ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 94

สรุปบท บทที่ 94 หลินเมิ่งหวันโมโหจนเฆี่ยนตีหลี่จิ่นซู: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก

สรุปเนื้อหา บทที่ 94 หลินเมิ่งหวันโมโหจนเฆี่ยนตีหลี่จิ่นซู – ภพนี้ตราบภิรมย์รัก โดย ท้อเยาเยา

บท บทที่ 94 หลินเมิ่งหวันโมโหจนเฆี่ยนตีหลี่จิ่นซู ของ ภพนี้ตราบภิรมย์รัก ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ท้อเยาเยา อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลินเมิ่งหวันเดินลงมาจากบันไดอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ได้สนใจชายสวมใส่เสื้อแพรผู้นั้นเลย นางกล่าวเสียงดังขึ้นว่า“《ภาพวาดหญ้าภูเขา》นี้มีทัศนียภาพมากมายไม่ผิด หญ้าป่ามากมายก็ไม่ผิด แต่หญ้าป่าเยอะก็ไม่ได้หมายความว่าจะดี” 

“ทุกท่านโปรดดู”หลินเมิ่งหวันยืนมั่นคงอยู่ใต้ภาพ แล้วยกมือขึ้นชี้ 《ภาพวาดหญ้าภูเขา》กล่าวว่า“หากเพ่งมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็จะสามารถเห็นได้ว่าหญ้าป่าภายใน 《ภาพวาดหญ้าภูเขา》นี้ไม่ได้เขียวขจี แต่รูปร่างของแต่ละอัน คุณชายโม่ซวนได้เอาช่วงเวลาการเจริญเติบโตของหญ้าป่าที่แตกต่างกันและสภาพของมันเผยออกมา อยู่ตรงนี้ สามารถมองเห็นร่องรอยการเผาไหม้ของหญ้าป่าด้วย”

“วสันตฤดูมาถึงแล้ว สรรพสิ่งกำลังฟื้นคืน ถึงแม้ว่าต้นไม้จะมีหน่ออ่อนใหม่ แต่ที่ทำให้ภูเขาเขียวขจี ก็คือหญ้าป่าที่ไม่ดึงดูดสะดุดตานั่นเอง "

“สิ่งที่เรียกว่าไฟป่าเผาไม่สิ้น ลมฝนโชยกลับงอกงาม แม้ว่าหญ้าป่าจะไม่เด่นดึงดูดสายตา กลับไม่ระย่อท้อถอย มันเป็นสิ่งที่ถูกคนมองข้ามได้ง่ายที่สุด แต่ก็มีพลังชีวิตที่สุดเช่นกัน ข้าคิดว่าภาพนี้ของ คุณชายโม่ซวน อยากนำมาแสดงให้คนเห็นว่า แม้จะพบเจอเผชิญกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่และไม่ได้รับความสำคัญ ก็ต้องเด็ดเดี่ยวเติบโตขึ้นมาเหมือนกับหญ้าป่า

นี่เป็นสิ่งที่ ฉินจุนหรันบอกนางเมื่อชาติปางก่อน แต่ตอนนั้นหลินเมิ่งหวันไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งที่มีอยู่ในนั้น จนเมื่อนางถูกหลินเป้ยเหยาขังอยู่ที่คุกใต้ดิน ถึงได้เข้าใจความหมายนั้น

อีกทั้ง คำพูดของฉินจุนหรัน ประคับประคองหลินเมิ่งหวันอย่างมาก นางยืนหยัดที่จะมีชีวิตรอด เฝ้ารอคอยว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะเป็นอิสระ  

แต่สุดท้าย……

เมื่อนึกถึงเรื่องชาติปางก่อน หลินเมิ่งหวันอดกำหมัดไว้ไม่ได้เลย ดวงตาร้อนผ่าว ความเกลียดชังโหมกระหน่ำภายในใจนาง

ชายที่สวมใส่เสื้อแพรกล่าวว่า”พูดจาเลอะเทอะชัดๆ คุณหนูหลิน……”

“เยี่ยม!” เถ้าแก่ของหอภาพวาดหนังสือพูดตัดบทชายเสื้อแพรด้วยความตื่นเต้น และปรบมือทำความเคารพหลินเมิ่งหวันด้วยความนับถือ

“ทัศนะของคุณหนูหลินช่างเลิศล้ำเสียจริง คำพูดนี้กับความคิดของคุณชายโม่ซวน ช่างเหมือนกันนัก!”

ทุกคนอึ้งตะลึง โดยเฉพาะชายเสื้อแพรที่มองเถ้าแก่ของ หอภาพวาดหนังสือด้วยความตะลึงเหวอ

“ท่านพูดจริงหรือ? คุณชายโม่ซวนคิดอย่างนั้นจริงหรือ?”

ไม่รอให้เถ้าแก่ของหอภาพวาดหนังสือตอบ ชายเสื้อแพรจึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย กล่าวว่า“ไม่ใช่ว่าท่านเอาเงินจากนางมาแล้ว จงใจพูดเช่นนี้หรอกนะ?”

ใครต่างก็รู้ว่าหลินเมิ่งหวันร่ำรวยเงินตรา

เถ้าแก่ของหอภาพวาดหนังสือสีหน้าเปลี่ยนทันที กำลังจะเอ่ยปากตำหนิ หนานซีเฟิงที่เงียบตั้งแต่ต้นจนจบได้กล่าวขึ้นว่า“หุบปาก! หยุดพูดจาเลอะเทอะ!”

ชายเสื้อแพรเงียบเสียงทันที หนานซีเฟิงทำความเคารพเถ้าแก่ของ หอภาพวาดหนังสือกับหลินเมิ่งหวัน แล้วกล่าวว่า“เกิดความพลั้งปากพูด ข้าขอโทษทั้งสองท่านแทนเขาด้วย”

หลินเมิ่งหวันเหลือบมอง หนานซีเฟิง ไม่ได้พูดอะไร

นางไม่รอช้า มองเถ้าแก่ของหอภาพวาดหนังสือแล้วกล่าวว่า“ในเมื่อข้ามีทัศนะตรงกันกับ คุณชายโม่ซวน เช่นนั้นข้าสามารถซื้อภาพ 《ภาพวาดหญ้าภูเขา》นี้ได้หรือยัง?”

เถ้าแก่ของหอภาพวาดหนังสือชะงักงัน ประเดี๋ยวเดียวก็ได้กล่าวว่า“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ข้าคิดว่าถ้า คุณชายโม่ซวนรู้ว่าคุณหนูหลินใจตรงกัน จะต้องดีใจอย่างแน่นอน”

หลินเมิ่งหวันยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเถ้าแก่ของหอภาพวาดหนังสือรีบยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนปลดภาพ 《ภาพวาดหญ้าภูเขา》ลง จากนั้นเอาใส่เข้าไปในกล่องผ้าไหมแล้วส่วมอบแก่หลินเมิ่งหวัน

เฝ่ยชุ่ยจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว หลินเมิ่งหวันได้รับภาพมา จากนั้นจึงเดินออกไป

หลี่จิ่นซูเห็นหลินเมิ่งหวันจะไปถึงได้สติกลับมา และตามออกไปด้วยความเร่งรีบ กล่าวว่า“เมิ่งหวัน ช้าก่อน!”

สายตาหลินเมิ่งหวันเย็นชา เดินอย่างรวดเร็ว คนบริเวณโดยรอบเห็นอย่างนั้นเลยฮือฮาขึ้น

หลี่จิ่นซูสีหน้าแข็งทื่อ และตระหนักได้ว่าตนเองยับยั้งสติไม่ได้ แต่เห็นหลินเมิ่งหวันเดินออกไป เขาสนใจอะไรมากไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะจับพลัดจับผลูกระทำลงไปโดยไม่รู้ตัว

กลับชาติมาเกิด สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดคือแต่งหลินเมิ่งหวันมาเป็นภรรยา แต่ทว่าชาตินี้หลินเมิ่งหวันกลับห่างเขาไกลขึ้นเรื่อยๆ

《ภาพวาดหญ้าภูเขา》สำคัญกับเขามาก เพราะตอนนี้ฮ่องเต้ชื่นชมคุณชายโม่ซวนเป็นอย่างยิ่ง

เขาก็ได้รับคำเชื้อเชิญไปงานเลี้ยงชมดอกไม้วันพรุ่งนี้ด้วย เพียงแค่เขาเอา《ภาพวาดหญ้าภูเขา》 ไปมอบฮ่องเต้ ก็จะมีโอกาสเข้าเป็นขุนนางในราชสำนัก เพียงแค่เท่านี้ เขาก็สามารถมีโอกาสแต่งกับหลินเมิ่งหวันแล้ว!

ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องเอาภาพนั้นมาให้ได้!

เฝ่ยชุ่ยกลัวจนหน้าถอดสี รีบกอบกุมมือของหลินเมิ่งหวัน แล้วกล่าวว่า”คุณหนูใจเย็นๆระงับอารมณ์ด้วยเจ้าค่ะ!”

หลี่จิ่นซูน่ารังเกียจสะอิดสะเอียนจริง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชายของหลี่เฉิงเซี่ยง หลินเมิ่งหวันตีเฆี่ยนเขาที่ถนน หลี่เฉิงเซี่ยงจะวางมือเรื่องนี้ได้อย่างไร?

อีกอย่าง หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของหลินเมิ่งหวันก็จบเห่แล้ว

หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วเป็นปมมองหลี่จิ่นซู ภายในดวงตาฉายแววความเดือดดาลอย่างชัดเจน

นางทิ้งแส้ลงอย่างแรง แล้วกล่าวว่า”หมาดีไม่ขวางทาง อยากตายก็อย่ามาทำรถม้าข้าสกปรก!”

“เฝ่ยชุ่ย ไปชานเมือง”

หลินเมิ่งหวันเข้าไปด้านในรถม้า เฝ่ยชุ่ยมึนงง แต่ทว่าเฉินเซียงกลับดวงตาเปล่งประกาย

เฉินเซียงพยุงเจินจูที่ตกใจจนเซ่อขึ้นรถม้า และไม่ได้สนใจคนขับรถม้าที่ชะงักงัน หยิบแส้ม้าที่หลินเมิ่งหวันทิ้งไป เฆี่ยนลงที่ตัวม้า

“ขับเคลื่อน!”

ม้ามันเจ็บ เลยวิ่งออกไปในทันที

รูม่านตาหลี่จิ่นซูหดลง ถอนหลังมาหนึ่งก้าวด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นล้มลงอย่างแรงอยู่บนพื้น

และรถม้าคันนั้น ได้วิ่งผ่านขาของเขาไปด้วยระยะห่างที่ไม่พอสองชุ่น หากเขาล้มคลาดเคลื่อนสักเล็กน้อย ขานี้จะต้องพิการเป็นแน่แท้!

คนที่อยู่บริเวณโดยรอบตกใจตื่นตะลึงจนเหงื่อไหลพลั่ก ทั้งหมดต่างตื่นตะลึง ไม่นานก็พากันเริ่มเล่าว่าหลินเมิ่งหวัน”วีรกรรมใหญ่หลวง”

และในส่วนรถม้าของหลินเมิ่งหวันนั้น ได้วิ่งออกนอกเมือง ไปทางชานเมือง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก