สรุปตอน บทที่ 52 พล็อตเรื่องผกผัน!(1) – จากเรื่อง ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) โดย Anonymous
ตอน บทที่ 52 พล็อตเรื่องผกผัน!(1) ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) โดยนักเขียน Anonymous เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“เป็นอะไรเหรอพี่ซุน?เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า?”โจวฉ่ายเวยค่อนข้างฝืนยิ้ม
พวกเขาสองคนเป็นคู่สามีแก่ภรรยาอายุน้อย พี่ซุนเป็นชื่อที่โจวฉ่ายเวยชอบเรียกซุนเย่าเหวิน ในเวลานี้เธอเรียกว่าพี่ซุน ก็นำมาซึ่งการเอาใจอย่างเห็นได้ชัดเจน
เดิมทีเธอคิดว่าเศษสวะที่ด่าว่าตัวเองคนนี้จะต้องตายถูกแบกหามออกไปในคืนนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายดึงซุนเย่าเหวินพูดแค่หนึ่งประโยคเบาๆ สั้นมาก สั้นถึงขนาดที่ว่าหนึ่งประโยคก็พูดไม่จบ แต่กลับทำให้ซุนเย่าเหวินสงบลงได้
โดยเฉพาะหลังจากนั้นซุนเย่าเหวินยังดูโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ดูแล้วยังส่งข้อความอีกด้วย และเศษสวะนั่นก็กำลังส่งข้อความ ทั้งสองคนกำลังใช้โทรศัพท์พูดคุยกันเหรอ?
พวกเขาพูดอะไรกัน?ทำไมสายตาที่สามีมองมาที่ตัวเองถึงค่อนข้างผิดแปลกไป?
โจวฉ่ายเวยพึงพอใจกับชีวิตในตอนนี้ และก็รู้ว่าได้มาแบบลำบากยากเข็ญ เธอระวังตัวมาตลอด จริงๆแล้วเธอไม่อยากที่จะแอบมีความสัมพันธ์ทางด้านชู้สาวอย่างลับๆกับโจวต้าเฉียงตั้งนานแล้ว เสี่ยงอันตรายเกินไป แต่ทั้งสองคนลงเรือลำเดียวกัน เธอก็ไม่กล้าที่จะทำให้โจวต้าเฉียงขุ่นเคือง
และหลายปีมานี้โจวต้าเฉียงก็ทำเงินไม่น้อย แน่นอนว่าข้างกายก็ไม่ขาดแคลนสาวน้อยเลย และเพราะเหตุนี้เขาจึงชอบโจวฉ่ายเวยมาตลอด บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอคือภรรยาของซุนเย่าเหวิน เวลารังแกมีความรู้สึกที่พิเศษอย่างหนึ่ง
โจวฉ่ายเวยไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงแอบรักกันกับโจวต้าเฉียงอย่างระมัดระวัง ยิ่งกว่านั้นโจวฉ่ายเวยก็ถึงช่วงที่มีความต้องการทางเพศอย่างมาก แต่ซุนเย่าเหวินดันอายุ50กว่าปีแล้ว ไม่สามารถสนองความพึงพอใจได้โดยปริยาย
อีกอย่าง โจวฉ่ายเวยก็ชอบความรู้สึกตื่นเต้นของการหลบๆซ่อนๆแบบนี้
แต่ตอนนี้ เธอค่อนข้างลนลานแล้วจริงๆ!
เพราะว่าเมื่อก่อนฉินเฟยไอ้เศษสวะคนนี้เคยพูดว่า เธอทำศัลยกรรมมา และพูดว่าเธอเคยเป็นหญิงสาวขายบริการ!
เริ่มแรกเธอแค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเยาะเย้ยด่าทอตัวเอง แต่ตอนนี้กลับมาคิดๆดูแล้ว เหมือนว่าไม่ได้เป็นแบบนี้
เหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องบางอย่างของตัวเอง……
ในใจของโจวฉ่ายเวยยิ่งไม่สบาย
ในเวลานี้ซุนเย่าเหวินใบหน้านิ่งเฉย อารมณ์แปลกไปมาก
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นแปลกระหลาดขึ้นมา……
ซุนเย่าเหวินไม่ได้ตอบกลับโจวฉ่ายเวยและหันหน้าเบาๆมองไปยังทางขึ้นบันไดแวบหนึ่งแล้ว พูดเสียงเบาๆว่า : “ใครก็ได้มาหน่อย!”
น้ำเสียงของซุนเย่าเหวินไม่ดังมาก แต่เมื่อพูดจบ มีบอดี้การ์ดชุดสูทสีดำ 8คน วิ่งขึ้นมา ‘ฮูลาลา’จากทางบันไดทันที
นี่เป็นบอดี้การ์ดเฉพาะตัวของซุนเย่าเหวิน ชื่อว่าสิบสององครักษ์ แต่ละคนคัดมาเป็นอย่างดี ผ่านประสบการณ์การสู้รบกว่าหลายครั้ง!
การเสียชีวิตของซุนเย่าฉวนในปีนั้น ก็เพื่อเตือนซุนเย่าเหวิน ต่อให้คุณมีเงินมากแค่ไหน มีความสามารถแค่ไหน เมื่อตายแล้ว งั้นก็ไม่มีอะไรเลยทั้งนั้น
เพราะงั้นในทางด้านนี้ ซุนเย่าเหวินยินยอมที่จะจ่ายเงินอย่างมาก!
12องครักษ์แห่งตระกูลซุนมีชื่อเสียงในซงไห่อย่างมาก เพราะว่าคนเหล่านี้ แทบจะเป็นลูกกำพร้าทั้งหมด ถูกตระกูลซุนรับเลี้ยงไว้ หลังจากนั้นปลูกฝังทั้งชีวิตจิตใจ
หลังจากที่โตแล้ว ตระกูลซุนจะลงทุนให้พวกเขาไปเป็นทหาร กลายเป็นทหารกองกำลังพิเศษเป็นการประเมินขั้นพื้นฐานที่สุด หลังจากที่ปลดประจำการ ตระกูลซุนก็จะประเมินครั้งสุดท้ายและก็สำคัญที่สุดกับพวกเขา หลังจากที่ผ่านการประเมิน ถึงจะได้เข้าร่วม12องครักษ์
พวกเขามีทักษะที่แข็งแกร่งมาก ระดับความภักดีก็สูงมากพอเช่นกัน!
และทั้งแปดคนนี้แตกต่างกับบอดี้การ์ดธรรมดา แก้มด้านซ้ายของพวกเขาแต่ละคน มีรอยดาบยาวตัดกันสีฟ้าทั้งหมด นี่เป็นความหมายของการคุ้มกัน
และสำหรับ12องครักษ์แล้ว สามารถประทับเครื่องหมายแบบนี้บนใบหน้าได้ เป็นเกียรติของพวกเขา!
เห็นการปรากฏตัวของทั้งแปดคนนี้ คนที่อยู่รอบๆร้านอาหารแทบจะตกใจจนเปล่งเสียงออกมา กี่ปีแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่เคยเห็น12องครักษ์ปรากฏตัวพร้อมกันมากที่สุด 2คน และเรื่องที่12องครักษ์ปรากฏตัวพร้อมกัน8คน พวกเขาเห็นเป็นครั้งแรก!
12องครักษ์ไม่เหมือนกับบอดี้การ์ดทั่วไป เดินแกว่วงไหล่ไปมาอยู่ข้างกายของเถ้าแก่ แต่กระจายไปรอบๆซุนเย่าเหวินอย่างลับๆ ทุกที่ที่ซุนเย่าเหวินไป 12องครักษ์จะสำรวจอันตรายโดยรอบให้เรียบร้อยไว้ก่อนล่วงหน้า รับรองความปลอดภัย
ข้างกายของซุนเย่าเหวิน ด้านนอกที่เห็นปกติที่สุดก็จะมี12องครักษ์คอยคุ้มกันเพียง 2คนเท่านั้น
ส่วนชื่อเสียงเรียงนามของ12องครักษ์ แน่นอว่าฉินเฟยก็เคยได้ยินมาก่อน ในเวลานี้เห็น12องครัก์ปรากฏตัวพร้อมกัน8คนในเวลาเดียวกัน งั้นขาที่ยกขึ้นนั่งไขว่ห้างก็อดไม่ได้ที่จะวางลงแล้ว สายตาค่อนข้างระแวดระวัง
พูดตามตรง แม้ว่าจนถึงตอนนี้แล้ว ฉินเฟยยังคงเดินอยู่อันตรายเช่นเดิม อย่างที่รู้ เขาเป็นคนทำลายครอบครัวของซุนเย่าเหวินพัง!
แต่ว่าซุนเย่าเหวินถูกสวมเขามาเป็นเวลา7ปีแล้ว ก็แม้แต่ซุนเทียนซื่อลูกชายที่เขารักดั่งของล้ำค่า ก็ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของเขา
เรื่องแบบนี้ เป็นใครก็ไม่มีทางรับได้ แม้ว่าเรื่องที่ฉินเฟยพูดเป็นความจริง แต่เรื่องนี้สำหรับซุนเย่าเหวินแล้ว ก็ไม่มีทางซาบซึ้งใจในบุญคุณของเขา!
เดิมทีตามสคริปต์ของฉินเฟยแล้ว ตอนนี้เขาควรจะรีบไปตรวจสอบว่าเรื่องที่ตัวเองพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ หลังจากที่สืบจนได้ผลลัพธ์ ซุนเย่าเหวินก็จะต้องใช้มาตรการจัดการบางอย่างกับโจวฉ่ายเวยแน่นอน
แต่ว่า ความคิดของคนแบบซุนเย่าเหวินนี้ ไม่มีใครกล้าที่จะพูดว่าคาดเดาได้จริงๆ
ขั้นตอนต่อไปเขาจะทำยังไง ไม่มีใครรู้
จิตใจเพิ่งจะผ่อนคลาย ของโจวฉ่ายเวยก็ตึงขึ้นมาทันที มองซุนเย่าเหวินแวบหนึ่งแล้ว และก็เอียงหน้ามองฉินเฟยเบาๆอีก
แต่ในเวลานี้ฉินเฟยไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปปลอบใจโจวฉ่ายเวยเลยด้วยซ้ำ 12องครักษ์ทั้ง8คนนี้อันตรายเกินไปแล้วจริงๆ!สถานที่ที่ซุนเย่าเหวินปรากฏตัว ก็มี12องครักษ์!แม้แต่คนโง่ก็รู้ อีก4องครักษ์จะต้องแอบซ่อนตัวอยู่รอบๆแน่นอน
ฉินเฟยเส้นตึงไปทั้งตัว เขารู้ว่า ถ้าหากทุบตีขึ้นมาจริง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ12องครักษ์ทั้ง8คนนี้อย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่มีทางยอมให้จับโดยละม่อม!
ในเวลานี้เพียงแค่ฉินเฟย เหมือนว่าแม้อต่แขกในร้านอาหารต่างก็ค่อนข้างตื่นเต้นกันขึ้นมา
ทั่วทั้งซงไห่ คนที่รู้ว่าโจวฉ่ายเวยเคยเป็นโสเภนีมาก่อนนั้นมีอยู่มาก แต่ว่าคนที่กล้าพูดต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ กลับว่าไม่มีสักคน!
และบอดี้การ์ดเหล่านี้เดิมทีก็ทำเพื่อเงิน แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะยอมสละชีวิตไปเพื่อความภักดีเล็กน้อยๆนี้ ไม่นานก็มีคนสารภาพออกมา
เก็บโทรศัพท์กลับมาอย่างเงียบๆ นัยน์ตาของซุนเย่าเหวินสาดส่องความกลัดกลุ้มใจออกมา
“ทำไมเหรอสามี?เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”โจวฉ่ายเวยขี้ขลาด ในใจก็ปล่อยวางไม่ได้หลายเรื่อง ในที่สุดเธอที่ยิ่งตื่นตะลึงมากขึ้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดถามอีกครั้ง
แต่งงาน7ปี เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นสีหน้าท่าทางแบบนี้ของซุนเย่าเหวิน
“ไม่มีอะไร จริงสิ เมื่อวานคุณไปทำอะไรมาเหรอ?”ซุนเย่าเหวินโบกมือพร้อมยิ้ม แสร้งว่าถามไปเรื่อยเปื่อย
“เมื่อวานตอนบ่ายฉัน ฉันไปนวดสปามาไม่ใช่หรือไง?”โจแยเวยที่จิตใจไม่สงบแสดงออกมาอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ : “ก็ร้านสปาเพื่อสุขภาพร้านนั้น หลังจากที่ทำสปาเสร็จพวกเขาก็แนะนำให้ฉันทำบำรุงผิวหน้า ตลอดทั้งบ่ายจนถึงเวลาไปรับลูก ฉันก็ไปรับลูกชายเลิกเรียน แถมยังพาลูกชายไปซื้อน่องไก่ที่เคเอฟซีด้วย ตอนนั้นคุณยังว่าฉันอีกว่า ให้ลูกชายทานของพวกนี้ให้มันน้อยๆหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
“อ๋อ”ซุนเย่าเหวินพยักหน้า หนังตากระตุกเบาๆแล้ว
โจวฉ่ายเวยเข้าใจมากเกินไปแล้ว!
เพราะว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ คนทั่วไปไม่มีทางพูดเยอะขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าก่อนที่จะเกิดขึ้น เธอได้คัดกรองในสมองแล้วรอบหนึ่ง
โจวฉ่ายเวยขี้ขลาด ทำเรื่องอะไรก็จะระมัดระวังมากเกินไปในเรื่องเล็กน้อยๆ แต่ก็เพราะเรื่องเล็กๆนี้ ในทางกลับกันมีความตั้งใจที่จะอธิบายอย่างสุดความสามารถ
แค่ซุนเย่าเหวินดันถามออกมาแค่หนึ่งประโยคอย่างเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ต้องการข้อแก้ตัวอะไรมากมาย ด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่าโจวฉ่ายเวยมีเรื่องที่ปิดบังไว้ในใจ!
สีหน้าท่าทางเพียงเล็กน้อยใดๆก็ตามของโจวฉ่ายเวยล้วนแต่อยู่ในสายตาของซุนเย่าเหวินทั้งหมด
โจวฉ่ายเวยเข้าใจซุนเย่าเหวินจริงๆ แต่ซุนเย่าเหวินรู้จักคนมากมายนับไม่ถ้วน แถมทั้งสองคนก็เป็นสามีภรรยากันมา7ปีแล้ว เขาก็ยิ่งเข้าใจโจวฉ่ายเวย
โจวฉ่ายเวยกำลังพูดโกหก!
ในขณะเดียวกันแทบจะพิสูจน์ได้ว่า ข้อมูลที่ผู้จัดการพิเศษหลิวบีบบังคับให้สารภาพออกมา ถูกต้อง
“ทำนวดสปาเสร็จคุณก็ไปรับลูกชายเลยเหรอ?”
“ใช่ไง ฉันอยู่ตลอด ไม่เชื่อคุณก็ดูกล้องวงจริดได้ ฉันจำได้ว่าออกมาจากร้านประมาณ16:30โดยประมาณ”โจวฉ่ายเวยรีบพูดกล่าว
จริงๆแล้วเธอออกไปจากประตูหลัง หลังจากแอบนัดพบก็กลับมาอีก
“อยู่ตลอด?งั้นทำไมผมถึงได้ยินเพื่อนบอกว่า เมื่อวานตอนบ่ายคุณไปวิลล่าเหยียนหยุนมา?ผมจำได้ว่าเมื่อวานน้องชายของคุณก็ไปเลี้ยงข้าวลูกค้าที่วิลล่าเหยียนหยุนใช่ไหม?”ซุนเย่าเหวินเอ่ยปากพูด
และคำพูดของเขา ทำให้สีหน้าของโจวฉ่ายเวยเปลี่ยนไปมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)