ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 86

สรุปบท บทที่ 86 หลินเมิ่งหวันเป็นคนชั่ว: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก

บทที่ 86 หลินเมิ่งหวันเป็นคนชั่ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ภพนี้ตราบภิรมย์รัก

ตอนนี้ของ ภพนี้ตราบภิรมย์รัก โดย ท้อเยาเยา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 86 หลินเมิ่งหวันเป็นคนชั่ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลินเป้ยเหยาสั่นสะท้านทั้งตัว ความเยือกเย็นภายในใจพรั่งพรูออกมา จากนั้นอุทานแล้วเบนสายตาไป

นางสีหน้าซีดเผือดกล่าวขึ้นทันทีว่า“นั่นคืออะไรหรือ? รีบ…..รีบเอานางออกไป!”

ป้านเซี่ยรีบรุดหน้าเข้าตรวจสอบ เมื่อเห็นใบหน้าของคนคนนั้นชัดเจนแล้ว จึงกล่าวด้วยความตื่นตะลึงว่า“คุณหนูใหญ่ คืออี๋เหนียงเจ้าค่ะ!”

รูม่านตาของหลินเป้ยเหยาหดเล็กลง และไม่สนใจขาทั้งสองข้างของตนเองที่เจ็บอยู่ รีบเดินโซซัดโซเซไปด้านหน้า เป็นอย่างนั้นจริง คนที่เนื้อตัวอาบไปด้วยเลือดคือหลี่อี๋เหนียงจริงๆ

“ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เหตุใดท่าน…..เหตุใดท่านถึงเป็นเช่นนี้? จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทำอะไรท่านหรือเจ้าคะ?”

หลินเป้ยเหยาถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง น้ำตาไหลพรากหลั่งไปเป็นสายลงมา

หลี่อี๋เหนียงสะลึมสะลือ เจ็บปวดรวดร้าวทั้งตัว นางลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก เมื่อเห็นหลินเป้ยเหยาใบหน้าเคล้าด้วยน้ำตา น้ำตาไหลรินพูดอะไรออกมาไม่ได้เลย

ฉู่โม่หยวนไม่ได้ใช้“บทลงโทษหนักๆ”กับนาง แต่สำนักตรวจการสถานที่แห่งนั้น เพียงแค่เข้าไปไม่ตายก็ต้องหนักถลกถลอกกันเลย

“บทลงโทษเบาๆ”เหล่านั้น มันทำให้หลี่อี๋เหนียงหมดอาลัยตายอยากเพียงพอแล้ว

โชคดีที่หลี่อี๋เหนียงยืนยันหนักแน่นไม่ยอมรับว่าตัวเองทำร้ายหลินฮูหยินใหญ่ ถึงได้มีชีวิตรอดกลับมา

หลินเป้ยเหยารีบสั่งให้สาวใช้ยกหลี่อี๋เหนียงเข้าไปในห้อง อีกทั้งได้สั่งคนไปเชื้อเชิญหมอมาดูอาการของหลี่อี๋เหนียงด้วย

แต่หมอไม่มา ทว่าหลินเป้ยเหยากลับเห็นหลินเมิ่งหวันมา

พระอาทิตย์กำลังตกทางทิศตะวันตก ภายในห้องยังไม่แสงไฟทอประกาย ความมืดสลัวทำให้คนหดหู่ใจ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบอบอวลทำให้คนหายใจไม่ออก

หลินเมิ่งหวันนึกถึงวันนั้นที่ตัวเองถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินอย่างไม่รู้ตัว ตอนนั้นนางไม่พบเจอแสงสว่าง ทั้งวันมีรอยบาดแผลไม่ขาดสาย

หลินเมิ่งหวันกำหมัดแน่น นัยน์ตาสุกสกาวเปล่งประกายความเกลียดชังอย่างรุนแรง

เมื่อหลินเป้ยเหยาเห็นหลินเมิ่งหวัน นางเกร็งทั้งตัว

“เจ้ามาทำอะไร?”นางมองหลินเมิ่งหวันอย่างระแวดระวัง ดวงตาบวมเป่งคู่นั้นเปล่งประกายปิดบังความเกลียดชังไว้ไม่มิดเลย

หลินเมิ่งหวันเก็บกดอารมณ์ของตัวเองไว้ ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ได้ยินว่าหลี่อี๋เหนียงได้รับบาดเจ็บ ข้าเลยแวะมาดู”

“ไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นคนดี!”หลินเป้ยเหยากล่าวตะคอกออกมา“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ท่านแม่ของข้าจะได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร? ตอนนี้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยปล่อยท่านแม่ข้ากลับมา นั่นก็แสดงว่าท่านแม่ของข้าไร้ซึ่งความผิด รอท่านพ่อกลับมา ข้าจะต้องทำให้เจ้ามาคุกเข่าขอโทษอยู่ต่อหน้าท่านแม่อย่างแน่นอน!”

หลินเมิ่งหวันมองหลินเป้ยเหยาด้วยความขบขัน กล่าวว่า“ขอโทษหรือ?เกรงว่าท่านน่าจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้ข้างนอกพูดถึงพวกท่านสองแม่ลูกว่าอย่างไรสินะ?”

หลินเป้ยเหยาชะงักงัน หลินเมิ่งหวันหันไปมองเฝ่ยชุ่ย แล้วกล่าวว่า“เฝ่ยชุ่ย เอาคำพูดของคนข้างนอกบอกแก่คุณหนูใหญ่เสีย”

“เจ้าค่ะ”เฝ่ยชุ่ยตอบรับ

นางสาวเท้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าวมองหลินเป้ยเหยา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“คุณหนูใหญ่ฟังให้ดีนะเจ้าคะ ตอนนี้ข้างนอกล้วนแพร่สะพัดกันแล้ว ว่าเครื่องเทศและยาบำรุงที่หลี่อี๋เหนียงมอบแก่หลินฮูหยินใหญ่นั้นกลายเป็นพิษ ทำให้ฮูหยินใหญ่ได้รับความทุกข์ตรมอย่างหนัก แต่ฮูหยินใหญ่นึกถึงการแต่งงานของคุณหนูอวิ้นอี๋ที่จะเกิดขึ้นอยู่รอมร่อ จึงไม่ยอมให้บนจวนมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเวลานี้ นี่ถึงได้ใจกว้างบอกว่าหลี่อี๋เหนียงเลินเล่อไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เอาผิดหลี่อี๋เหนียงเจ้าค่ะ”

“แต่สิ่งของเหล่านั้นที่สำนักตรวจการค้นออกมาจากจวนเฉิงเซี่ยงนั้น คิดไม่ถึงว่าก่อนหลี่อี๋เหนียงจะแต่งงานออกเรือนได้เคยศึกษาเกี่ยวกับทางการแพทย์และยาพิษ อีกทั้งคนของสำนักตรวจการไปตรวจสอบ เป็นเพราะคนของจวนหลี่อดไม่ได้ที่เห็นฮูหยินใหญ่ทุกข์ตรม ภายในใจเกิดความสงสัย ถึงได้ไปหาจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพื่อกล่าวโทษหลี่อี๋เหนียง”

เฝ่ยชุ่ยมองหลินเป้ยเหยาด้วยความเย้ยหยัน กล่าวว่า“คุณหนูใหญ่ ดูอย่างนี้แล้ว จวนหลี่ก็มีคนซื่อตรงกล้าทำกล้ารับนะเจ้าคะ”

หลินเป้ยเหยาใจสั่นสะท้าน มองเฝ่ยชุ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ คนทั้งคนมึนงง กล่าวว่า“เจ้าพูดจาเลอะเทอะอะไร? ท่านแม่ของข้าจะความชำนาญทางการแพทย์ได้อย่างไร? เจ้าอย่ามาพูดจาเลอะเทอะ!จวนหลี่จะมีคนแจ้งความกล่าวโทษนางได้อย่างไร?”

“หลินเมิ่งหวัน เจ้าปั้นเรื่องขึ้นมาใช่หรือไม่? เจ้ามาใส่ร้ายป้ายสีท่านแม่ข้าไม่ได้นะ! ไม่มีคนเชื่อคำพูดเหล่านี้ของเจ้าหรอก!”

นางมองหลินเมิ่งหวันด้วยความเดือดดาล ภายในกระสับกระส่ายอย่างมาก

หลินซ่างซูขมวดคิ้วมองหลินเมิ่งหวัน ทว่าหลินเป้ยเหยาที่น้ำตาไหลรินกลับสะอื้นไห้ กล่าวว่า“เจ้าไม่ได้จิตใจดีขนาดนั้นหรอก!”

หลินเมิ่งหวันยิ้มเย็นกล่าวว่า “ใช่ ข้าไม่ได้จิตใจดีขนาดนั้น ในเมื่อพวกท่านรู้สึกว่าข้าเป็นคนชั่ว มิสู้ข้าไปคนชั่วเลยดีกว่านะ”

ในอ้อมแขนของนางมีขวดเซรามิค นางโค้งเอวบีบปากของหลี่อี๋เหนียงทันที

“เจ้าจะทำอะไร?”

“หยุด!”

หลินเป้ยเหยากับหลินซ่างซูอุทานขึ้น

หลินเมิ่งหวันหัวเราะอย่างเยือกเย็นกล่าวขึ้นว่า“เฉินเซียง ขวางพวกเขาไว้”

“เจ้าค่ะ!”เฉินเซียงคล่องแคล่วว่องไว ตัวแฉลบมาอยู่ด้านหน้า แล้วจับแขนของหลินซ่างซูกับหลินเป้ยเหยาไว้แน่น

เจินจูกับเฝ่ยชุ่ยรีบกางมือสองข้างออก ขวางอยู่ด้านหน้าตัวหลินเมิ่งหวัน

แม้ว่าเฉินเซียงจะดูรูปร่างเล็ก แต่มือสองข้างของนางแข็งแรงราวกับเหล็ก คิดไม่ถึงว่าจะทำให้หลินซ่างซูกับหลินเป้ยเหยาดิ้นไม่หลุด

หลินซ่างซูสีหน้าถมึงทึง กล่าวว่า“ต่อต้าน! ต่อต้านหมดแล้ว! ข้าจะต้องเอาพวกเจ้าบ่าวไพร่กลับกลอกเหล่านี้ขายออกไป!”

“เจ้าหยุดนะ ! เจ้าจะให้ท่านแม่ของข้ากินอะไร? เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”หลินเป้ยเหยาพยายามดินรนขัดขืน ร้องไห้ตะโกนด้วยความร้อนใจ

แต่ไม่ว่าหลินซ่างซูกับหลินเป้ยเหยาจะร้องตะโกนโหวกเหวกอย่างไร พวกเขาสองคนล้วนทำได้เพียงมองหลินเมิ่งหวันเอายาในขวดเซรามิคบีบบังคับป้อนเข้าไปในปากหลี่อี๋เหนียง

หลินเมิ่งหวันหันมามองหลินซ่างซู กล่าวอย่างเย็นชาว่า“หรือว่าท่านพ่อลืมแล้ว สัญญาขายตัวของเจินจูกับเฝ่ยชุ่ยอยู่ในมือท่านตา ส่วนเฉินเซียงเป็นคนของจิ่นอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่านพ่ออยากขายทั้งสามคนนี้ เกรงว่าจะไม่ได้เจ้าค่ะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก