หลินเมิ่งหวันรีบถอนสายตากลับมา และคิดว่าตนเองไปรับรู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้เข้าให้แล้ว
ที่นี่คือวังหลังของแคว้นตงเยว่ นอกจากคนที่มางานเลี้ยงวันนี้ คนที่อยู่ที่นี่ก็มีแค่สตรีของฮ่องเต้เท่านั้น
เวลานี้มีคนกอดรัดกันอยู่ในศาลา แค่ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ หลินเมิ่งหวันไม่ได้อยากรู้เรื่องลับๆ ในพระราชวังเลยสักนิด
เพียงแต่...
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ” ฉู่โม่หยวนปล่อยหลินเมิ่งหวันลงและเอ่ยด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ จากนั้นจึงรีบไปที่ศาลาทันที
หลินเมิ่งหวันแอบขมวดคิ้ว คำพูดที่จะรั้งเขาไว้ชะงักค้างอยู่ที่ริมฝีปากไม่ได้เอ่ยออกไป เมื่อเห็นว่าฉู่โม่หยวนไปถึงศาลาแล้ว นางจึงทำได้เพียงลอบถอนหายใจอยู่ในใจเงียบๆ
ฉู่โม่หยวนเป็นองค์ชาย เมื่อเห็นเรื่องแบบนี้และเข้าไปจัดการก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว นางไม่มีทางเกลี้ยกล่อมได้จริงๆ
แต่ในสถานการณ์อย่างตอนนี้ นางกลัวว่าจะหลบไม่พ้น
ตอนนี้ทำได้แค่ภาวนา ขอให้ที่ศาลาไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีเกิดขึ้นก็พอ
ทันทีที่ฉู่โม่หยวนเข้าไปใกล้ศาลา เขาก็ได้ยินเสียงพึมพำที่ทำให้คนได้ยินต้องหน้าแดง ทั้งยังมีเสียงหายใจหนักๆ ของบุรุษผสมอยู่ด้วย
“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย ท่าน...”
เสียงที่หวานหยาดเยิ้มของสตรีทำให้สีหน้าของฉู่โม่หยวนเปลี่ยนเป็นอึมครึม เขาแหวกผ้าม่านออกและเห็นว่าไท่จื่อฉู่จิ่นจ้านกำลังกอดผู้หญิงคนหนึ่งอยู่จริงๆ และเขาก็กำลังขยับเข้าไปใกล้ลำคอของสตรีผู้นั้นเพื่อจูบนาง
ฉู่โม่หยวนชะงักงัน ทันใดนั้นแววตาก็ควบแน่นกลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง จากนั้นจึงก้าวยาวๆ เข้าไปคว้าข้อมือของฉู่จิ่นจ้านทันที
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นฉู่โม่หยวนปรากฏตัวขึ้นมา นางก็ใจหายและอุทานขึ้นมาทันที
แต่ในชั่วพริบตานั้น ฉู่โม่หยวนก็ตั้งฝ่ามือและฟาดลงไปที่ลำคอของผู้หญิงคนนั้นอย่างว่องไว
เสียงอุทานของหญิงสาวผู้นั้นขาดหายไป จากนั้นนางจึงล้มลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง
“เสด็จพี่!” ฉู่โม่หยวนเอ่ยเสียงเย็น สีหน้าของเขามืดมนและเห็นว่าฉู่จิ่นจ้านหน้าแดงอย่างที่คิด แม้แต่แววตาก็พร่ามัว เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ตัวเลยเรื่องที่เขามาปรากฏตัว
ฉู่โม่หยวนนึกโมโหอยู่ในใจ “เสวียนยี ไปเชิญคุณหนูหลินมาที่นี่!”
ฉู่โม่หยวนรู้ดีว่าเสด็จพี่ของเขาเป็นสุภาพอ่อนโยน ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด ต่อให้สนใจผู้หญิงคนไหน เขาก็ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน
พฤติกรรมที่เขาทำในวันนี้จะต้องมีคนวางแผนคิดร้ายเป็นแน่!
เสวียนยีรู้ซึ่งถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ดี เขาตอบรับและรีบไปหาหลินเมิ่งหวันทันที
ภายในศาลา ฉู่โม่หยวนกดฉู่จิ่นจ้านให้นั่งลงบนเก้าอี้ คอยเฝ้ามองสถานการณ์โดยรอบอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ใครคอยซุ่มโจมตี
หน้าอกของฉู่จิ่นจ้านกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงและพยายามดิ้นรนตามสัญชาตญาณ แม้จะมีอาภรณ์ขวางกั้น แต่ฉู่โม่หยวนก็ยังรู้สึกได้ว่าพี่ชายของเขาตัวร้อนมาก
เมื่อเห็นว่าบริเวณโดยรอบเงียบสงัด ฉู่โม่หยวนจึงค่อยคลายใจเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้หลุบตามองคนที่อยู่บนพื้น
กล้าวางยาไท่จื่อ ผู้หญิงคนนี้ช่างอุกอาจยิ่งนัก!
นัยน์ตาที่เย็นเยียบของเขาดูเหมือนจะแช่แข็งคนได้อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อมองอาภรณ์ของสตรีผู้นั้น ลมพายุก็บังเกิดขึ้นมาในใจของฉู่โม่หยวนทันที
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นนาง!
หลังจากฟังคำบอกเล่าของเสวียนยี หลินเมิ่งหวันก็รีบตรงมาที่ศาลา เมื่อเห็นฉู่จิ่นจ้านที่หมดสติ นางก็ไม่สนใจจะถามสิ่งใดเพิ่มเติมและรีบก้าวเข้ามาตรวจสอบที่ข้อมือของฉู่จิ่นจ้านทันที
ผิวที่สัมผัสกับนิ้วของนางนั้นร้อนจัด และเนื่องจากถูกฉู่โม่หยวนกดเอาไว้ หลังมือของฉู่จิ่นจ้านจึงเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเป็นปม และเขาก็ยังดิ้นรนไม่หยุด
“พระองค์ถูกยาเสน่ห์อย่างรุนแรง ถ้าไม่บรรเทาอาการทันที ร่างกายจะเกิดความเสียหายอย่างหนัก พระองค์รีบหาที่เหมาะเถิดเพคะ หม่อมฉันจะฝังเข็มให้พระองค์เอง”
หลินเมิ่งหวันเอ่ยอย่างเร่งร้อน แต่ทันใดนั้นนางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้และก้มลงมองผู้หญิงที่ล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
เมื่อเห็นชุดของผู้หญิงคนนั้น หัวใจของหลินเมิ่งหวันก็จมดิ่ง สีหน้าของนางมืดครึ้มอึมครึมจนแทบจะกลั่นตัวเป็นน้ำหยดลงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก