วันนี้อากาศดีมาก เมื่อตกกลางคืน ลมยามค่ำคืนก็พัดโชยอย่างเย็นสบาย
เมื่อสายลมพัดผ่าน ท่ามกลางช่องผ้าม่านที่สั่นไหว และภายใต้แสงไฟคริสตัลที่สว่างไสว ผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโอบกอดและสบตากัน
ฉินเฟยมองไปยังใบหน้าที่ใกล้แค่เอื้อมอย่างไม่กระพริบตา ช่างงดงามประณีตราวกับผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เพียงแวบเดียว เขาก็เริ่มหายใจถี่ขึ้น
เสิ่นเจียเหวินนอนเอนอยู่ในอ้อมอกของฉินเฟยอย่างสงบ รับรู้สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงไอความร้อนที่พ่นลงบนแก้มของตัวเอง ยิ่งใกล้มากขึ้น ยิ่งใกล้มากขึ้น......
บนโซฟา มือของเสิ่นเจียเหวินเองก็อดที่จะประหม่าไม่ได้เลยจับพรมบนโซฟาเอาไว้ โดยเธอที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้ ราวกับว่าเป็นความตื่นเต้นเหมือนกับรักครั้งแรก
เธอยังไม่ทันจะลืมตา ก็รู้สึกว่าปากของตัวเองนั้นถูกปิดกั้นเอาไว้แล้ว
เสิ่นเจียเหวินรู้สึกได้ว่า ฉินเฟยตื่นเต้นอย่างมาก ถึงขนาดทำอะไรไม่ถูก โดยที่มือใหญ่สองข้างได้ทำการโอบกอดตัวเองไว้แน่น
เหมือนว่าเขาตื่นเต้นจนไม่สามารถที่จะควบคุมกำลังของตนเองเอาไว้ได้แล้ว!
ราวกับว่าจะนำร่างของเธอรวมใส่เข้าไปในร่างของตัวเขาเองด้วย
ทันใดหลังจากนั้น ก็มีกลิ่นอายลมหายใจของความเป็นผู้ชายที่รุนแรง เหมือนต้องการจะทะลุผ่านร่างกายของเธอ
ฉินเฟยกำลังพยายามควบคุมความตื่นเต้นของตนเองอย่างชัดเจน เขาต้องการให้การกระทำของเขานั้นอ่อนโยนขึ้น แต่เขาจูบอย่างไม่ชำนาญ โง่เขลา แต่เพราะความไม่ชำนาญนี้ กลับยิ่งทำให้เสิ่นเจียเหวินเคลิบเคลิ้มมากขึ้น
ฉินเฟยโตขนาดนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจูบผู้หญิง
เวลานี้ ฉินเฟยถึงขนาดหลงลืมไปเลยว่าตนเองอยู่ที่ไหน หลงลืมไปเลยว่าเสิ่นเจียเหวินที่อยู่เบื้องหน้านี้คือลูกน้องของตนเอง เขาคิดเพียงแต่จะครอบครองผู้หญิงคนนี้ให้ได้
ฉินเฟยไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ เอาแต่จูบอย่างมั่วซั่ว
การที่เสิ่นเจียเหวินไม่ดิ้นรน ไม่ปฏิเสธ ยิ่งทำให้ฉินเฟยคุ้มคลั่งอย่างสิ้นเชิง......
“กริ๊งงงง......” ในขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของฉินเฟยก็ดังขึ้น
โทรศัพท์สั่นและยังมีเสียงเรียกเข้าที่เป็นเนื้อเพลงสนุกสนาน: “คุณคือลูกตัวน้อยของฉัน แอปเปิ้ลน้อย ฉันไม่มีวันรักคุณมากเกินไป...”
ฉินเฟยพลันตื่นขึ้นมาจากความหลงใหลเคลิบเคลิ้ม โทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันไม่เพียงแต่จะทำลายความเคลิบเคลิ้มของเขาเท่านั้น โดยเฉพาะเพลงเรียกเข้าที่สนุกสนาน ยิ่งทำลายบรรยากาศอันคลุมเคลือภายในห้องลงอย่างสิ้นเชิง ช่างไม่ได้เรื่องเสียจริงเลย
ในขณะเดียวกัน เสิ่นเจียเหวินที่นอนเอนอยู่ในอ้อมอกของฉินเฟยนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“ฉัน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉินเฟยเหงื่อไหลท่วมตัว และยิ่งเขินอายจนแทบจะตายลงไปกับที่ แทบทนรอไม่ไหวที่จะสับไอ้คนที่โทรมาหานี้ออกเป็นเสี่ยง ๆ
“คุณรับโทรศัพท์ก่อนเถอะ” เสิ่นเจียเหวินเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เธอเองก็เขินอายมากเหมือนกัน เวลานี้ที่ตั้งสติขึ้นมาได้นั้น ก็รู้สึกอับอายและเสียใจขึ้นชั่วขณะเช่นกัน
เธอประทับใจต่อชายหนุ่มคนนี้จริง ๆ แต่ถ้าจะพูดว่าเป็นความรู้สึก มันก็คงจะยังไม่ใช่ เพียงแค่วันนี้ตัวเองมีจิตใจที่หวั่นไหวมากเกินไป ไม่สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะของตัวเองได้ทันท่วงที จึงรู้สึกอับอายใจเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดถึงว่าตัวเองนั้นก็ถือเป็นผู้ใหญ่กว่า และยังเป็นอาคนเล็กของเสิ่นหลิงเอ๋อร์ด้วย แต่กลับเกือบที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนร่วมชั้นของเขาแล้ว ซึ่งรู้สึกอับอายใจเป็นอย่างมาก
ฉินเฟยอ้าปาก แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความโกรธ และดุด่าสาปแช่งในใจ
แม่งสิ หากไม่ใช่โทรศัพท์นี้ดังขึ้น คาดว่าวันนี้ตนเองคงจะกลายเป็นผู้ชายตามที่ใฝ่ฝันมานานแล้ว!
เมื่อฉินเฟยหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เห็นสายเรียกเข้าบนหน้าจอ ก็ตกใจจนแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง
ศรีภรรยา?
เจียงเยว่ถงโทรศัพท์มาหา?
แต่งงานมาสามปี ทั้งสองคนโทรศัพท์หากันแทบจะนับครั้งได้ แม้ว่าในตอนนี้ก็เหมือนกัน เจียงเยว่ถงเหมือนจะเคยชินกับการใช้วีแชดและข้อความติดต่อกับฉินเฟยแล้ว
ฉินเฟยกลัวว่าเจียงเยว่ถงจะได้ยินอะไร จึงรีบตัดสายทิ้งทันที
“หากนายมีธุระอะไรก็ไปก่อนได้นะ ฉัน ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว เรื่องในวันนี้ก็ถือว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน” เสิ่นเจียเหวินพูดขึ้นพร้อมกับสังเกตท่าทีของฝ่ายตรงข้าม
อะไรวะ!
พูดแบบนี้ ฉินเฟยก็รู้สึกละอายใจ การที่ไปรังแกคนอื่นถึงขนาดนี้แล้ว แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นสุดท้ายนั้น แต่ฉินเฟยมองว่า ก็ยังคงเป็นการล่วงเกินคนอื่นแล้ว แต่ตนเองก็มีภรรยาอยู่แล้ว จึงไม่อาจที่จะพูดถึงความรับผิดชอบอะไรได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)