หลินเมิ่งหวันชะงักอึ้ง ใบหน้าร้อนผ่าว ขมวดคิ้วมองฉู่โม่หยวนด้วยความสงสัย
นี่เขาเป็นบ้าอะไร? หรือเขาไม่รู้หรือว่าฉีเยี่ยนยังอยู่ที่นี่? !
หลินเมิ่งหวันหน้าแดงบวกกับสายตา“ตักเตือน”ที่เพิ่มความแข็งแกร่งมองฉู่โม่หยวน แต่ฉู่โม่หยวนเห็นการต่อต้านของหลินเมิ่งหวัน สีหน้าก็อึมครึมลงเล็กน้อย
เขาปล่อยมือของหลินเมิ่งหวัน หลินเมิ่งหวันยังไม่ทันโล่งอกเลย คิดไม่ถึงว่าฉู่โม่หยวนจะยืนมือมาคว้าโอบรัดนางเข้าสู่อ้อมกอด
ทันใดนั้น หลินเมิ่งหวันก็รู้สึกว่าเลือดลมปราณของตัวเองไหลทะยานอยู่สมอง ไม่นานใบหน้าก็ร้อนผ่าว
ฉู่โม่หยวนคิดจะทำอะไรกันแน่? !
ฉีเยี่ยนเก็บรายละเอียดท่าทางของพวกเขาสองคนไว้ในสายตา รอยยิ้มยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้น
“ไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดี”
เขาราวกับว่าไม่ได้รู้สึกว่าท่าทางของหลินเมิ่งหวันกับฉู่โม่หยวนมีความผิดปกติอะไร เพียงแค่มองหลินเมิ่งหวันแล้วกล่าวอย่างราบเรียบว่า“คุณหนูหลิน วันนี้ฉีเยี่ยนมา นอกจากจะมาขอบคุณคุณหนูหลินแล้ว ยังอยากมาเยี่ยมเยียนหลินฮูหยินใหญ่ด้วย”
“ได้ยินว่าจู่ๆหลินฮูหยินใหญ่ก็ล้มป่วย ฉีเยี่ยนเป็นห่วง ไม่ทราบว่าตอนนี้ฉีเยี่ยนไปเยี่ยมหลินฮูหยินใหญ่จะสะดวกหรือไม่?”
“สะดวกเพคะ……เฝ่ยชุ่ย เจ้าพาเซียงอ๋องซื่อจื่อไปหน่อย”
หลินเมิ่งหวันแทบอยากให้ฉีเยี่ยนรีบไป นางสั่งเฝ่ยชุ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ และไม่กล้ามองสีหน้าท่าทางของฉีเยี่ยนด้วย
“ได้ เช่นนั้นฉีเยี่ยนไปเยี่ยมเยียนหลินฮูหยินใหญ่แล้ว ไม่รบกวนท่านทั้งสองแล้วล่ะ”
ฉีเยี่ยนยิ้มกล่าวออกมา จงใจเน้นคำว่า”รบกวน”สองคำนี้ เขาเหลือบมองฉู่โม่หยวนด้วยสายตาลึกลับ แล้วเดินตามเฝ่ยชุ่ยออกไป
หลินเมิ่งหวันใจเต้นระรัว ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับไฟสุม
เมื่อเห็นฉีเยี่ยนออกไปแล้ว นางจึงกล่าวถามขึ้นว่า“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่าน……อะ…..”
คำถามที่หลินเมิ่งหวันถามออกไปแปรเปลี่ยนกลายเป็นคำอุทาน คิดไม่ถึงว่าจู่ๆฉู่โม่หยวนจะออกแรงอุ้มนางขึ้น ให้นางมานั่งอยู่บนขาของตัวเอง
ภาวะไร้น้ำหนักตัวเบาหวิวอยู่ในอากาศแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้นางยื่นมือมาโอบรอบคอของฉู่โม่หยวน รอทรงตัวได้แล้ว ถึงได้สัมผัสได้ถึงท่าทางที่คลุมเครือของตัวเองกับฉู่โม่หยวน หลินเมิ่งหวันเงยหน้าขึ้นด้วยความไม่พอใจทันที
แต่เมื่อสบตาเข้ากับดวงตาร้อนผ่าวระอุ
ใจที่เต้นระรัวของหลินเมิ่งหวันหล่นวูบทันที ภายใต้สายตาของฉู่โม่หยวน คิดไม่ถึงว่านางจะกดอาการเกร็งตื่นตะลึงนี้ไว้ไม่ได้ คำถามมากมายในหัวใจตะกุกตะกักอยู่ในลำคอ
“ห้ามเจอกันกับฉีเยี่ยนตามลำพัง”ฉู่โม่หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึม สีหน้าไม่พอใจ
คิดไม่ถึงว่าฉีเยี่ยนจะกล้าพูดเรื่องเมื่อวัยเยาว์ต่อหน้าเขา?
แม้หลินเมิ่งหวันจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นแล้ว แต่ฉู่โม่หยวนจำได้อย่างแม่นยำ!
ฉู่โม่หยวนมั่นใจ ว่าฉีเยี่ยนจงใจ!
กล้าดึงความสนใจจากหลินเมิ่งหวัน เขาว่าฉีเยี่ยนเบื่อใช้ชีวิตแล้ว!
หลินเมิ่งหวันชะงักงัน “เพราะเหตุใด ? อือ…..”
คำถามยังไม่ได้รับการตอบกลับ ฉู่โม่หยวนก็ก้มศีรษะมาประทับจูบริมฝีปากบางนุ่มของนางแล้ว
เจินจูหน้าแดงก่ำหูแดงก่ำมองฉู่โม่หยวนกับหลินเมิ่งหวัน นางร้อนรนใจ อยากจะเข้าไปขัดขวาง
แม้ว่าฉู่โม่หยวนกับหลินเมิ่งหวันจะมีการหมั้นหมายกัน แต่พวกเขาสองคนยังไม่ได้อภิเษกสมรสกัน จะโอบกอดกันอย่างนี้ได้อย่างไร?
แต่ไม่รอให้เจินจูเอ่ยปาก เฉินเซียงก็ได้ใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนนางไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งปิดปากนาง แล้วลากออกไปด้านนอก
เสวียนยีให้ความร่วมมืออยู่เงียบ ไม่เพียงแต่เดินตามพวกเฉินเซียงออกไป เขายัง”เอาใจใส่”โดยการปิดประตูให้ด้วย ราวกับว่าเป็น“คนเฝ้าประตู”ที่ควบคุมดูแลปกป้องประตูอยู่
ภายในห้อง บรรยากาศคลุมเครือปะทุขึ้นมา
หลินเมิ่งหวันอับอาย กระสับกระส่าย คว้าชุดของฉู่โม่หยวนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว คิดไม่ถึงว่าจะลืมการต่อต้าน
จูบสัมผัสนี้รุนแรงเอาแต่ใจและยาวนาน จนถึงตอนหลินเมิ่งหวันจะขาดอากาศหายใจ ฉู่โม่หยวนถึงได้ปล่อยนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก