ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) นิยาย บท 46

สรุปบท บทที่ 46 ขัดแย้งกับตระกูลซุนอีกครั้ง (1): ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)

สรุปตอน บทที่ 46 ขัดแย้งกับตระกูลซุนอีกครั้ง (1) – จากเรื่อง ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) โดย Anonymous

ตอน บทที่ 46 ขัดแย้งกับตระกูลซุนอีกครั้ง (1) ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) โดยนักเขียน Anonymous เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากรับเงินแล้ว ฉินเฟยยังคงครุ่นคิดถึงวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งกับตระกูลซุนอยู่ตลอด

เมื่อทั้งสองคนเดินออกมาจากอาคาร ฉินเฟยรู้สึกว่าแขนของเขาถูกรัดแน่น เจียงเยว่ถงที่อยู่ข้างกายเข้ามาควงแขนเขา

ฉินเฟยเอาแขนโอบเอวของเจียงเยว่ถง พอได้กลิ่นกายสบายใจของภรรยาเทพธิดาของเขา ก็ยิ่งรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้คุ้มค่า!

เวลาสองทุ่ม สำหรับซงไห่ที่คึกคัก ชีวิตกลางคืนเพิ่งเริ่มต้น

ทั้งสองไปที่โรงแรมนอกหมู่บ้านและสั่งอาหารหลายอย่าง

“ที่รัก คุณกลับไปกินข้าวเย็นก่อน ผมยังมีอะไรต้องทำอีก” ฉินเฟยพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นเจียงเยว่ถงเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารในมือ

เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ จำเป็นต้องหาวิธีแก้ไข!

ช่วยไม่ได้ พ่อตาไม่สามารถทนเห็นตระกูลเจียงถูกตระกูลซุนทำลายได้ ดังนั้นฉินเฟยก็ไม่สามารถยืนดูเฉยๆ ได้เหมือนกัน

ยิ่งกว่านั้นคืนนี้เขาเอาชนะคนของตระกูลซุนได้ ตระกูลซุนไม่มีทางยอมเลิกราง่ายๆ แน่นอน

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาทำเรื่องให้เป็นที่โจษจันมากเกินไปในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา สี่ตระกูลใหญ่แห่งซงไห่ ภายในเวลาสองวันเขาทำให้ผิดใจไปแล้วครึ่งหนึ่ง

สิ่งที่ทำให้เขากังวลที่สุดคือ ตัวตนของเขาอาจถูกเปิดเผยในไม่ช้า!

ตระกูลฉินตกต่ำไปเพียงสี่ปี แม้ว่าเขาจะทำตัวเงียบมากในตอนนั้น แต่เขาก็ยังเป็นหลานชายคนโตของตระกูลฉิน แน่นอนว่ามีหลายคนรู้จักเขา

แต่หลังจากสี่ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงผ่านไป หลายคนไม่เคยคิดว่าลูกเขยขี้แพ้ของตระกูลเจียง จะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลฉินในเวลานั้น

แต่หากตระกูลฮั่วหรือตระกูลซุนตรวจสอบอย่างรอบคอบ จะต้องค้นพบบางสิ่งอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆ

ก็อย่างที่จางฉองหย่วนพูดไว้ การเอาแต่ถอยหนีไม่ใช่ความคิดที่ดี ถึงเวลาที่ต้องแสดงสติปัญญาบ้างแล้ว…

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปัญหาของตระกูลซุนในปัจจุบันจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข

และวิธีแก้ไข้ก็มีความเป็นไปได้มากที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาอย่างสมบูรณ์!

ดังนั้นเขาจึงขอให้เจียงเยว่ถงกลับบ้านไปก่อน

“คุณยังต้องการอะไรอีก?” เจียงเยว่ถงมองไปที่ฉินเฟยด้วยความงุนงง

“หากปัญหาของตระกูลซุนไม่ได้รับการแก้ไข มันจะนำปัญหาใหญ่มาสู่ตระกูลเจียง ผมคิดว่า...บางทีผมอาจมีวิธี” ฉินเฟยกล่าวอย่างลังเล

“คุณมีวิธีแล้วเหรอ?” เจียงเยว่ถงดูประหลาดใจ

ฉินเฟยเป็นคนขี้แพ้มาเป็นเวลาสามปี แม้ว่าเจียงเยว่ถงจะมองเขาเปลี่ยนไปมากในช่วงเวลานี้ แต่ในสายตาของเธอ มันเป็นเพียงเพราะวิชากังฟูของฉินเฟย

ในสังคมนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกังฟู อำนาจและเงินทองเป็นทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตระกูลซุนซึ่งเป็นสี่ตระกูลมหาอำนาจในซงไห่

เจียงเยว่ถงคิดไม่ออกเลยว่า ฉินเฟยจะมิวิธีการอย่างไร

เจียงเยว่ถงมองพิจารณาฉินเฟยขึ้นๆ ลงๆ ด้วยดวงตาอันงดงาม ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “คุณคงไม่คิดจะไปขอร้องตระกูลซุนใช่ไหม? เป็นไปไม่ได้ ตระกูลซุนไม่มีทางตกลงแน่”

“ผมเพิ่งได้วิธีใหม่ที่จะลองทำดู บางทีมันอาจจะไม่ได้ผล หรืออาจจะมีโอกาสจริงๆ ก็ได้” ฉินเฟยกล่าว

เมื่อเห็นฉินเฟยไม่อธิบาย เจียงเยว่ถงก็ยิ่งกังวลมากขึ้น

“งั้นฉันจะไปกับคุณด้วย นี่คือเรื่องของตระกูลเจียง คุณผิดใจกับตระกูลซุนก็เพราะช่วยพ่อของฉัน เราไปเผชิญหน้าด้วยกัน!” เจียงเยว่ถงกล่าวอย่างหนักแน่น

ฉินเฟยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น

เขารู้จักเจียงเยว่ถงดี ผู้หญิงคนนี้ลองได้ตัดสินใจอะไรไปแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนการตัดสินใจของเธอ

เจียงเยว่ถงกำลังขับรถอย่างใจเย็น เธอเงยหน้าขึ้นมองฉินเฟยที่นั่งอยู่ข้างๆ ผ่านกระจกมองหลังเป็นครั้งคราว

ในขณะนี้ฉินเฟยกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูทิวทัศน์ที่ผ่านไป ดวงตาของเขาเหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด

เจียงเยว่ถงบุ้ยปาก เธอต้องยอมรับว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาเธอเพิ่งให้ความสนใจกับฉินเฟยเมื่อไม่กี่วันมานี้

เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉินเฟยมาก่อน รู้เพียงว่าฉินเฟยมาจากชนบทตอนที่พวกเขาแต่งงานกัน นอกจากการศึกษาเพียงเล็กน้อย ก็ไม่มีข้อได้เปรียบอื่นใด

แต่ตอนนี้เธอค้นพบแล้วว่าฉินเฟยไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น เขาต้องมีประสบการณ์บางอย่างมาก่อน หลังจากเป็นคนขี้แพ้มาสามปี ถูกเยาะเย้ยและดุด่ามากมาย แต่ฉินเฟยยังคงรักษาสัญญาอย่างไม่หวั่นไหว บางครั้งเมื่อนึกถึงจิตใจเช่นนี้ เจียงเยว่ถงก็ต้องนับถือตัวเขา

แต่ตอนนี้ฉินเฟยกลับให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ลึกซึ้ง เป็นตะกอนที่ผ่านวันเวลามานาน ยากที่จะอธิบาย

เจียงเยว่ถงรู้สึกเขินเล็กน้อย เธอรีบหันหน้ากลับไป โชคดีที่ฉินเฟยไม่ทันสังเกต

เจียงเยว่ถงทำตามคำสั่งของฉินเฟย ขับรถมุ่งหน้าต่อไป ขณะที่ผ่านโรงแรมที่มีมากกว่าสิบชั้นและแสงไฟสว่างไสว เสียงของฉินเฟยก็ดังขึ้น “ถึงแล้ว!”

จากนั้นก็ชี้ไป “ตรงนั้นน่าจะเป็นลานจอดรถ “

เจียงเยว่ถงมองไปทางนิ้วของฉินเฟย สังเกตเห็นป้าย ‘โรงแรมนานาชาติหมู่บ้านเทียนฝู’ เธอขมวดคิ้วและถามว่า “คุณแน่ใจนะ...ดูไม่ผิดที่แน่นะ?”

“ตรงนี้แหละ” ฉินเฟยกล่าวอย่างมั่นใจ

เจียงเยว่ถงอ้าปากเล็กน้อยและคิดว่าเป็นไปตามคาด!

แต่สีหน้าของเธอกลับสับสนยิ่งกว่าเดิม!

ทั่วทั้งซงไห่ไม่มีใครไม่รู้จักโรงแรมใหญ่ในหมู่บ้านเทียนฝู

เพราะนี่คือทรัพย์สินของตระกูลซุน หนึ่งในสี่ตระกูลที่มีอิทธิพลในซงไห่!

เจียงเยว่ถงเดาว่าฉินเฟยอาจมาหาคนของตระกูลซุน แต่เธอไม่คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะเตรียมตัวบุกเข้าไปในรังของพวกเขาเลย?

แต่ที่สำคัญที่สุด ด้วยฐานะของตระกูลซุน ลำพังเพียงฐานะอย่างฉินเฟย มันเป็นเรื่องยากที่จะได้พบกับผู้มีอำนาจของตระกูลซุน!

นี่คือจุดที่ทำให้เธอสับสนที่สุด!

ฉินเฟยมีวิธีอะไร?

“ก็แค่อาศัยโชคช่วย ยังไม่แน่นอนหรอก!” ฉินเฟยแค่ชำเลืองมองเธอก็รู้แล้วว่าในใจเธอคิดอะไร เขาผายมือยักไหล่

“ยินดีที่ได้รู้จัก” ซุนเจิ้งกางยิ้มและจับมือกับฉินเฟย

คนรวยชอบผูกมิตร แถมยังกระตือรือร้นมากอีกด้วย

และคนรวยอย่างซุนเจิ้งกางก็อ่อนโยนกับทุกคน เมื่อกาลเวลาผ่านไป ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต

ความจริงนั้นง่ายดายมาก มีเพื่อนเพิ่มขึ้นก็มีลู่ทางมากขึ้น มีศัตรูเพิ่มขึ้นก็มีอุปสรรคมากขึ้น

แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากพวกเศรษฐีใหม่เหล่านั้น มีเงินมีอำนาจก็กลายเป็นคนหยิ่งยโสอวดดี ไม่เห็นใครในสายตา

แม้ว่าปกติแล้วเจียงเยว่ถงจะเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ชอบเข้าสังคมเป็นการส่วนตัว แต่เธอก็จะผูกมิตรกับคนที่เธอควรรู้จักแน่นอน เพราะถึงอย่างไรเจียงเยว่ถงก็มีข้อได้เปรียบมากในเรื่องการผูกมิตร

เธอมาจากครอบครัวปานกลาง แต่ก็มีความสามารถและเป็นคนสวย ใครๆ ก็ยินดีที่จะผูกมิตรกับเพื่อนแบบนี้

ทั้งสองทักทายกันไม่กี่ประโยค นัดกันว่าหากมีโอกาสจะไปดื่มชาด้วยกัน ซุนเจิ้งกางก็บอกลาและจากไป

การดื่มชาในวงการธุรกิจเป็นคำที่มีความหมายสองด้าน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากมีโอกาสจะได้ร่วมงานกัน

เจียงเยว่ถงเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีชื่อเสียงเลย เพียงเพราะใบหน้าอันงดงามและรูปร่างสะโอดสะองของเธอ ผู้ชายรอบๆ ร้านอาหารหลายคนมองมาที่เธอและกระซิบกระซาบกันเบาๆ

เพราะถึงอย่างไรเจียงเยว่ถงก็แทบจะไม่ปรากฏตัวเลย

“อ้าว! นี่คุณหนูเจียงใช่ไหม? บังเอิญจัง ไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอบุคคลสำคัญอย่างคุณที่นี่!” ในเวลานี้มีคนมาทักอีกแล้ว

เป็นผู้หญิง

เสียงของเธอฟังดูน่าฟัง แต่ความจริงแล้วมันแปลกๆ น้ำเสียงดูประชดประชัน

เจียงเยว่ถงไม่ได้มีตำแหน่งสูงในตระกูลเจียง เธอไม่ได้ครอบครองทรัพย์สินใดๆ ของตระกูลเจียงอีกด้วย มากที่สุดก็ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ แต่ก็ยังไม่ใช่บุคคลใหญ่โตอย่างแน่นอน!

ยิ่งไปกว่านั้น เจียงเยว่ถงไม่ชอบให้ใครเรียกว่า ‘คุณหนูเจียง’ ขอเพียงอยู่ในบางโอกาส และบุคคลที่เจาะจง เธอจะไม่รังเกียจเมื่อเรียกเธอแบบนี้

และคนที่ทักทายตอนนี้เรียกเจียงเยว่ถงว่า ‘คุณหนูเจียง’ น้ำเสียงดูเหน็บแนมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันคือความจงใจ

เจียงเยว่ถงขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉินเฟยก็มองเธอเช่นกัน

คนที่มาแต่งกายด้วยชุดที่ตัดเย็บเองระดับไฮเอนด์ ถือกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง LV แพลตตินั่มจากฝรั่งเศส สวมเพชรเม็ดเป้งอยู่ในมือ เรือนร่างของเธอเปล่งประกายแวววาว เลี่ยมทองเลี่ยมเงิน แสดงตัวตน ‘ไฮโซ’ ออกมาให้ทุกคนเห็น

ผู้หญิงอายุประมาณสามสิบปี ผมหยิกเป็นลอนใหญ่ ใบหน้างดงาม แต่ดูไม่มีเอกลักษณ์ แต่งหน้าเข้มไป

ฉินเฟยมองปราดเดียวก็จำเธอได้ในทันที

โจวแยเวย มีชื่อเดิมว่าโจววี่เจียน วันนี้อายุ 31 ปี มาจากหมู่บ้านตระกูลโจว ตำบลตงเฟิง อำเภอชางหมิง

แต่สามีของเธอมีชื่อเสียง พูดได้ว่าทั่วทั้งซงไห่ไม่มีใครไม่รู้จัก

เขาคือซุนเย่าเหวิน ท่านสองของตระกูลซุน!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง โจวแยเวยที่อยู่ตรงหน้าเป็นเจ้าของโรงแรมนานาชาติในหมู่บ้านเทียนฝู!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)