ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 36

สรุปบท บทที่ 36 ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก

บทที่ 36 ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก – ตอนที่ต้องอ่านของ ภพนี้ตราบภิรมย์รัก

ตอนนี้ของ ภพนี้ตราบภิรมย์รัก โดย ท้อเยาเยา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 36 ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลินเมิ่งหวันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ตอนนี้ก็มืดแล้ว ท่านย่าให้นางไปทำอะไรกัน

หลินเมิ่งหวันกังวลว่าจะมีเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นจึงไม่มีแม้แต่เวลาจะดื่มรังนก จึงขอให้เฝ่ยชุ่ยและเจินจูมาช่วยแต่งหน้าแต่งตัว คลุมชุดคลุมเพื่อไป สวนสน

ก่อนเข้าประตู หลินเมิ่งหวันเห็นว่าในสวนสนมีแสงจากโคมไฟสว่างใส

หลินเมิ่งหวันยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

แต่ทันทีที่นางเข้ามาในห้อง หลินเมิ่งหวันก็พบว่าป้าสะใภ้ใหญ่จางซื่อ และป้าสะใภ้รองสวีซื่อ รวมถึงหลินอวิ้นอี๋และหลินซิงโหรวอยู่ในห้องด้วย

ความอบอุ่นจากโคมไฟแผ่ซ่านไปบนใบหน้าของคนเหล่านี้ หลินเมิ่งหวันพิจารณาดูอย่างเงียบๆ แต่นางกลับไม่เห็นความไม่พอใจใดๆ

มาคิดดูแล้วคืนนี้มาที่นี่ ก็ไม่น่าจะมีเรื่องเลวร้ายอันใด

เมื่อหลินซิงโหรวเห็นหลินเมิ่งหวันเข้า ก็จ้องนางเขม็งแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แสดงสีหน้าเช่นเดียวกันกับสวีซื่อทุกประการ

ไม่ได้รับคำตอบใดจากจางซื่อ ทว่าหลินอวิ้นอี๋กลับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับหลินเมิ่งหวัน

หลินเมิ่งหวันพยักหน้ายิ้มให้หลินอวิ้นอี๋ แล้วก็ทำความเคารพต่อทุกคน

หลินฮูหยินใหญ่กวักมือให้หลินเมิ่งหวันเข้ามาใกล้ๆนาง

หลินฮูหยินใหญ่เงยหน้าขึ้นมองจางซื่อ “เอาล่ะ ทุกคนก็พร้อมหน้ากันแล้ว สะใภ้ใหญ่พูดเถิด”

“เจ้าค่ะ” จางซื่อโค้งตัวแสดงความเคารพหลินฮูหยินใหญ่ หันศีรษะมองทุกคนและกล่าวว่า “ข้าเรียกทุกคนมาคืนนี้ เพราะเย็นนี้ได้รับคำเชิญจากแม่นางอู๋”

“แม่นางอู๋จะจัดงานแข่งขันโปโลในอีกสามวัน เชิญคุณหนูทุกคนในจวนของเราเข้าร่วม”

ทันทีที่นางพูดจบ สวีซื่อก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “งานแข่งขันโปโลของแม่นางอู๋งั้นหรือ เช่นนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องไปนะสิ!”

แม่นางอู๋เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของหย่งยี่โหว แต่ไหนแต่ไรก็ชอบเรื่องรื่นเริง

นางชอบช่วยผูกด้ายแดงให้คู่รัก ดังนั้นจึงมักจัดงานจำพวกงานชมดอกไม้บ้างหรืองานแข่งขันโปโล และเชิญคุณหนูคุณชายจากสกุลใหญ่ไปเข้าร่วมด้วย

ระหว่างงานรื่นเริงคนหนุ่มสาว ก็จะสนิทสนมกัน

และที่งานเลี้ยงของแม่นางอู๋ก็เกิดบุพเพสันนิวาสมาหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นผู้คนในเมืองหลวงจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง

บัดนี้หลินซิงโหรวบุตรสาวของสวีซื่อก็ควรแต่งงานแล้ว เช่นนั้นนางจึงยินดีที่จะเข้าร่วมงาม

เพียงแต่ จางซื่อกล่าวอย่างเย็นชาว่า “การได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานแข่งขันโปโลของแม่นางอู๋ย่อมถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ข่าวลือภายนอกไม่สู้ดีนัก”

ขณะที่นางพูด เหลือบไปหลินเมิ่งหวันแววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

สวีซื่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันคิดถึงเรื่องที่หลินเมิ่งหวันไปหอจุ้ยหง สีหน้าก็ซีดลง

สวีซื่อตอบด้วยความคับแค้นใจ “จริงดั่งว่าปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้องจริงๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนบุตรสาวที่จวนหลินได้รับเชิญไปเข้าร่วมงานแข่งขันโปโล แน่นอนว่าย่อมไปได้อย่างสบายใจ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้หากบุตรสาวจวนหลินจะไป ก็เกรงว่าจะถูกคนถุยน้ำลายจนตาย”

“ถูกต้อง!” หลินซิงโหรว จ้องไปที่หลินเมิ่งหวันด้วยความโกรธ

หลินฮูหยินใหญ่สีหน้าไม่พอใจ ตบโต๊ะอย่างแรงหนึ่งที

ทั้งสองปิดปากเงียบลงในทันที แต่หลินเมิ่งหวันกลับยิ้มอย่างงดงาม ยกมือของหลินฮูหยินใหญ่และตบเบา ๆ

“ท่านย่า ปาลงไปเช่นนี้ไม่เจ็บหรือเจ้าคะ มือท่านย่าเจ็บ ใจข้าก็รู้สึกแย่นะเจ้าคะ”

หลินเมิ่งหวันยิ้มอย่างน่ารักและเป่าไปยังมือของ หลินฮูหยินใหญ่ราวกับว่าช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของนาง

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินซิงโหรว กลอกตาอย่างฉับพลันและพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าก็รู้วิธีประจบท่านย่า”

“ท่านย่า ท่านปกป้องนางไม่ได้อีกแล้ว นางไร้ยางอายเช่นนี้ จะทำให้จวนหลินขายหน้าได้”

เรื่องที่หอจุ้ยหงนางรู้สึกผิดอยู่บ้าง ดังนั้นในวันนี้จึงอยากจะขอโทษอย่างจริงใจ

แต่ความรู้สึกผิดของหลินเมิ่งหวัน นั้นจำกัดอยู่ที่หลินอวิ้นอี๋

ป้าสะใภ้รองคนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่อี๋เหนียงและหลินเป้ยเหยาสักเท่าใด

จิตใจของสองแม่ลูกสวีซื่อและหลินซิงโหรวหวังเพียงเข้าหาผู้มีอำนาจ

ทุกครั้งที่เข้าร่วมงานเลี้ยง หลินซิงโหรว มักจะทำทุกวิถีทางเพื่อไปเดินวนใกล้ที่นั่งของชายหนุ่ม เมื่อเห็นบุตรชายของพวกที่มียศระดับสูงเหล่านั้น หลินซิงโหรว แทบรอไม่ไหวที่จะพุ่งเข้าไปหา

นอกจากนี้ ในความทรงจำชาติก่อนของหลินเมิ่งหวัน หลินซิงโหรวยังพยายามวางแผนอย่างบ้าระห่ำในการวางยาฉู่โม่หยวน เพื่อที่นางจะได้ขึ้นเตียงของฉู่โม่หยวน!

ตอนนี้ สวีซื่อกล่าวหาว่านางไปหอจุ้ยหงโดยไม่สนใจชื่อเสียงของเหล่าพี่น้องตระกูลหลิน

เมื่อหลินซิงโหรววางยาฉู่โม่หยวน ต้องการให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก นั่นเคยคำนึงถึงชื่อเสียงของคนอื่นบ้างหรือไม่นะ

ทำไมนางต้องเกรงใจกับคนที่ผ่อนปรนกับตัวเอง และเข้มงวดกับคนอื่นด้วย

หลินเมิ่งหวันเม้มริมฝีปากและพูดว่า “ป้าสะใภ้รองใส่ความข้าแล้ว จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยตรัสแล้วแท้ๆ ว่าเช้าวันพรุ่งนี้เหลียงซื่อหลางจะสารภาพกับฮ๋องเต้ เมื่อถึงตอนนั้นข่าวลือกระจายออกไปหักล้างข้อกล่าวหาเอง เหตุใดมากล่าวว่าข้าไม่สนใจกันเล่า”

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้พบกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยที่หอจุ้ยหงก็ไม่เคยแพร่เรื่องนี้ให้เป็นที่เอิกเกริก จวบจนบัดนี้ป้าสะใภ้รองยังต้องหาคนมารับผิด มิใช่ควรหาคนที่เผยแพร่เรื่องนี้หรอกหรือ”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หลินเมิ่งหวันรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

ในเมื่อจิงจ้าวอิ่งพบกับฉู่โม่หยวน ก็ไม่ควรกระจายเรื่องนี้ออกไปถึงจะถูก

เมื่อตอนเช้าตรู่แม้ว่าเหลียงซื่อหลางจะกล่าวโทษนาง แต่ขุนนางผู้ใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่ถึงกับพูดเหลวไหล

แต่ดูจากสถานการณ์ในวันนี้ นึกไม่ถึงว่าเหล่าชาวบ้านต่างกำลังถกเถียงถึงเรื่องนี้อยู่

หลินเมิ่งหวันสามารถมั่นใจได้ว่า เรื่องนี้ต้องมีใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก