ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) นิยาย บท 67

ที่พักของเสิ่นเจียเหวินห่างจากว่านเซียง มูวีไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของริมฝั่งแม่น้ำ ปัจจุบันนี้รัฐบาลเมืองซงไห่กำลังให้ความสำคัญในการพัฒนาทางทิศตะวันออกของแม่น้ำ ย่านธุรกิจบริเวณนี้ถือว่ามีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ กอปรกับบริเวณริมแม่น้ำมีอากาศที่ดีกว่าในเมือง ปัจจุบันราคาบ้านของที่นี้ถือว่ามีราคาที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองซงไห่

หมู่บ้านหมิงเจียหุ้ย คือหมู่บ้านหรูหราแห่งหนึ่ง โดยเสิ่นเจียเหวินพักอยู่ในตึกอาคารสูงขนาดเล็กที่มีสิบแปดชั้น ซึ่งน่าจะเป็นการเช่าอยู่

ตรงตามที่หลิวโป๋ฮุ่ยได้พูดเอาไว้ ถึงแม้เสิ่นเจียเหวินจะมีหน้าที่การงานในระดับผู้บริหาร แต่หากต้องการที่จะซื้อบ้านในเมืองที่ที่ดินมีราคาสูงแบบนี้แล้ว ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เสิ่นเจียเหวินบอกให้นำรถปอร์เช่ไปจอดไว้ในโรงรถ แล้วฉินเฟยก็ลงจากรถพร้อมกับเดินวนผ่านหัวรถ เพื่อมาเปิดประตูรถให้กับเธออย่างสุภาพ

เสิ่นเจียเหวินที่นั่งอยู่ในรถเหมือนจะลังเลใจเล็กน้อย

แต่ภายใต้สายตาที่แปลกประหลาดของของฉินเฟยนั้น เธอก็กัดฟันแล้วเดินลงมาจากรถ

“อ่า! แต่เมื่อเท้าเหยียบถึงพื้น เสิ่นเจียเหวินก็ส่งเสียงโอดครวญขึ้น ร่างกายโซเซไปมา แล้วก็หงายหลังลงไปโดยที่ทรงตัวไม่ได้”

ฉินเฟยที่ยืนอยู่ด้านข้าง เดิมทีกำลังรอที่จะมองส่งเสินเจียเหวินขึ้นไปชั้นบนแล้วก็จะกลับนั้น เมื่อได้ยินเสิ่นเจียเหวินส่งเสียงร้องครวญก็ตกใจขึ้นทันที ยังดีที่เขามีการตอบสนองที่รวดเร็ว จึงได้ยื่นมือออกไปโอบตัวของเสิ่นเจียเหวินที่กำลังจะล้มลงเข้ามาในทรวงอก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอต้องล้มลงไปหัวร้างข้างแตก เพียงแต่มือนั้นได้ไปสัมผัสกับบริเวณที่อ่อนนุ่ม เมื่อก้มหน้าลงมอง ก็พลันเขินอาย ซึ่งมือขวาของตนเองนั้นกำลังจับไปที่จุดละเอียดอ่อนของเธอ......

“นาย นายรีบปล่อยตัวฉันเดี๋ยวนี้! ” เสิ่นเจียเหวินร่างกายสั่นเทา หลังจากที่ตกใจชั่วขณะแล้วก็รีบกลับคืนสู่ความสงบนิ่ง เพียงแต่ที่รู้สึกว่ามือขนาดใหญ่ของฉินเฟยได้มาสัมผัส ก็เกิดความโกรธขึ้นบ้างเล็กน้อย

อย่ามองว่าโดยปกติเธอพูดคุยเก่งเหมือนกับเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์เย้ายวน ที่จริงแล้วเธอนั้นรักนวลสงวนตัวอย่างมาก ร่างกายบางจุดไม่ใช่ว่าจะให้ผู้ชายสัมผัสได้ตามอำเภอใจ

“ขอโทษด้วยขอโทษด้วย” ฉินเฟยเองก็เก้อเขิน พร้อมกับรีบปล่อยแขนลงทันที

แต่หลังจากที่ปล่อยแขนออกแล้ว ร่างของเสิ่นเจียเหวินก็โอนเอนไปมา ข้อเท้าเจ็บปวดอย่างมากจนทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างรุนแรง จึงร้องโอดครวญขึ้นแล้วก็หงายหลังล้มลงไปอีกครั้ง

“ข้อเท้าเธอพลิกตั้งแต่เมื่อไรกัน? ห้ามขยับตัวอีก! ฉินเฟยโอบเสิ่นเจียเหวินเข้ามาในอ้อมอกอีกครั้ง เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้จงใจที่จะถูกต้องเนื้อตัวของเธอ เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย”

“ก็ก่อนหน้านี้ตอนที่โดนหลิวโป๋ฮุ่ยก่อกวน ฉัน......”

“อะไรของคุณอีกล่ะ ทำไมถึงไม่บอกตั้งแต่แรก? เมื่อได้ยินที่พูดนี้ ฉินเฟยก็พลันตกใจ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า: “อย่าขยับตัวอีก มานี่! ”

ท่าทางแบบนี้ของทั้งสองคนทำให้เสิ่นเจียเหวินรู้สึกว่าไม่ค่อยจะเหมาะสม ยังดีที่อยู่ในโรงรถ บริเวณรอบข้างก็ไม่มีคน หลังจากที่พยายามดิ้นรนเล็กน้อยก็ไม่กล้าจะขยับตัวอีก และปล่อยให้ฉินเฟยประคองตัวเธอเข้าไปพิงที่รถ

เวลานี้ไม่ต้องให้ฉินเฟยพูดเตือนอีกแล้ว เธอเองก็รับรู้ได้ว่าข้อเท้าของตัวเองบาดเจ็บ อีกทั้งยังบาดเจ็บไม่เบาอีกด้วย

แม้ว่าปัจจุบันเธอจะอยู่ในตำแหน่งรองประธาน แต่ก็ไม่เหมือนกับหญิงสาวทั่วไป ที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ตรงกันข้าม ในตอนเด็กเธอนั้นมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก

ดังนั้นก่อนหน้านี้คิดว่าเธอเองก็แค่ข้อเท้าพลิกเท่านั้น จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

“ทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก? ช่างน่าโมโหจริง ๆ ยืนดี ๆ เลย อย่าขยับตัวอีก! ” ฉินเฟยกำชับอย่างจริงจัง เวลานี้สีหน้าท่าทางของเขาค่อนข้างเคร่งขรึม ซึ่งแตกต่างกันมากกับท่าทางของหนุ่มน้อยหน้าใสที่อ่อนโยนก่อนหน้านี้

เสิ่นเจียเหวินตกใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกเสียใจกับคำต่อว่าของฉินเฟย แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมของฉินเฟยแล้ว เธอก็ทำปากจู๋เล็กน้อยโดยที่ไม่กล้าคัดค้าน และปล่อยร่างกายพิงเข้าไปที่รถอย่างเชื่อฟัง

ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้เธออดทนได้ แต่เมื่อครู่ที่ขณะเหยียบลงไปบนพื้นเพราะความเจ็บปวดจึงทำให้ข้อเท้าพลิกอีกเล็กน้อย ข้อเท้าเจ็บปวดอย่างรุนแรง ถึงกับทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทาไปหมด

“กระดูกข้อเท้าเคลื่อน เป็นเวลานานกว่ายี่สิบนาทีแล้ว อาการก็คงจะหนักมาก หากรอให้ปูดบวมขึ้นมาแล้วค่อยรักษาคงจะยุ่งยากมากทีเดียว! ” ฉินเฟยคุกเข่าลงไปที่พื้น แล้วสังเกตอาการข้อเท้าของเสิ่นเจียเหวินก็สามารถวินิจฉัยได้ถึงระดับความรุนแรงของอาการได้แล้ว

เรื่องพวกนี้ในตอนที่เขายังเด็ก ได้เคยเรียนรู้มาขณะที่ฝึกฝนหมัดมวยทหารในตระกูลฉิน ทั้งการป้องกันหมัดมวยทหารรวมถึงการรักษาเมื่อได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นวิชาสำคัญที่ลูกหลานตระกูลฉินจะต้องศึกษา และยังจะมีการทดสอบอีกด้วย

“ถ้างั้น......ถ้างั้นควรจะทำอย่างไรล่ะ? ” เสิ่นเจียเหวินเองก็สับสนลนลาน ก่อนหน้านี้เธอเคยข้อเท้าพลิก แต่เธอรู้สึกได้ว่า ครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งก่อน เจ็บปวดจนถึงกับปากสั่นในขณะที่เธอพูด จนทำให้ขาดความคิดการตัดสินใจ

ฉินเฟยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก จากที่นี่ไปถึงโรงพยาบาลกระดูกและข้อระดับสามที่ใกล้ที่สุดจะต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งยังเป็นในกรณีที่รถไม่ติดด้วย

“ถ้าหากคุณเชื่อฉัน ฉันจะลองช่วยคุณขยับข้อกระดูกที่เคลื่อนให้เข้าที่เอง” ฉินเฟยกัดฟัน และเงยหน้ามองไปที่เสิ่นเจียเหวินด้วยสายตาที่จริงจัง

“นายยังสามารถขยับข้อกระดูกให้เข้าที่ได้ด้วยเหรอ? ” เสิ่นเจียเหวินตกใจ และมองไปที่ฉินเฟยอย่างน่าประหลาด

“ก่อนหน้านี้ทำได้ แต่ฉันกลัวว่าจะไม่คล่องเหมือนก่อนแล้ว แต่หากจะไปโรงพยาบาลในตอนนี้อย่างน้อยต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง ดูแล้วคงจะไม่ทันกาล” ฉินเฟยรีบพูดอธิบาย อย่างรีบร้อน: “อีกอย่าง จะเจ็บมากหน่อยนะ”

“ฉันไม่กลัวเจ็บ” เสิ่นเจียเหวินพูดขึ้น จากนั้นก็หลับตาลง ข้อเท้ายิ่งเจ็บปวดมากขึ้นจนเธอแทบจะทนความเจ็บปวดไม่ไหว แม้แต่พูดจาก็ยังตัวสั่นไปหมด

ฉินเฟยพยักหน้า สีหน้าไม่ค่อยจะผ่อนคลายสักเท่าไร โดยเฉพาะตอนที่เขาถอดรองเท้าส้นสูงของเสิ่นเจียเหวินออก แล้วกุมไปที่ข้อเท้าที่เริ่มจะปูดบวมขึ้นเล็กน้อยก็ยิ่งจะเคร่งเครียดขึ้นไปอีก เพราะว่าเวลาผ่านไป ข้อเท้าของเสิ่นเจียเหวินก็เกิดอาการบวมขึ้น อีกทั้งเมื่อครู่หญิงโง่คนนี้ก็ไม่ยอมบอกกับเขาก่อน โดยได้ลงมาจากรถเองจึงทำให้อาการยิ่งหนักขึ้นไปอีก ทำให้กระดูกข้อเท้าที่เคลื่อนนั้นผิดตำแหน่งมากกว่าที่ฉินเฟยคาดการณ์เอาไว้เสียอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)