เมื่อเห็นใบหน้าของเจียงเยว่ถงที่แดงก่ำ มันไม่ง่ายที่เขาจะเห็นด้านที่น่ารักของเธอแบบนี้
“นายอยากทำร้ายฉัน อยากเห็นฉันเป็นตัวตลกสินะ!”เจียงเยว่ถงโกรธมาก เธอลุกขึ้นยืน แล้วหยุดกินข้าวไปเลย กลับห้องนอนของเธอทันทีโดยไม่รีรอ พลันปิดประตูดัง‘ปั้ง’อย่างแรง
เอ่อ……
คงไม่ได้โกรธจริงๆใช่ไหม?ฉินเฟยรู้สึกถูกปรักปรำ แค่ตัวเองกลั้นขำไม่อยู่เนี่ยนะ?
เมื่อเห็นเจียงเยว่ถงกินข้าวไปครึ่งหนึ่ง ฉินเฟยก็รู้สึกเสียใจ ความจริงแล้วเขารู้สึกว่าซุปปลาเผ็ดร้อน จึงกระดกไวน์ไปหลายอึก แต่เดิมทีเขาอยากจะเตือนเจียงเยว่ถงว่าระวังจะเผ็ดเอา แต่เจียงเยว่ถงเคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่มีโอกาสให้เขาได้เอ่ยปาก
เป็นเรื่องยากที่จะได้ทานมื้อค่ำที่หรูหรากับเจียงเยว่ถง เห้อ ฉินเฟยถอนหายใจ และรู้สึกว่าตัวเองไม่ผิดอะไร
“ช่างเถอะ ไม่กินฉันกินเองก็ได้”จากปริมาณอาหารของเขาแล้ว ตอนนี้ยังพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น เขายื่นมือถือชามข้าวที่เจียวเยว่ถงกินเหลือขึ้นมา แล้วเริ่มจ้วงคำใหญ่เข้าปาก
ใครจะไปรู้ว่า เขากำลังจะคีบมั่นฝรั่งเข้าปากไป จู่ๆประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกดัง‘ปั้ง’เจียงเยว่ถงที่เปลี่ยนเป็นกระโปรงชุดนอนก็เดินออกมา กำลังเห็นฉินเฟยหยิบข้าวของเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย จึงทำให้เธอรู้สึกอดหงุดหงิดไม่ได้“ฉินเฟย นายทำอะไรน่ะ ทั้งๆที่ข้าวของคุณก็ยังกินไม่หมด ทำไมต้องมากินของฉันด้วยห้ะ?”
“ผม……”ฉินเฟยกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยากร้องไห้ มองเห็นเจียงเยว่ถงเดินมาข้างหน้า แล้วพูดในใจว่าแม่เจ้าโว้ยตกลงเธอคิดจะทำอะไรกันแน่“คุณไม่กินไม่ใช่หรอ?”
“ฉันบอกรึไงว่าฉันไม่กินน่ะ?”เจียงเยว่ถงรู้สึกฉุนกึก
“ผม คุณ……”ฉินเฟยถึงกับพูดไม่ออก
“หึ!” เจียงเยว่ถงหันกลับไปยังห้องครัว แล้วทำเสียงหึอย่างรังเกียจ ผ่านไปไม่นานถือถ้วยตักข้าวของตัวเองออกมาด้วย จากนั้นก็นั่งตรงข้ามกันกับฉินเฟยอย่างสง่างาม ค่อยๆนั่งตักข้าวเข้าปากคำเล็กๆ
เมื่อสักครู่เธอสำลักไม่ระวังทำเสื้อผ้าของตัวเองหกเลอะเทอะ ดังนั้นเจียงเยว่ถงผู้ที่รักความสวยงามตลอดจึงไปเปลี่ยนชุดนอนมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพอออกมาจะเห็นฉากที่ฉินเฟยคว้าชามข้าวของตัวเองไปกิน เพียงเพราะไอ้สารเลวนี่จงใจทำให้เธอโกรธ เธอจึงรู้สึกรังเกียจฉินเฟยมากยิ่งขึ้น
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษสำหรับพวกเขาสองคนก็เสร็จสิ้น เจียงเยว่ถงก็วางตะเกียบ และชำเลืองมองฉินเฟยที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะน้ำชา ยืนขึ้นอย่างลังเลเก็บชามและตะเกียบแล้วเดินเข้าไปในครัว
ฉินเฟยหรี่ตาลง นี่สิถึงจะถูก แบบนี้ถึงจะเหมือนผู้หญิงจริงๆ ฉินเฟยมองไปที่แผ่นหลังของเจียงเยว่ถงแล้วพูดพึมพำ แต่ในตอนที่เขากำลังหันหลัง ในห้องครัวก็มีเสียงลอดออก“พริ้งเพร้ง——โอ้ย!!”ยังตามมาด้วยเสียงของร้องตกใจของเจียงเยว่ถง
“เป็นอะไรอีกเนี่ย?”ฉินเฟยรู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นเมื่อเขาได้ยิน และรีบไปที่ประตูห้องครัว เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าเขา
ไม่รู้ว่ามีจานและชามกี่ใบที่แตกเป็นชิ้นนับไม่ถ้วนบนพื้น เต็มพื้นไปหมด เจียงเยว่ถงภรรยาคนสวยของเขากำลังนั่งอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยจานชามที่แตกกองบนพื้นอย่างน่าสงสาร ใช้แรงปิดกุมเข่าของตัวเองไว้ น้ำตาไหล ‘พราก’ลงมาไม่หยุด……
เมื่อฉินเฟยได้ยินเสียงนี้ เจียงเยว่ถงก็เงยหน้าขึ้นมาจากท่ามกลางจานชามที่แตกกระจัดกระจาย ด้วยตบหน้าเปื้อนน้ำตา“ฉินเฟย ฉัน……”
ฉินเฟยไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ ถึงว่าสามปีมานี้ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน นี่มันตัวหายนะของห้องครัวชัดๆ เข้ามาแค่สองครั้งก็ก่อเรื่องทั้งสองครั้ง ฉินเฟยรู้สึกยอมเธอแล้วจริงๆ
“นั่งอยู่ตรงนั้นแหละอย่าขยับนะ!”เมื่อเห็นเจียงเยว่ถงจะปีนขึ้นมา ฉินเฟยก็ถึงกับตกใจ รีบเดินเข้าไปในครัวโดยที่ไม่สนใจเสียงกรีดร้องคัดค้านของเจียงเยว่ถง เขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วก้าวมาห้องรับแขกสองสามก้าววางเธอลงกับโซฟา
ฉินเฟยเห็นเธอม้วนตัวไม่กล้าขยับอย่างเชื่อฟัง จึงอดขมวดคิ้วพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า“ทำไมไม่ระวังเลย เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
พูดจบ ก็ดึงสองมือของเจียงเยว่ถงที่กุมเข่าอยู่ออก ถึงแม้ฉินเฟยจะตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า แต่ตอนนี้ฝ่ามือของเจียงเยว่ถงก็เต็มไปด้วยเลือด บนหัวเข่าของเธอไม่รู้ว่าถูกเศษกระเบื้องกี่ชิ้นเจาะบาดกี่ที่ เลือดที่ไหลออกมาเปื้อนกระโปรงของเธอไปหมด……
“แค่ล้างถ้วยล้างชามต้องขนาดนี้เลยหรอ……”ฉินเฟยบ่นอุบอิบ นี่ขนาดยังไม่ทันเดินเข้าห้องครัวไปล้างเลยนะ ตอนนี้เขาไม่มีแรงจะมาต่อว่าหรือบ่นความซุ่มซ่ามของเธออีกแล้ว เลือดบนขาของเจียงเยว่ถงทำให้เขารู้สึกสงสารเล็กน้อย
“นั่งเฉยๆนะอย่าขยับ ให้ผมดูหน่อย……”เจียงเยว่ถงเบะปาก ด้วยความน้อยใจ แต่ก็ฟังคำเตือนของฉินเฟย เธอไม่กล้าขยับ แล้วนั่งอยู่เฉยๆ
ฉินเฟยรีบนั่งลงมา แล้วค่อยๆเลิกกระโปรงของเจียงเยว่ถงขึ้นเบาๆ ทันใดนั้นขาเรียวยาวขาวดุจดั่งหิมะก็โผล่ออกมาอยู่ตรงหน้าของเขา ขาวดุจดั่งหยก ความโค้งเว้าสง่างามราวกับฟ้าผลงานศิลปะที่ห้าประทาน แต่ในตอนที่เขาจะเลิกชายกระโปรงขึ้นไปบริเวณหัวเข่า ฉินเฟยก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง เจียงเยว่ถงเจ็บจนไม่สามารถควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นสะท้านได้
“คะ……คุณรอก่อน ผมจะไปหยิบกล้องปฐมพยาบาลมา อย่างมากก็สิบนาที”ฉินเฟยกำลังจะถามตำแหน่งที่วางกล่องปฐมพยาบาลอีกครั้ง แต่ไม่นานเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ สอบถามเจียงเยว่ถงสู้ไปหยิบชั้นล่างมาดีกว่า
“เร็วหน่อยนะ”เจียงเยว่ถงกัดริมฝีปาก เธอก้มลงมองหัวเข่าที่มีเลือดไหลไม่หยุด เสียงของเธอสั่นเครือ
“รู้แล้วครับ”ฉินเฟยเดินลงไปชั้นล่าง รีบวิ่งไปยังชุมชน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา)