ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 82

น้ำเสียงของฉู่โม่หยวนสงบมาก แต่ความเยียบเย็นที่แผ่ออกมาจากคำพูดเหล่านั้นกลับเป็นเหมือนคมน้ำแข็งที่ทิ่มเข้ามากลางอกของหลินซ่างซู ทำให้เขาหนาวยะเยือกไปทั้งตัว

ภายใต้สายตาที่คมกริบของฉู่โม่หยวน หลินซ่างซูรู้สึกชาไปทั่วหนังศีรษะและตอบโต้อะไรไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว

ปากของหลินเมิ่งหวันเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดจางๆ อาการชาที่แก้มเริ่มหายไปและเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ชัดเจน

นางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มข้างที่เจ็บโดยไม่รู้ตัว มุมปากโค้งขึ้นมาราวกับยิ้มเยาะตัวเอง

หลังจากเกิดใหม่ นางถูกตบตีบ่อยยิ่งกว่าในชาติที่แล้ว

ดูเหมือนนางจะทุกข์ทรมานมามากตอนที่ถูกขังในคุกใต้ดินเมื่อชาติก่อน มันจึงทำให้นางรู้ไส้ใครบางคน

อย่างเช่น... หลินซ่างซูผู้เป็นบิดาของนาง

หลินเมิ่งหวันยิ้มเยาะตัวเอง หลังจากวันนี้ความหวังลมๆ แล้งๆ ภายในใจนางคงจะหมดลงไปเสียที

ให้ดีกับบิดาน่ะหรือ

เหอะๆ ช่างมันเถอะ

หลินเมิ่งหวันหยุดความคิดของตนเอง นางมองฉู่โม่หยวนและถามว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย พระองค์ตรวจสอบเรื่องที่หลี่จิ่นซูบอกแล้วหรือเพคะ”

ฉู่โม่หยวนกล่าวว่า “ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ในไม่ช้าคงรู้ข่าว ข้าจะพาเจ้าไปทายาก่อน”

หลินเมิ่งหวันพยักหน้าและขอให้ฉู่โม่หยวนกลับไปที่สวนแสงอรุณกับนาง ไม่สนใจหลินซ่างซูและทำราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์ล่องหนโดยสมบูรณ์

หลินเมิ่งหวันมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังมีสมุนไพรดีๆ ที่จวนฉินหามาให้ ดังนั้นนางจึงย่อมมียาชั้นดีอยู่ในมือ

ไม่นานหลังจากทายาสีเขียวเขียวอ่อนลงไปบนรอย ความรู้สึกเย็นก็แผ่เข้ามา และรอยฝ่ามือก็จางลงไปมาก

หลินเมิ่งหวันทาชาดแต่งหน้าปกปิดเพิ่ม ทั้งยังเปลี่ยนเสื้อผ้าและหวีผมใหม่ จากนั้นจึงออกไปพบฉู่โม่หยวนที่โถงด้านหน้าของสวนแสงอรุณ

ฉู่โม่หยวนนั่งอยู่ที่โต๊ะและกำลังพลิกฎีกาอ่าน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของหลินเมิ่งหวันเขาจึงเงยหน้าขึ้นมา

เวลานี้หลินเมิ่งหวันสวมชุดกระโปรงสีแดงอมชมพู ที่ชายกระโปรงปักลายดอกไห่ถังดอกใหญ่เอาไว้ เนื้อผ้าโปร่งเบาหวิวไหวเมื่อก้าวเดิน ดูราวกับกลีบดอกไม้ที่ต้องลมและส่งกลิ่นหอมเย็นออกมา

เส้นผมสีดำของนางถูกรวบขึ้นเป็นมวยคู่ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นสีทองเส้นบาง บนลำคอระหงสวมสร้อยคอซึ่งประดับไปด้วยไข่มุกและพลอยสีชมพู เข้าคู่กับต่างหูสีชมพูที่สวมไว้คู่กัน

อาจเป็นเพราะต้องการปกปิดรอยฝ่ามือบนใบหน้า หลินเมิ่งหวันจึงทาชาดแต่งหน้าเพิ่มเล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าเป็นมันดูดีมาก

รูปลักษณ์ของนางตอนนี้แตกต่างจากรูปลักษณ์ที่น่าสงสารก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน

เมื่อเห็นฎีกาในมือของฉู่โม่หยวน หลินเมิ่งหวันจึงถามว่า “รู้ผลแล้วหรือเพคะ”

ฉู่โม่หยวนระงับความตกตะลึงในแววตา จากนั้นจึงพยักหน้าให้หลินเมิ่งหวัน “คนที่ข้าส่งไปพบพยานวัตถุที่หลี่จิ่นซูกล่าวถึง และสำนักตรวจการก็เปรียบเทียบลายมือแล้ว เนื้อหาที่อยู่ในตำราแพทย์เหล่านั้นเป็นลายมือของหลี่อี๋เหนียงจริงๆ”

หลินเมิ่งหวันตื่นเต้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่ฉู่โม่หยวนกลับดับความตื่นเต้นของนางทันที “สิ่งเหล่านี้อาจพิสูจน์ได้ว่าหลี่อี๋เหนียงเคยอ่านตำราแพทย์ แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่านางรู้ทักษะทางการแพทย์ ทั้งยังพิสูจน์ไม่ได้ว่านางเป็นคนวางยาพิษฮูหยินใหญ่”

“พระองค์ไต่สวนนางแล้วหรือเพคะ นางไม่ยอมรับเลยหรือ” หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วมองฉู่โม่หยวน เขาพูดออกมาแบบนี้ได้ แสดงว่าหลี่อี๋เหนียงคงจะไม่ยอมสารภาพ

ฉู่โม่หยวนพยักหน้า “ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ได้ทำจริงๆ นางก็คงปากแข็งมาก ต้องใช้การลงโทษสถานหนัก”

ฉู่โม่หยวนไต่สวนหลี่อี๋เหนียงแล้ว แต่หลี่อี๋เหนียงยังยืนกราน บอกว่าตัวเองไม่รู้อะไรทั้งนั้นเรื่องการวางยาพิษหลินฮูหยินใหญ่

เนื่องจากฐานะของหลี่อี๋เหนียง ฉู่โม่หยวนจึงไม่ได้ลงโทษนางสถานหนัก ซึ่งนั่นไม่ใช่เพราะเขากังวลว่าหลี่เฉิงเซี่ยงจะทำอะไร แต่เพราะหลี่อี๋เหนียงเป็นแม่เลี้ยงของหลินเมิ่งหวัน หากเขาลงโทษหลี่อี๋เหนียงสถานหนักเพื่อเค้นให้นางสารภาพหรือว่าตัดสินความผิดนาง ไม่ว่าแบบไหนก็ไม่ดีกับหลินเมิ่งหวันทั้งนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก