หลินเมิ่งหวันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทันใดนั้นแก้มของนางก็แดงก่ำ
ที่นี่คือเรือนของนาง นอกจากนี้ยังไม่ได้ปิดประตูอีกด้วย!
ฉู่โม่หยวนจูบนางแบบนี้ ถ้าคนอื่นเห็นขึ้นมา นางไม่อยากจะคิดถึงเชื่อเสียงของนางเลย
แน่นอนว่าฉู่โม่หยวนย่อมรู้เรื่องนี้ดี ทว่าเวลานี้หลินเมิ่งหวันเป็นฝ่าย ‘ยั่ว’ เขาก่อน แล้วเขาจะปล่อยนางไปได้อย่างไร
เฟ่ยซุ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าแดงทันที นางรีบก้มหน้าถอยออกไปจากห้อง ทั้งยังปิดประตูลงอย่างระมัดระวัง
จูบนี้ทั้งอบอุ่นและยาวนาน ราวกับว่าฉู่โม่หยวนคิดจะระบายความรู้สึกที่อัดแน่นทั้งหมดด้วยการจูบครั้งนี้
จนกระทั่ง...
“พวกเจ้าปล่อยให้ข้าเข้าไปนะ ปล่อยข้า... จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ นี่มันผิดแล้ว ท่านแม่ของข้าไม่ได้ทำผิด! จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดไตร่ตรองด้วยเพคะ!”
“ปล่อยให้ข้าเข้าไป! น้องเมิ่งหวัน ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่ข้างใน ให้ข้าเข้าไปนะ...”
เสียงตะโกนอย่างเร่งร้อนดังมาจากข้างนอก หลินเป้ยเหยารู้ว่าฉู่โม่หยวนมาที่สวนแสงอรุณ ดังนั้นนางจึงมาร้องทุกข์
ฉู่โม่หยวนปล่อยหลินเมิ่งหวันด้วยสีหน้าที่มืดมน หลินเมิ่งหวันเอามือปิดหน้าตัวเองขณะ ‘ผละ’ ออกจากอ้อมกอดของฉู่โม่หยวน นางรู้สึกแค่ว่าตอนนี้ใบหน้าของตนเองร้อนเห่อราวกับกำลังถูกเผา
นางไม่กล้ามองหน้าฉู่โม่หยวนและรีบหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องทันที
จนกระทั่งมานั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หน้าอกของหลินเมิ่งหวันก็ยังกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ราวกับมีกระต่ายตัวน้อยแอบซ่อนอยู่ในช่องอกของนางและอยากจะกระโดดออกมาทางปาก
เมื่อครู่นางรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังถูกฉู่โม่หยวนกลืนกินเข้าไปจริงๆ
ถ้าหากนางกับเขาแต่งงานกันแล้ว เกรงว่า... คงไม่ยอมหยุดง่ายๆ แบบนี้กระมัง?
เมื่อตระหนักได้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ แก้มของหลินเมิ่งหวันก็ยิ่งร้อนผ่าวขึ้นมาอีก นางรีบโยนความคิดที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กออกจากหัว ทว่าในมือกลับบิดผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น รู้สึกเขินจนเงยหน้าไม่ขึ้น
เสียงตะโกนที่ด้านนอกเบาลง จากนั้นเฟ่ยซุ่ยจึงเปิดประตูเข้ามา
นางน้อมกายคำนับหลินเมิ่งหวันและบอกหลินเมิ่งหวันว่าจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเสด็จกลับไปแล้ว ส่วนหลินเป้ยเหยาอยู่ที่นอกสวนแสงอรุณ เพราะนางเข้ามารบกวนจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ดังนั้นจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจึงสั่งลงโทษให้คุกเข่าอยู่ในสวนดอกไม้สามชั่วยาม
เวลานี้จวนจะเที่ยงวันแล้ว เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นไปอยู่กลางศีรษะ ภายในสวนก็จะไม่มีสิ่งใดบดบังแสงแดด หากต้องคุกเข่าสามชั่วยาม ผิวของหลินเป้ยเหยาคงจะตากแดดจนหลุดลอกเป็นแน่
การลงโทษของฉู่โม่หยวนนั้นนับว่า ‘โหดร้ายมากพอ’ จริงๆ
หลินเมิ่งหวันพยักหน้ารับรู้ อารมณ์ของนางเริ่มสงบขึ้นมาก
นางจัดแจงรูปลักษณ์ตัวเองอยู่หน้ากระจกครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น บอกว่า “ไปสวนสนกันเถอะ วันนี้ยังไม่ได้คอยอยู่เป็นเพื่อนท่านย่าเลย อีกเดี๋ยวถ้าท่านย่าตื่น ข้าจะได้กินอาหารพร้อมกับท่าน”
ณ สวนสน กลิ่นหอมของยายังคงอบอวลอยู่จางๆ
หลินฮูหยินใหญ่ตื่นแล้ว พอหลินเมิ่งหวันเดินเข้ามาจึงเห็นว่าจางซื่อกำลังคอยดูแลอยู่ข้างๆ หลินฮูหยินใหญ่ ในขณะที่กู่เยว่หานกำลังฝังเข็มให้นาง
นางก้าวเข้าไปทำความเคารพ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฮูหยินใหญ่ดีขึ้นกว่าเดิมและท่าทางก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา หลินเมิ่งหวันจึงค่อยโล่งใจมากขึ้น
หลินฮูหยินใหญ่มองหลินเมิ่งหวัน จากนั้นจึงยิ้มและยื่นมือออกมาหา
“เด็กดี ย่ารู้หมดแล้วที่เจ้าลำบากยืนหยัดเพื่อย่า”
กู่เยว่หานเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางถูกวางยาพิษให้นางฟัง พอรู้ว่าหลินเมิ่งหวันพยายามจะเรียกร้องความยุติธรรมให้นาง ไม่ลังเลที่จะขัดแย้งกับหลินซ่างซู หลินฮูหยินใหญ่ก็ทั้งชื่นใจและสงสาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก