บทที่ 93 คุณหนูหลินอับอายขายหน้าจะหนีไปแล้ว? – ตอนที่ต้องอ่านของ ภพนี้ตราบภิรมย์รัก
ตอนนี้ของ ภพนี้ตราบภิรมย์รัก โดย ท้อเยาเยา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 93 คุณหนูหลินอับอายขายหน้าจะหนีไปแล้ว? จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เฝ่ยชุ่ยชะงักงันเล็กน้อย ตามด้วยมองตามสายตาของหลินเมิ่งหวัน จึงได้เห็นหลี่จิ่นซูอยู่ในกลุ่มคน
นางมองหลินเมิ่งหวันด้วยความเป็นห่วง กล่าวว่า“คุณหนูรอง พวกเรา……”
หลินเมิ่งหวันรู้ว่าเฝ่ยชุ่ยเห็นหลี่จิ่นซู สีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยน
นางกล่าวขึ้นว่า“มิเป็นไร ข้าไม่มีทางกระทำการวู่วาม เพียงแค่อยากจะดูว่าเขาจะทำอะไร หากเขามาเพราะภาพของคุณชายโม่ซวน แน่นอนว่าข้าไม่มีทางทำให้เขาสมหวัง หากภาพวาดของคุณชายโม่ซวนตกอยู่ในมือเขา ก็คือเป็นการทำลายสิ่งของให้เสียหายตามอำเภอใจแล้ว”
เฝ่ยชุ่ยลังเลใจอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า แล้วสั่งให้คนขับรถม้าขับเคลื่อนไปทางด้านหลัง
คนในเมืองหลวงรู้กันน้อย ว่าหอภาพวาดหนังสือเป็นกิจการของจวนฉิน
เพราะฉะนั้นบริเวณหน้าประตูตอนที่คนอื่นอยากเข้ามาหอภาพวาดหนังสือ หลินเมิ่งหวันก็ได้ถูกเถ้าแก่ต้อนรับอยู่ด้านหลังและพาเข้ามาด้วยตัวเองแล้ว
หลินเมิ่งหวันไปที่ห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดบนชั้นสอง มองมาจากหน้าต่างห้องส่วนตัว พอดีกับได้มองเห็นตำแหน่งแขวนภาพไว้บริเวณห้องโถงชั้นหนึ่งที่สะดุดตาเลย
แม้ว่าหลินเมิ่งหวันจะไม่ได้สนใจภาพเขียนและแบบหนังสือศิลปะมาก แต่เมื่อเห็นภาพวาดนั้น นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
เจินจูกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า“คิดไม่ถึงว่าคุณชายสี่จะวาดภาพเสร็จแล้ว!”
หลินเมิ่งหวันกับเฝ่ยชุ่ยหันไปส่งสายตาให้เจินจู เจินจูพลั้งปากพูดออกมา เลยรีบปิดปากตัวเองไว้
เฉินเซียงยืนอยู่อีกด้านอย่างว่านอนสอนง่าย ทว่านัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ภาพวาดนี้คุณชายโม่ซวนวาดออกมา แต่เมื่อครู่เจินจูพูดว่าคุณชายสี่ออกมา หรือว่า คุณชายโม่ซวนคนนี้คือคนที่หลินเมิ่งหวันรู้จัก?
หลินเมิ่งหวันเอียงศีรษะหันมามองเฉินเซียงแล้วกล่าวว่า“ตอนนี้เจ้าเป็นคนข้างกายข้า มีบางเรื่องข้าก็ไม่คิดจะปิดบังเจ้า คุณชายโม่ซวนก็คือลูกพี่ลูกน้องของข้า ฉินจุนหรัน เรื่องนี้เจ้าอยากบอกจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ข้าก็ไม่ขัด”
เฉินเซียงหัวใจบีบรัดแน่น รีบคุกเข่าลงกล่าวว่า“บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ”
หลินเมิ่งหวันมองเฉินเซียงด้วยสีหน้าราบเรียบ กล่าวว่า“เจ้ามาวันแรกข้าก็เคยพูดแล้ว ในเมื่อมาปรนนิบัติข้างกายข้าแล้ว เจ้าต้องยอมรับแล้วว่าใครคือนายของเจ้า หากเจ้าไม่ยอมรับ มาจากไหนก็กลับไปทางนั้นเลย”
เฉินเซียงรีบโขกศีรษะลง กล่าวว่า“บ่าวรู้ว่าผิดแล้วเจ้าค่ะ เจ้านายโปรดลงโทษด้วยเจ้าค่ะ”
หลินเมิ่งหวันไม่ได้สนใจเฉินเซียง เพียงแค่หลุบสายตามองไปทางชั้นหนึ่ง
วันนี้ตอนที่ฉู่โม่หยวนโอบกอดนาง เฉินเซียงลากเจินจูออกไปด้านนอก
แม้เรื่องนี้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่เฉินเซียงกระทำการเยี่ยงนี้ ชัดเจนว่ายืนอยู่ฝั่งของฉู่โม่หยวน
หลินเมิ่งหวันไม่อยากบังคับเฉินเซียงตัดขาดความสัมพันธ์กับฉู่โม่หยวน แต่นางเคยบอกเฉินเซียงแล้วว่า นางทนไม่ไหวเรื่องการทรยศนาย
เพราะฉะนั้นวันนี้นางเลยเสียดสีเฉินเซียง ให้เฉินเซียงรู้ เวลานี้ที่สำคัญคนที่เฉินเซียงต้องฟังคำสั่งคือนาง
เวลานี้ภายในห้องโถงชั้นหนึ่ง ได้มีคนสิบกว่าคนได้รับสิทธิประมูล และหลี่จิ่นซูก็เป็นหนึ่งในนั้น
ภาพของคุณชายโม่ซวนให้เพียงคนมีดวงสมพงศ์กัน เพราะฉะนั้นงานประมูลนี้ ไม่ใช่คนที่ให้ราคาสูงแล้วจะได้ครอบครอง
แน่นอนว่ามูลค่าของภาพวาดไม่ได้ต่ำ แต่อยากจะซื้อภาพนี้ไป ไม่เพียงแค่มีเงิน ยังจะต้องพูดท่วงทำนองบทประพันธ์ของภาพนี้ และเข้าใจความคิดอารมณ์ของคุณชายโม่ซวนด้วย
หลินเมิ่งหวันเห็นภาพ《ภาพวาดหญ้าภูเขา》 แขวนอยู่ในห้องโถง จึงเกิดความรู้สึกว่ามันสง่างาม
ภาพ《ภาพวาดหญ้าภูเขา》เป็นภาพที่มีชื่อเสียงของ ฉินจุนหรัน แต่เมื่อชาติปางก่อน จนถึงตอนหลินเมิ่งหวันถูกหลินเป้ยเหยาจำคุก ภาพวาดนี้ไม่ได้ถูกคนซื้อไป
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่มีใครเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งในภาพวาดของเขานั่นเอง
หลินเมิ่งหวันรู้ หลี่จิ่นซูอยากได้ภาพวาดนี้มาโดยตลอด เมื่อชาติปางก่อนนางยังเคยไปขอร้อง ฉินจุนหรันเพราะเรื่องนี้ นางอยากให้ ฉินจุนหรันเอาภาพวาดนี้ให้หลี่จิ่นซู
ชุดชวีจวีสวยเพียบพร้อม อีกทั้งรูปร่างเด่นชัด ตอนนี้เมื่อมองคราแรก คิดไม่ถึงว่าจะทำให้คนละสายตาไม่ได้อีก
หลี่จิ่นซูได้ยินเสียงที่คุ้นเคยภายในหัวใจถึงกับชะงักงัน เมื่อเงยหน้ามองไปจึงเห็นหลินเมิ่งหวันที่สวยตราตรึงกินใจ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความแปลกใจทันที
หลินเมิ่งหวันกล่าวว่า “ข้าคิดว่าจุดสำคัญของภาพ《ภาพวาดหญ้าภูเขา》นี้ ไม่ใช่พลังชีวิตที่เปี่ยมล้น ความเจริญรุ่งเรือง ต้นไม้เจริญเติบโตงดงาม แต่เป็นพวกหญ้าป่าที่อยู่ในภาพวาดนั้นต่างหาก”
หญ้าป่า?
หลี่จิ่นซูหัวใจบีบรัดแน่น มองหลินเมิ่งหวันด้วยความแปลกใจ
ทุกคนแปลกใจ เมื่อได้ยินข้อแก้ต่างหลินเมิ่งหวัน จนกระทั่งมีคนอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย
“ข้าว่าคุณหนูหลิน บนภาพ《ภาพวาดหญ้าภูเขา》มีหญ้าป่าเยอะจริง แต่ท่านก็ไม่สามารถตัดสินชี้จุดสำคัญเพียงเพราะหญ้าป่า?”
“ไม่ผิด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาได้ยินว่าคุณหนูหลินไม่รู้เรื่องประพันธ์ ชื่นชอบปืนผาหน้าไม้ คุณหนูหลินอย่าพูดจาส่งเดชเลย”
“คุณหนูหลิน ภาพของ คุณชายโม่ซวนนี้ ไม่ใช่ใครก็รู้ซึ้งมองทะลุปรุโปร่งได้ ท่านเป็นผู้ขาดความรู้ความสามารถเพื่อที่จะยกฐานะตนเอง อยากจะเชื่อมสัมพันธ์กับคนเลยเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ก็ต้องหาข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ทะลุปรุโปร่งของภาพวาดมา เลอะเทอะไร้สาระเยี่ยงนี้ ไม่ใช่ตกเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะของผู้เชี่ยวชาญ?”
เสียงเหน็บแนมดังขึ้นเวลานี้ ทว่าแววตาเถ้าแก่ของหอภาพวาดหนังสือกลับเปล่งประกาย ปรบมือให้คุณหนูหลินที่อยู่ชั้นสอง และกล่าวอย่างจริงจังขึ้นว่า”ขอเชิญคุณหนูหลินอธิบายให้ละเอียดสักหน่อยเถิด”
หลินเมิ่งหวันพยักหน้าเล็กน้อย หมุนตัวเดินออกจากห้องส่วนตัว
ทุกคนยืดคอมองไปทางชั้นสอง ชายคนหนึ่งสวมใส่เสื้อแพรกล่าวเยาะเย้ยขึ้นทันทีว่า“โอ้โห ไม่ใช่ว่าคุณหนูกลัวอับอายขายหน้าคน อยากจะหนีกลับแล้วหรือ?”
ชายสวมใส่เสื้อแพรผู้นี้คือญาติห่างๆของจวนหนาน วันนี้ตั้งใจมาเป็นเพื่อนหนานมู่ชิงกับพี่ชายของนางหนานซีเฟิงเพื่อมาประมูลที่หอภาพวาดหนังสือ
เขารู้ว่าจวนหนานมีความคิดที่จะให้หนานมู่ชิงแต่งงานกับฉู่โม่หยวน แต่ฮ่องเต้กลับพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยกับหลินเมิ่งหวัน เพราะฉะนั้นคนทั้งจวนหนานเลยไม่ชอบหลินเมิ่งหวัน แน่นอนว่าจะไม่มีทางทิ้งโอกาสนี้เพื่อถากถางหลินเมิ่งหวันได้หรอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก