หลี่จิ่นซูก้าวมาเข้ามาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เฉินเซียงมีสีหน้าเย็นชา นางบีบแขนของหลี่จิ่นซูเอาไว้และเอ่ยว่า “คุณชายหลี่ ถ้าท่านกล้าหยาบคายกับคุณหนูอีกละก็ ข้าจะเรียกคนมาแน่”
หลี่จิ่นซูร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่เขากลับมองหลินเมิ่งหวันอย่างดื้อดึงและเอ่ยออกมาทั้งที่ยังเจ็บว่า “เมิ่งหวัน เรื่องที่ข้าอยากบอกกับเจ้าเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ข้าไม่ได้โกหก ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยทำผิดต่อเจ้า แต่ข้ารู้ตัวแล้วว่าข้าผิด ข้าจะชดใช้ให้เจ้า ทำให้เจ้ากลับมาอยู่ข้างกายข้า ข้า... โอ๊ย...”
หลี่จิ่นซูยังพูดไม่ทันจบก็กรีดร้องออกมา เฉินเซียงที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงบิดแขนของหลี่จิ่นซูอย่างแรงราวกับอยากจะหักกระดูกของเขา
หลี่จิ่นซูผู้นี้ช่างบังอาจยิ่งนัก นางจะต้องไปทูลจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยมาฆ่าเขากับมือของพระองค์เอง!
แต่ถึงกระนั้นหลินเมิ่งหวันกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ปล่อยเขา”
เฉินเซียงชะงัก ขมวดคิ้วมองหลินเมิ่งหวันอย่างประหลาดใจ
แต่เมื่อนึกถึง ‘คำเตือน’ ของหลินเมิ่งหวันก่อนหน้านี้ เฉินเซียงจึงปล่อยมือและก้าวถอยไปอยู่ข้างหลังหลินเมิ่งหวันอย่างเงียบๆ
หลินเมิ่งหวันกล่าวว่า “เฉินเซียง เจ้าช่วยข้าดูต้นทางให้ที ข้ามีเรื่องจะคุยกับคุณชายหลี่นิดหน่อย”
“เจ้าค่ะ” แม้จะไม่พอใจ แต่เฉินเซียงก็ยังตอบรับ
หลี่จิ่นซูกุมแขนของตนเองและมองหลินเมิ่งหวันอย่างประหลาดใจ แต่หลินเมิ่งหวันกลับเดินไปข้างๆ ภูเขาเทียมด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเสียแล้ว
หลี่จิ่นซูรีบตามไปทันที ในไม่ช้าร่างของทางสองคนก็หายไปที่ด้านหลังภูเขาเทียม
เฉินเซียงขบฟันอย่างกังวล แต่นางทำได้เพียงทำตามคำสั่งของหลินเมิ่งหวัน คอยฟังเสียงจากรอบๆ ด้านอย่างระมัดระวัง
หลินเมิ่งหวันกับหลี่จิ่นซูพบกันเป็นการ ‘ส่วนตัว’ ในวัง ถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงจบเห่แน่!
“เมิ่งหวัน!” หลี่จิ่นซูตื่นเต้นเต็มที่และคิดจะเข้าไปกอดหลินเมิ่งหวัน
หลินเมิ่งหวันเบี่ยงตัวหลบด้วยสีหน้าที่เย็นชา ทันใดนั้นก็ดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออกมากดลงที่คอของหลี่จิ่นซู
ปิ่นปักผมเล่มนี้ทำขึ้นอย่างประณีตและมีความละเอียดงดงามมาก ทว่าปลายของปิ่นกลับส่องประกายเย็นเยียบ ทั้งยังแหลมคมเหนือสิ่งอื่นใด!
หลินเมิ่งหวันชายตามองหลี่จิ่นซูและเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเจ้ากล้าทำตัวไม่สุภาพอีกละก็ ข้าจะแทงคอเจ้าทันที เจ้าอยากพูดอะไรก็รีบพูดมา ข้าไม่มีเวลามาเสียเวลากับเจ้า”
หลังคอของหลี่จิ่นซูปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา เพราะเมื่อครู่นี้เขาหลบไม่ทัน ตอนนี้เขาจึงถูกปิ่นปักผมปักเข้าให้แล้ว และเวลานี้ก็มีรอยเลือดปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ทั้งยังมีเลือดไหลซึมออกมาอีกด้วย
แต่ดูเหมือนหลี่จิ่นซูจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขายังคงมองหลินเมิ่งหันด้วยแววตาที่ร้อนแรง
ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วหรือชาตินี้ หลินเมิ่งหวันก็ยังมีนิสัยร้อนแรงตรงไปตรงมาเช่นนี้เสมอ
แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ หลี่จิ่นซูในชาติก่อนรู้สึกรังเกียจความเย่อหยิ่งจองหองของหลินเมิ่งหวัน แต่ในตอนนี้เขากลับพบว่าหลินเมิ่งหวันเด่นสง่ามีราศี ทั้งยังงดงามจนไม่อาจมองข้ามได้เลย
ได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาจะต้องแต่งงานเอาหลินเมิ่งหวันกลับมาให้ได้!
หลี่จิ่นซูสงบลง เขาถามเบาๆ ว่า “เมิ่งหวัน ที่เจ้าไปตรวจชีพจรให้ฝ่าบาทก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทถูกพิษจากดอกฉีหลัวจริงๆ หรือ”
หลินเมิ่งหวันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ที่เจ้าบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญน่ะ คือเรื่องนี้งั้นหรือ”
“หลี่จิ่นซู เจ้าจะไม่รู้เชียวหรือ ว่าการสอดส่องพระอาการของพระองค์ก็นับเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวงต่อองค์กษัตริย์ หลี่เล่อหย่าสงสัยในพระประสงค์ของฝ่าบาท และตอนนี้เจ้ายังมาสอดส่องพระอาการของพระองค์อีก ดูเหมือนตระกูลหลี่ของพวกเจ้าจะไม่เคารพราชวงศ์เลย เชื้อถอดแบบกันมาแท้ๆ”
หลี่จิ่นซูชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ประเดี๋ยวเดียวก็มองหลินเมิ่งหวันอย่างเสน่หา “เมิ่งหวัน ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้าเป็นคนที่พูดจาฉะฉานเช่นนี้”
“ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรสอดส่องพระอาการของพระองค์ท่าน แต่ข้าก็รู้เช่นกันว่าเจ้าจะไม่ทรยศข้า ดังนั้นข้าจึงมาถามเจ้า”
น้ำเสียงของหลี่จิ่นซูอ่อนโยนมาก แต่พอหลินเมิ่งหวันได้ยินดังนั้น ท้องไส้ของนางก็ปั่นป่วน ยิ่งเมื่อเห็นท่าทางของหลี่จิ่นซู นางก็ยิ่งรู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียน
ดังนั้นสีหน้าของนางจึงเย็นชา พร้อมกันนั้นก็ออกแรงกดปิ่นปักผมเข้าไปใกล้คอของหลี่จิ่นซูยิ่งกว่าเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก