่เสี่ยวเยว่กลับผุดลุกขึ้น เมื่อได้ยินวาจาของเซียวอี้ เธอจ้องเซียวอี้อย่างจริงจัง หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงเอ่ยว่า "พี่เซียว พี่ช่วยสอนวิชาฝังเข็มให้ฉันหน่อยได้มั้ย? ภายภาคหน้าถ้าพี่ไม่อยู่ ฉันก็ยังสามารถป้องกันตัวเองได้บ้าง ฉันไม่อยากเจอเรื่องแย่ ๆ เหมือนเมื่อเช้าอีกแล้ว มันน่ากลัวเกินไป”

เซียวอี้ตาเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใช่แล้ว เขาสามารถสอนวิชาฝังเข็มแก่เสี่ยวเยว่เพื่อให้เธอป้องกันตัวได้นี่นา อย่างไรก็ตามเมื่อทบทวนดูอีกครา ใบหน้าเซียวอี้กลับซีดลง

“พี่เซียว พี่สอนฉันไม่ได้เหรอ?” เสี่ยวเยว่เห็นสีหน้าของเซียวอี้ จึงร้องถามด้วยความผิดหวัง

เซียวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองเสี่ยวเยว่ ก่อนจะเล่าว่า "เสี่ยวเยว่ พี่อยากสอนเธอจริง ๆ เธอเรียนแพทย์แผนจีน และคุ้นเคยกับจุดฝังเข็มในร่างกายมนุษย์ตั้งแต่ยังเด็ก เคล็ดวิชานี้เหมาะกับเธอมาก แต่ว่าการสอนเรื่องจุดฝังเข็มมักต้องเป็นอาจารย์และศิษย์เพศเดียวกัน เเนื่องจากบุรุษและสตรีมักเขินอายที่ต้องรู้สึกถึงจุดฝังเข็มสำคัญ ๆ ทั้งหมดในร่างกายต่อหน้าอีกฝ่าย มีเพียงคู่รักเท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้ได้"

หลังจากได้ยินคำอธิบายจากปากเซียวอี้ ใบหน้าเรียวเล็กของเสี่ยวเยว่ก็แดงเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินเซียวอี้กล่าวว่า "เราต้องรู้สึกถึงจุดฝังเข็มที่สำคัญทั้งหมดในร่างกาย" หัวใจของเสี่ยวเยว่พลันเต้นไม่เป็นส่ำ

แต่เมื่อนึกถึงประสบการณ์การถูกลักพาตัวเมื่อเช้า  ใบหน้าเสี่ยวเยว่ก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นขาวซีดทันที เมื่อเทียบกับฉากนองเลือดน่าสยดสยองแล้ว ความเขินอายไม่นับว่าเป็นกระไร ความปลอดภัยในอนาคตของตัวเองย่อมสำคัญยิ่งกว่า นอกจากนั้นแม้เสี่ยวเยว่จะเป็นเด็กสาว แต่เธอก็เคยใฝ่ฝันอยากร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้อยู่หลายครั้ง ทั้งในนิยายหรือโทรทัศน์ เหล่าจอมยุทธสามารถโจมตีศัตรูได้ทันทีด้วยการโจมตีจุดสำคัญของอีกฝ่าย แค่คิดเรื่องนี้ เธอก็ตื่นเต้นแล้ว

ดังนั้นหลังจากชั่งน้ำหนักถึงข้อดีข้อเสีย เสี่ยวเยว่จึงยืดเอวบางหยัดตัวตรง เธอเอ่ยโดยไม่ลังเลว่า "พี่เซียว พี่สอนฉันเถอะ ฉันไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งสิ้น ฉันแค่อยากเรียนรู้จุดสำคัญแค่บางจุด ถ้าใครกล้าหาเรื่องฉันอีก ฉันจะฆ่าพวกมัน"

เซียวอี้ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังได้ยินวาจาดุดันของเสี่ยวเยว่ แต่เขาก็คิดว่าคำพูดของเสี่ยวเยว่สมเหตุสมผล ด้วยฉินกวงหมิงไม่อยู่ที่นี่ และเซียวอี้ก็งานยุ่งเสมอ เขากลัวว่าตนไม่อาจปกป้องเสี่ยวเยว่ได้ทันการตลอดไป การสอนเธอตกปลาย่อมดีกว่าการส่งปลาให้เธอ เสี่ยวเยว่จะได้สามารถปกป้องตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้หารือประเด็นที่ยุ่งยากที่สุดกับเสี่ยวเยว่แล้ว เธอเคยเห็นกระทั่งสภาพเปล่าเปลือยของเซียวอี้มาก่อน หากเกิดสิ่งใดขึ้นระหว่างเขาและเธอจริง ๆ เขาก็จะยอมรับแต่โดยดี

หลังฝึกตนมานานหลายร้อยปี เซียวอี้ไม่ใช่คนทะนงตน หลังไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เซียวอี้ก็พยักหน้าตกลง

"จริงเหรอ? เย้ เยี่ยมที่สุดเลย!" เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นเซียวอี้พยักหน้า เธอก็กระโดดตัวลอยอย่างมีความสุข

ชุดนอนลอยขึ้นตามแรงกระโดด เผยให้เห็นชุดชั้นใน เซียวอี้รู้สึกวิงเวียนทันที

“ฉัน ฉันต้องทนทรมานอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย” หัวใจของเซียวบีบรัดเมื่อเห็นท่าทางของเสี่ยวเยว่ เขาเริ่มนึกเสียใจกับการตัดสินใจของตนเองรำไร

ทว่าเสี่ยวเยว่ไม่รู้ตัวเลย เธอจับมือเซียวอี้แน่น และเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า "พี่เซียว สอนฉันหน่อย พี่รู้อะไรบ้าง?"

