ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 92

สรุปบท บทที่ 92 ข้าหึง: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก

สรุปเนื้อหา บทที่ 92 ข้าหึง – ภพนี้ตราบภิรมย์รัก โดย ท้อเยาเยา

บท บทที่ 92 ข้าหึง ของ ภพนี้ตราบภิรมย์รัก ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ท้อเยาเยา อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลินเมิ่งหวันชะงักอึ้ง ใบหน้าร้อนผ่าว ขมวดคิ้วมองฉู่โม่หยวนด้วยความสงสัย

นี่เขาเป็นบ้าอะไร? หรือเขาไม่รู้หรือว่าฉีเยี่ยนยังอยู่ที่นี่? !

หลินเมิ่งหวันหน้าแดงบวกกับสายตา“ตักเตือน”ที่เพิ่มความแข็งแกร่งมองฉู่โม่หยวน แต่ฉู่โม่หยวนเห็นการต่อต้านของหลินเมิ่งหวัน สีหน้าก็อึมครึมลงเล็กน้อย

เขาปล่อยมือของหลินเมิ่งหวัน หลินเมิ่งหวันยังไม่ทันโล่งอกเลย คิดไม่ถึงว่าฉู่โม่หยวนจะยืนมือมาคว้าโอบรัดนางเข้าสู่อ้อมกอด

ทันใดนั้น หลินเมิ่งหวันก็รู้สึกว่าเลือดลมปราณของตัวเองไหลทะยานอยู่สมอง ไม่นานใบหน้าก็ร้อนผ่าว

ฉู่โม่หยวนคิดจะทำอะไรกันแน่? !

ฉีเยี่ยนเก็บรายละเอียดท่าทางของพวกเขาสองคนไว้ในสายตา รอยยิ้มยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้น

“ไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดี”

เขาราวกับว่าไม่ได้รู้สึกว่าท่าทางของหลินเมิ่งหวันกับฉู่โม่หยวนมีความผิดปกติอะไร เพียงแค่มองหลินเมิ่งหวันแล้วกล่าวอย่างราบเรียบว่า“คุณหนูหลิน วันนี้ฉีเยี่ยนมา นอกจากจะมาขอบคุณคุณหนูหลินแล้ว ยังอยากมาเยี่ยมเยียนหลินฮูหยินใหญ่ด้วย”

“ได้ยินว่าจู่ๆหลินฮูหยินใหญ่ก็ล้มป่วย ฉีเยี่ยนเป็นห่วง ไม่ทราบว่าตอนนี้ฉีเยี่ยนไปเยี่ยมหลินฮูหยินใหญ่จะสะดวกหรือไม่?”

“สะดวกเพคะ……เฝ่ยชุ่ย เจ้าพาเซียงอ๋องซื่อจื่อไปหน่อย”

หลินเมิ่งหวันแทบอยากให้ฉีเยี่ยนรีบไป นางสั่งเฝ่ยชุ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ และไม่กล้ามองสีหน้าท่าทางของฉีเยี่ยนด้วย

“ได้ เช่นนั้นฉีเยี่ยนไปเยี่ยมเยียนหลินฮูหยินใหญ่แล้ว ไม่รบกวนท่านทั้งสองแล้วล่ะ”

ฉีเยี่ยนยิ้มกล่าวออกมา จงใจเน้นคำว่า”รบกวน”สองคำนี้ เขาเหลือบมองฉู่โม่หยวนด้วยสายตาลึกลับ แล้วเดินตามเฝ่ยชุ่ยออกไป

หลินเมิ่งหวันใจเต้นระรัว ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับไฟสุม

เมื่อเห็นฉีเยี่ยนออกไปแล้ว นางจึงกล่าวถามขึ้นว่า“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่าน……อะ…..”

คำถามที่หลินเมิ่งหวันถามออกไปแปรเปลี่ยนกลายเป็นคำอุทาน คิดไม่ถึงว่าจู่ๆฉู่โม่หยวนจะออกแรงอุ้มนางขึ้น ให้นางมานั่งอยู่บนขาของตัวเอง

ภาวะไร้น้ำหนักตัวเบาหวิวอยู่ในอากาศแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้นางยื่นมือมาโอบรอบคอของฉู่โม่หยวน รอทรงตัวได้แล้ว ถึงได้สัมผัสได้ถึงท่าทางที่คลุมเครือของตัวเองกับฉู่โม่หยวน หลินเมิ่งหวันเงยหน้าขึ้นด้วยความไม่พอใจทันที

แต่เมื่อสบตาเข้ากับดวงตาร้อนผ่าวระอุ

ใจที่เต้นระรัวของหลินเมิ่งหวันหล่นวูบทันที ภายใต้สายตาของฉู่โม่หยวน คิดไม่ถึงว่านางจะกดอาการเกร็งตื่นตะลึงนี้ไว้ไม่ได้ คำถามมากมายในหัวใจตะกุกตะกักอยู่ในลำคอ

“ห้ามเจอกันกับฉีเยี่ยนตามลำพัง”ฉู่โม่หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึม สีหน้าไม่พอใจ

คิดไม่ถึงว่าฉีเยี่ยนจะกล้าพูดเรื่องเมื่อวัยเยาว์ต่อหน้าเขา?

แม้หลินเมิ่งหวันจะลืมเรื่องราวเหล่านั้นแล้ว แต่ฉู่โม่หยวนจำได้อย่างแม่นยำ!

ฉู่โม่หยวนมั่นใจ ว่าฉีเยี่ยนจงใจ!

กล้าดึงความสนใจจากหลินเมิ่งหวัน เขาว่าฉีเยี่ยนเบื่อใช้ชีวิตแล้ว!

หลินเมิ่งหวันชะงักงัน “เพราะเหตุใด ? อือ…..”

คำถามยังไม่ได้รับการตอบกลับ ฉู่โม่หยวนก็ก้มศีรษะมาประทับจูบริมฝีปากบางนุ่มของนางแล้ว

เจินจูหน้าแดงก่ำหูแดงก่ำมองฉู่โม่หยวนกับหลินเมิ่งหวัน นางร้อนรนใจ อยากจะเข้าไปขัดขวาง

แม้ว่าฉู่โม่หยวนกับหลินเมิ่งหวันจะมีการหมั้นหมายกัน แต่พวกเขาสองคนยังไม่ได้อภิเษกสมรสกัน จะโอบกอดกันอย่างนี้ได้อย่างไร?

แต่ไม่รอให้เจินจูเอ่ยปาก เฉินเซียงก็ได้ใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนนางไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งปิดปากนาง แล้วลากออกไปด้านนอก

เสวียนยีให้ความร่วมมืออยู่เงียบ ไม่เพียงแต่เดินตามพวกเฉินเซียงออกไป เขายัง”เอาใจใส่”โดยการปิดประตูให้ด้วย ราวกับว่าเป็น“คนเฝ้าประตู”ที่ควบคุมดูแลปกป้องประตูอยู่

ภายในห้อง บรรยากาศคลุมเครือปะทุขึ้นมา

หลินเมิ่งหวันอับอาย กระสับกระส่าย คว้าชุดของฉู่โม่หยวนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว คิดไม่ถึงว่าจะลืมการต่อต้าน

จูบสัมผัสนี้รุนแรงเอาแต่ใจและยาวนาน จนถึงตอนหลินเมิ่งหวันจะขาดอากาศหายใจ ฉู่โม่หยวนถึงได้ปล่อยนาง

เจินจูกับเฉินเซียงเข้ามา ก็ได้เห็นใบหน้าหลินเมิ่งหวันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับอารมณ์ดี

เฉินเซียงทอดถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าเจินจูกลับขมวดคิ้วเป็นปม

เมื่อครู่จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย“รังแก”คุณหนูของนางอย่างนั้น เหตุใดคุณหนูของนางถึงไม่โกรธ?

หลินเมิ่งหวันไม่รู้สิ่งที่พวกนางสองคนคิดในใจ จากนั้นเปิดกล่องผ้าไหมที่ฉู่โม่หยวนเอาให้ออกมาดู

เมื่อมองชุดด้านใน นัยน์ตาหลินเมิ่งหวันเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงทันที

“เจินจู เตรียมรถม้า ข้าจะไปหอเจินเป่า!”

ชุดที่ฉู่โม่หยวนส่งมาสวยงามมาก นางจะต้องไปเลือกเครื่องประดับที่คู่ควรกับมันถึงจะถูกต้อง!

ไม่นานหลินเมิ่งหวันก็มาถึงหอเจินเป่า เถ้าแก่เชิญนางไปที่ห้องส่วนตัว และนำพวกชุดเครื่องประดับมาให้หลินเมิ่งหวันเลือก

อยู่ในหอเจินเป่านานครึ่งชั่วยาม หลินเมิ่งหวันก็ออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ

เครื่องประดับชุดนี้เข้ากับชุดที่ฉู่โม่หยวนให้นาง วันพรุ่งนี้นางจะต้องสวยตื่นตะลึงทั่วงานเป็นแน่!

เมื่อเห็นว่าเวลาจวนเข้าสู่ช่วงอาหารกลางวันแล้ว หลินเมิ่งหวันอยากจะรู้ข่าวลือภายนอกเกี่ยวกับเรื่องหลี่อี๋เหนียงวางยาพิษหลินฮูหยินใหญ่ เพราะฉะนั้นเลยไม่ได้รีบกลับจวน

นางสั่งให้เด็กรับใช้ไปจองห้องส่วนตัวที่หอจุ้ยเซียนเตรียมกินอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว นางค่อยกลับจวน

เมืองหลวงคึกคักศิวิลัย หลินเมิ่งหวันนั่งอยู่บนรถม้า มองกลุ่มคนเดินขวักไขว่ครึกครื้นที่อยู่ด้านนอกผ่านหน้าต่าง คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ด้านหน้ายังมีคนแน่นเหมือนน้ำที่ระบายไม่ออก

หลินเมิ่งหวันชะงักงันเล็กน้อย กล่าวว่า“เหตุใดถึงได้ครึกครื้นนักล่ะ?”

เฝ่ยชุ่ยกล่าวว่า“วันนี้คุณชายโม่ซวนมีการประมูลภาพวาดที่หอภาพวาดหนังสือเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นคนที่ชื่นชอบภาพวาดเลยมาตรงนี้ คุณหนูอยากไปดูไหมเจ้าคะ?”

หลินเมิ่งหวันส่ายหน้า กำลังจะบอกว่าไม่ไป แต่ทว่านางกลับเห็นร่างคนผู้หนึ่งที่คุ้นตาอยู่ในกลุ่มผู้คน

มือข้างหนึ่งที่จับผ้าม่านกำมันแน่นขนัดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น กล่าวด้วยความอึมครึมว่า”ไปดูกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก