ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ นิยาย บท 40

เซียวอี้หัวเราะลั่น ในใจเขาคิดว่า "ลูกไม้ตื้น ๆ ของเธอจะทำร้ายฉันได้อย่างไรกัน?"

“เธอฝึกต่อเถอะ ฉันจะช่วยดูเองว่าเธอพัฒนาขึ้นมั้ย ไม่ต้องห่วงนะ เธอฆ่าฉันไม่ได้หรอก” เซียวอี้พูดยิ้ม ๆ

"จริงเหรอ?" เสี่ยวเยว่ยกนิ้วขึ้น ขณะถามอย่างระมัดระวัง

“ได้สิ อย่างมากฉันก็สลบแค่แป้ปเดียว” เซียวอี้พยักหน้า และเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

"งั้นลุยล่ะนะ!" เสี่ยวเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ในใจทบทวนสาระสำคัญที่เซียวอี้สอนอย่างรอบคอบ จากนั้นจึงยกปลายนิ้วของตนกดจุดอวี้เจิ่นของเซียวอี้

เซียวอี้รับรู้ถึงขุมกำลังมหาศาลกำลังโจมตีเขาอย่างแรง ด้วยตบะและลมหายใจอันแกร่งกล้า เขาจึงสลายการโจมตีได้อย่างง่ายดาย ทว่าเขาก็แอบประหลาดใจเช่นกัน เสี่ยวเยว่หัวไวมากจริง ๆ เรียนเท่านี้เธอก็สามารถฝึกปรือทักษะ และความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากเป็นผู้อื่นโดนกดจุดคงสลบไปแล้ว

เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เธอ เซียวอี้จึงแกล้งนิ่งค้าง ก่อนล้มลงทันที เขาหลับตาแสร้งทำเป็นสลบ

"อา!" เสี่ยวเยว่กรีดร้องเสียงดัง เมื่อเห็นเซียวอี้ล้มลง เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขา และตะโกนอย่างร้อนใจ "พี่เซียว พี่เป็นอะไรไป?"

เซียวอี้ไม่เอ่ยอะไร และแสร้งหลับต่อ วิธีการนี้เท่านั้นที่จะเพิ่มพูนให้กำลังใจเสี่ยวเยว่ได้

เสี่ยวเยว่ปลุกเซียวอี้ไม่สำเร็จ เธอยกมืออังจมูกเขา เมื่อรับรู้ว่าเซียวอี้ยังมีลมหายใจอยู่ เธอจึงโล่งใจ

“เขาสลบเพราะฉันกดจุดเหรอ?” เสี่ยวเยว่มองนิ้วตัวเองด้วยความฉงน และพึมพำกับตัวเองว่า "พระเจ้า ฉันทำได้แล้วเหรอเนี่ย?"

เสี่ยวเยว่ค่อย ๆ เปลี่ยนจากความสับสนเป็นความตื่นเต้นดีใจ เธอชูสองนิ้ว และอุทานเสียงเบาอย่างตื่นเต้น

เซียวอี้แอบเหลือบมองเสี่ยวเยว่ และหัวเราะอยู่ในใจ ทว่าภายนอกยังแสร้งทำเป็นสลบต่อ

"วิชาของพี่เซียวไม่ใช่ของเล่น ฉันฝึกได้ไวจริง ๆ ด้วย" เสี่ยวเยว่มองเซียวอี้อย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตามขณะที่มองดูเซียวอี้ผู้กำลัง "สลบอยู่" เสี่ยวเยว่ก็ค่อย ๆ ลืมเลือนความตื่นเต้นจากการเรียนศิลปะการต่อสู้จนสิ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นใบหน้ายามหลับใหลของเซียวอี้อย่างใกล้ชิด

“พี่เซียวหล่อจัง” นัยน์ตาเสี่ยวเยว่ค่อย ๆ พร่ามัว ดวงตาเธอไล่มองตั้งแต่คิ้วหนา สันจมูกโด่งของเซียวอี้ และท้ายที่สุดสายตาของเธอหยุดที่ริมฝีปากบางของเซียวอี้

ริมฝีปากของเซียวอี้ไม่บางจนเกินไป แต่กลับดูเฉียบคมได้รูป แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นมุมานะ

"ริมฝีปากเซ็กซี่จัง นี่คือเสน่ห์ของบุรุษเหรอ?" ทันทีที่ประโยคนี้ปรากฏขึ้นในใจเธอ หัวใจของเสี่ยวเยว่พลันเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ เธอมักได้ยินเพื่อน ๆ ผู้หญิงในชั้นเรียนคุยกันเรื่องจูบแฟนหนุ่มอย่างขวยเขิน ทุกครั้งที่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เธอรู้สึกคันยุบยิบในใจ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเมื่อริมฝีปากของคนสองคนสัมผัสกันจะให้ความรู้สึกเช่นไร

ยามก้มมองริมฝีปากเซียวอี้ที่อยู่ตรงหน้า เสี่ยวเยว่อยากแอบจุมพิตเขา แต่พอความคิดผุดขึ้นในหัว ใบหน้าเธอก็แดงซ่าน เธอก้มมองริมฝีปากของเขาอีก 2-3 ครั้ง ความคิดเดิมวนเวียนไม่จางหายดุจคำสาป

เธอกัดริมฝีปากอย่างกระวนกระวายใจ เสมือนตัวเองกำลังทำเรื่องไม่ดี เสี่ยวเยว่หอบหายใจเล็กน้อย หัวใจเต้นรัวกระหน่ำ เธอค่อย ๆ โน้มใบหน้าลง

เซียวอี้สามารถมองเห็นจากการหยั่งรู้ศักดิ์สิทธิ์ เขาจะไม่เห็นการกระทำของเซียวเยว่ได้อย่างไรกัน? ยามนี้เขาตื่นตระหนกมาก แต่เขาไม่กล้าลืมตาขึ้นมา หากเขาตื่นขึ้นและหยุดเสี่ยวเยว่ไว้ เธอจะไม่เขินอายจนมุดดินหนีรึ? ทันทีที่ความคิดผุดขึ้นในหัว ริมฝีปากเย็นเยียบของเสี่ยวเยว่ก็ประทับลงบนริมฝีปากเซียวอี้ช้า ๆ

หัวใจเซียวอี้สั่นสะท้าน เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ร่างกายเขาแข็งเกร็งทันที ร่างแกร่งถูกกระตุ้นด้วยจุมพิตนี้ เซียวอี้ถูกปลุกเร้าจนตื่นตัว ทว่าเขาไม่กล้าตัวขยับส่งเดช

เสี่ยวเยว่ที่ประหม่ายิ่งกว่าเซียวอี้ไม่รับรู้ถึงความผิดปกติของเขาเลย ความรู้สึกนุ่มนิ่มภายในริมฝีปากของเธอทำให้เสี่ยวเยว่ตัวชา นอกจากนี้เซียวอี้ยังมีลมหายใจแข็งแกร่งอย่างบุรุษเพศ พอเขาสำลักลมหายใจ ลมร้อนจึงปะทะจมูกของเสี่ยวเยว่โดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เสี่ยวเยว่สะท้านเฮือก

เซียวอี้ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาได้แต่คิดกับตัวเองว่า "นี่คือกับดักชัด ๆ"

"นี่สินะคือความรู้สึกตอนจูบ! ไม่น่าล่ะเพื่อน ๆ ถึงมีความสุขมาก" เสี่ยวเยว่หลับตาพริ้ม พลางกระซิบกับตัวเอง ในที่สุดเธอจึงผละออกจากริมฝีปากเซียวอี้อย่างอิดออด เสี่ยวเยว่เอื้อมมือแตะริมฝีปากจิ้มลิ้มของตัวเอง ใบหน้าเรียวเล็กของเธองดงามเปล่งปลั่งราวกับแสงอาทิตย์อัสดง เธอคลายมือที่กำแน่นตลอดเวลาออก ฝ่ามือชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ

“โอ๊ย รู้สึกอายจัง!” หลังเผลอทำตามใจนึก เสี่ยวเยว่รู้สึกอับอายมากที่ตัวเองยับยั้งชั่งใจไม่อยู่ หลังสงบสติอยู่นาน เธอจึงกล้าหันหน้ากลับไปมองเซียวอี้อีกครั้ง

เซียวอี้ใช้วิชาจากคัมภีร์ต้นตำรับยามหาเวทย์เพื่อดับเปลวไฟอันร้อนรุ่มที่คุกรุ่นในร่างของตน เมื่อเห็นเด็กสาวค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติแล้ว เขาจึงกล้าฟื้นขึ้นมาในที่สุด

เซียวอี้หยัดตัวขึ้นนั่ง เขาแสร้งหัวเราะร่วน แล้วกล่าวว่า "โอ้โห พี่เผลอหลับไปงั้นเหรอ? เสี่ยวเยว่ เธอหัวไวจริง ๆ แค่กระบวนท่าเดียวก็โค่นล้มคู่ต่อสู้ได้แล้ว"

เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นเซียวอี้ฟื้นขึ้นมา เธอก็ประหม่าจนหน้าแดงเรื่ออีกครั้ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของเซียวอี้ เธอจึงค่อย ๆ สงบลงดังเดิม แต่เหตุใดเซียวอี้จึงเอาแต่จ้องริมฝีปากเธอกันนะ ไม่นะ เขาคงไม่รู้เรื่องหรอกใช่มั้ย? ไม่น่าเป็นไปได้? เขาไม่ได้สลบไปหรอกเรอะ?

หัวใจเสี่ยวเยว่พัวพันยุ่งเหยิงไปหมด อะไรที่เซียวอี้พูดล้วนไม่เข้าหูเธอแม้แต่นิดเดียว

ครั้นเซียวอี้เห็นท่าทีเขินอายไร้เดียงสาของสาวน้อย ไฟที่เพิ่งดับมอดก็แทบจะลุกโชนขึ้นอีกครา เขารีบลุกยืน และพูดตัดบท "เอาล่ะ เสี่ยวเยว่ เธอทำสำเร็จแล้ว ไปนอนเถอะ"

จากนั้นเขาก็เดินกลับห้องตัวเองทันที

เสี่ยวเยว่ลูบอกตัวเอง ไม่ว่าอย่างไรก็หลับไม่ลงเสียที จิตใจเธอมีเพียงสัมผัสจากริมฝีปากเซียวอี้วนเวียนราวต้องมนต์สะกด

"หญิงสาวคนนี้ปลุกเร้าเปลวเพลิงของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย รูปลักษณ์ไร้เดียงสาของเธองดงามดึงดูดพอ ๆ กับเสน่ห์เย้ายวนของชูว่านเลย" เซียวอี้ปาดเหงื่อ และตะโกนก้องในใจ

เขารีบนั่งขัดสมาธิบนเตียง โยนโอสถเปลี่ยนเส้นเอ็นเสริมกระดูกเข้าปาก แล้วเริ่มต้นฝึกฝนคัมภีร์ต้นตำรับยามหาเวทย์

ผ่านมา 2-3 วันแล้วนับตั้งแต่เขาทะลวงสู่ระดับกลางของโลก ว่ากันว่าในระดับนี้ เขาสามารถใช้โอสถเสริมพลังในการหล่อหลอมร่างกายได้ เป็นไปได้ว่าเขาอาจใกล้ทะลวงถึงจุดสูงสุดของโลกในช่วงเวลาอันสั้น

อย่างไรก็ตามโอสถเสริมพลังคือโอสถอายุวัฒนะขั้นสอง ยากมากที่จะกลั่นโอสถสำเร็จด้วยการหยั่งรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาในตอนนี้

"ข้อจำกัดของการหยั่งรู้ศักดิ์สิทธิ์คืออะไรกันนะ?" เซียวอี้ทอดถอนใจเล็กน้อย ผู้สูงวัยที่มารักษาที่หอจี้ซื่อล้วนป่วยเป็นโรคไม่ร้ายแรง ยากยิ่งที่จะได้พลังบุญปริมาณมหาศาล

"ดูท่าฉันคงต้องหาหนทางรักษาโรคที่อันตรายถึงแก่ชีวิตแล้ว เพราะใกล้ถึงเวลายกระดับการหยั่งรู้ศักดิ์สิทธิ์"

เซียวอี้ปรับอารมณ์ และมุ่งมั่นฝึกตนถึงช่วงรุ่งสาง จากนั้นเขาจึงหยุดการฝึกฝน และลุกจากเตียง

เขาเดินไปที่โถงด้านหน้าช้า ๆ และเปิดประตูหอจี้ซื่อออก

ทว่าทันทีที่เขาเปิดประตูกว้าง เซียวอี้พลันเห็นรถพยาบาลขับมุ่งตรงมาที่เขาจากระยะไกล ๆ รถเบรกจอดดังเอี๊ยดหน้าประตูหอจี้ซื่อพอดิบพอดี

เมื่อประตูรถเปิดออก ชายในเสื้อคลุมสีขาวรีบกระโดดลงมาจากรถ

“คุณหมอเซียว!” ทันทีที่ชายผู้นั้นเห็นเซียวอี้ เขาก็ดีใจมาก และรีบถลาเข้ามา

เซียวอี้ค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาเขา เมื่อเห็นตรา "โรงพยาบาลในเครือแพทย์แผนจีน" บนเสื้อคลุมสีขาว เซียวอี้จึงทราบว่าเขามาจากที่ไหน ดูเหมือนว่าโรงพยาบาลในเครือจะเจอกรณีผู้ป่วยโรคซับซ้อนเสียแล้ว

"คุณหมอเซียวครับ คุณหมอหยูซือม่านมอบหมายให้ผมเชิญคุณหมอไปที่โรงพยาบาลในเครือด้วยกัน นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย!" แพทย์หนุ่มจับแขนเสื้อของเซียวอี้อย่างตื่นเต้นลนลาน เขารีบพูดอย่างร้อนรน

"ได้!" เซียวอี้พยักหน้า ไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ เขาตามชายผู้นั้นขึ้นรถพยาบาลทันที

แพทย์หนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาขับรถวกกลับ และรีบเล่าสถานการณ์ให้เซียวอี้ฟัง "คุณหมอเซียว คุณหมอหยูซือม่านอยู่ในห้องคลอดตอนนี้ และกำลังเผชิญปัญหาครับ ผู้ป่วยเป็นหญิงวัยกลาง เธอป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด นอกจากนี้เธอยังแพ้ยาสลบด้วย เธอจวนเจียนจะไม่รอดแล้ว ถ้าคุณหมอหยูเชิญคุณมาไม่ได้ ทั้งแม่และเด็กก็คงเสียชีวิตทั้งคู่!"

เสียงหวอของรถพยาบาลดังก้อง รถขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง เพียงแค่หนึ่งนาที รถพยาบาลก็พาเซียวอี้มาถึงโรงพยาบาลในเครือแล้ว

แพทย์หนุ่มรีบวิ่งไปที่ห้องคลอดพร้อมกับเซียวอี้

ที่ด้านนอกประตูห้องคลอด ชายผู้หนึ่งทรุดตัวล้มลงบนพื้น และร่ำไห้สะอึกสะอื้น เขาเขย่าประตูห้องคลอด แล้วคร่ำครวญฟูมฟาย “ที่รัก ทำไมคุณโง่ขนาดนี้? ร่างกายคุณไม่เหมาะจะตั้งครรภ์ แม้เราจะไม่มีลูก เราก็ยังใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขได้ ถ้าเกิดคุณ...”

เซียวอี้ย่นคิ้ว แล้วบอกกับหมอหนุ่มที่อยู่ข้างตัวว่า "บอกเขาว่าอย่าร้องไห้อีก เขาร้องไห้เสียงดังจนผู้ป่วยเริ่มหมดกำลังใจแล้ว"

“ใช่แล้ว เงียบก่อนเถอะครับ! คุณอยากให้ภรรยากับลูกเสียชีวิตเหรอ?” หมอหนุ่มตวาดลั่น

ชายคนนั้นทรุดนั่งบนพื้น ในมือที่สั่นระริกกำ "คู่มือความช่วยเหลือ" เอาไว้  เขาร้องไห้เสียงสั่นเครือ “ได้โปรดช่วยภรรยาผมด้วยครับ ผมเพียงอยากให้เธอสุขภาพแข็งแรง!”

ขณะนี้เซียวอี้เดินเข้าไปในห้องคลอดแล้ว

หยูซือม่านถือเครื่องมือผ่าตัดครบมือ ในมือถือคีม ศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อเธอเห็นเซียวอี้ เธอก็รีบเดินเข้ามาหาเขา ก่อนอธิบายว่า "ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์มีอายุ 40 ปี นี่คือท้องแรกของเธอ อัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ไม่สม่ำเสมอเลย สายรกพันคอนานถึง 3 สัปดาห์แล้ว ฉันอยากผ่าคลอดให้ แต่ผู้ป่วยแพ้ยาสลบ เธออยู่ในห้องผ่าตัดมา 2 ชั่วโมงแล้ว อัตราการเต้นหัวใจของเธอก็พุ่งสูงเป็น 160”

เซียวอี้พยักหน้าไม่พูดอะไร เขาหยิบเข็มสีเงินออกมาจากตัว และเดินเข้าไปใกล้ผู้ป่วยหญิงที่ใกล้สิ้นใจทุกขณะ

“คุณเป็นใคร? จะทำอะไรน่ะ?” ที่ข้างเตียงผ่าตัด มีแพทย์ชายผู้หนึ่งกำลังถือเครื่องมือผ่าตัด เขาตวัดเสียงถามเซียวอี้อย่างดุดัน

“ผู้อำนวยการเฉียนคะ เขาคือแพทย์แผนจีนที่ฉันเชิญมาค่ะ!” หยูซือม่านเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน

ผู้อำนวยการเฉียนไม่มีเจตนาอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย เขาหยุดร่างเซียวอี้ไว้ แล้วถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง "ซือม่าน ทำไมเธอถึงพาแพทย์แผนจีนมาที่นี่? ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ?"

“แต่ผู้อำนวยการเฉียนคะ คุณมีวิธีที่ดีกว่านี้เหรอ? ตอนนี้เรายอมแพ้ไม่ได้หรอกนะคะ? ฉันเคยเห็นทักษะการแพทย์ของหมอเซียวแล้ว เขาคือความหวังสุดท้ายของเรา!” หยูซือม่านโพล่งออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ

“ซือม่าน อย่าทำตัวงี่เง่า!” ผู้อำนวยการเฉียนชำเลืองมองเซียวอี้ด้วยความโกรธ เขากระซิบลอดไรฟันกับหยูซือม่านว่า "ถ้าไม่มีคนอื่นแทรกแซง ต่อให้ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์เสียชีวิต พวกเราก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น อย่างไรก่อนเข้าห้องคลอด พวกเราก็ย้ำญาติผู้ป่วยหลายรอบแล้วว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน แต่ถ้าเธอปล่อยให้ไอ้หมอจีนนอกคอกคนนี้เข้ามายุ่ง ผลลัพธ์อาจร้ายแรงเกิดคาดเดา เธอเคยคิดเรื่องนี้มั้ย?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเกิดใหม่ เป็นหมอเทวดามือวิเศษ