เซียวอี้มองใบหน้ามุ่งมั่นของเธอ แล้วหลุดหัวเราะออกมา เขาเขี่ยจมูกเธอเล่น แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คิดจะกินจนพุงกางในมื้อเดียวรึ? เธอต้องเรียนอย่างค่อยเป็นค่อยไป"

เมื่อเสี่ยวเยว่ได้ยินคำสอนของเซียวอี้ เธอแลบลิ้นเผล่อย่างอาย ๆ เธอรีบนั่งตัวตรงบนเตียง และแกล้งพูดอย่างขึงขัง "ศิษย์น้อมรับคำสั่งสอนของอาจารย์!"

เซียวอี้มองท่าทางขี้เล่นของเธอ แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาแอบทอดถอนใจ เสี่ยวเยว่ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอโชคดีเพียงใด

เคล็ดวิชาฝังเข็ม "ดัชนีขุนเขา" ของเซียวอี้คือเคล็ดวิชาพิเศษของนิกายแพทย์ศาสตร์มืดที่ไม่เคยปรากฏสู่โลกภายนอกมาก่อน ย้อนกลับไปในอดีต เคล็ดวิชานี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนโลกแห่งผู้ฝึกตน แม้แต่ผู้ฝึกตนที่ตบะสูงส่งกว่าเซียวอี้ ยามที่ต้องเผชิญกับ "ดัชนีขุนเขา" ก็ยังปราชัย เฉกเช่นเดียวกับตอนที่เขาโจมตีร่างฉู่เหวินเจี๋ยในวันนั้น หากเซียวอี้ไม่คลายจุดสำคัญให้ฉู่เหวินเจี๋ย หนุ่มน้อยก็คงเขย่าแขนได้อีกแค่วันเดียวเท่านัน

แน่นอนว่าเซียวอี้ไม่มีทางเล่าเรื่องนี้ให้เสี่ยวเยว่ฟัง เขาค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็นตั้งแต่พื้นฐานแรกสุด "จุดฝังเข็มมีทั้งจุดตายและจุดที่ทำให้เกิดการวิงเวียน ถ้าให้พูดตามตรง เราใช้กำลังภายนอกแทรกแซงเส้นเลือดในร่างศัตรู ถ้าเราโจมตีรุนแรงจะรักษาไม่หาย ถ้าโจมตีเบา ๆ ก็จะเกิดผลข้างเคียงที่ต่างกันออกไป เช่น คลื่นไส้ ชา คัน ปวด ตึง และสลบ ประสิทธิภาพของการโจมตีแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับจุดที่กด และความรุนแรงในการโจมตีของเรา แน่นอนว่าเคล็ดวิชาที่ฉันสอนมีทักษะเหล่านี้ทั้งหมด แม้แต่สตรีก็เชี่ยวชาญได้"

เสี่ยวเยว่นั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พลางพยักหน้าหงึก ๆ

"จำเอาไว้ว่าต้องโจมตีเส้นลมปราณหลักทั้ง 14 เส้น รวมถึงจุดไป่ฮุ่ย จุดไท่หยาง จุดเหรินจง จุดเทียนจู๋ จุดตันเถียน จุดเซี่ยอิน และจุดชวีฉือ... 36 จุดเหล่านี้คือกุญแจสำคัญ วันนี้ฉันจะสอนจุดหลักที่บริเวณศีรษะของเธอก่อน”

เซียวอี้อธิบายเรื่องต่าง ๆ อย่างใจเย็น และใช้นิ้วกดจุดฝังเข็มหลายจุดเหนือศีรษะของเสี่ยวเยว่ เพื่อให้เสี่ยวเยว่สามารถสัมผัสถึงความหนักเบา และความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดจากนิ้วมือเขา นอกจากนี้เขายังเล่าความลับของ "ดัชนีขุนเขา" ให้เสี่ยวเยว่ฟังโดยไม่ปิดบังสิ่งใด

"อือ... อา... อา..." ภายใต้แรงกดดันของเซียวอี้ เสี่ยวเยว่กรีดร้องและทรุดล้มลงบนเตียงในชั่วระยะสั้น ๆ ขาของเธอยกขึ้นสูง ทำให้เซียวอี้หยุดมือทันที

“เอาเถอะ ฉันสอนไปเยอะแล้ว เธอลองทำดูบ้างสิ” เซียวอี้ประคองเสี่ยวเยว่ให้ลุกขึ้น เขารีบขยับกระโปรงปิดท่อนล่างให้เธอ และเอ่ยอย่างจริงจัง

เสี่ยวเยว่ลูบอกตัวเอง และสงบสติอยู่พักใหญ่ ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของเธอแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น เธอยื่นนิ้วเรียวเล็กดุจหน่อไม้อ่อนทั้งสองออกมา จากนั้นจึงกดจุดอวี้เจิ่นที่หลังศีรษะของเซียวอี้เบา ๆ มือเล็กนุ่มนิ่มของเธออบอุ่นนัก เซียวแทบฝืนทนไม่ไหว เมื่อนิ้วของเธอเริ่มไล้วนและลงน้ำหนัก

“ผลจากการโจมตีบริเวณนี้คืออะไร?” เสี่ยวเยว่กดจุดเซียวอี้ด้วยปลายนิ้วของตน และถามอย่างตื่นเต้น

“ถ้ากดแรงเกินไป ฉันจะตายทันที แต่โดยปกติแล้ว มันจะทำให้ฉันสลบ” เซียวอี้กล่าว

เสี่ยวเยว่กลัวจนมือสั่น เธอรีบผละนิ้วออกทันที และแลบลิ้นเอ่ยว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันไม่อยากทำแล้ว ถ้าฉันทำร้ายพี่ คงจะแย่แน่"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