ฌองหรี่ตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย เขากวาดตาดูเบียงก้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “เมื่อตอนที่คุณอายุสิบหกสิบเจ็ด เนื้อตัวของเธอนุ่มนิ่มและน่ากอด แต่ในตอนนี้เนื้อตัวเธอราวกับมีหนาบแหลมปกคลุมเต็มไปหมด หนามแหลมพวกนั้นโผล่ขึ้นมาเพื่อป้องกันพร้อม ๆ กับตอนที่ธาตุแท้ของเธอปรากฏขึ้นมาอย่างชัดสินะ”
เบียงก้าฟังคำดูถูกของฌอง เธอตระหนักถึงข้อกล่าวหาที่ไร้สาระทั้งหมดที่เขาเหวี่ยงใส่เธอเมื่อวาน
น้ำเสียงของเขาฟังดูแหลมคมตอนเวลาต้องการพูดจาถากถางคนอื่น
มันทิ่มแทงเข้าไปภายในหัวใจของเบียงก้าหลายพันรูจนเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
ในตอนนี้ เธอยอมจำนนทุกอย่างแล้ว
“ใกล้จะถึงเวลาทำงานแล้ว” เบียงก้ากล่าวอย่างใจเย็นในขณะที่เธอเดินผ่านเขาไป
อย่างไรก็ตาม ฌองคว้าข้อมือของเธอไว้แน่นและดึงเธอกลับอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาแดงก่ำในขณะที่เขาคร่ำครวญ “เรายังไม่ได้เคลียร์กันเรื่องนี้เลย แล้วเราจะไปทำงานได้ยังไง!?”
ทันใดนั้น นีน่าก็รีบวิ่งเข้ามา “พี่ฌอง พี่กำลังทำอะไร? ปล่อยบีเดี๋ยวนี้!”
เบียงก้าสวมใส่รองเท้าส้นสูงมาทำงาน แม้ว่าส้นรองเท้าของเธอจะไม่สูงมากนัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมั่นคง การฉุดยื้อของฌองทำให้ข้อเท้าซ้ายของเธอพลิกทันที
ทันทีที่ความเจ็บแผ่นขึ้นมา เธอพยายามดึงมือออกจากมือฌอง ในขณะที่นีน่าก็พยายามช่วยเธอดึงมือที่ใหญ่โตของพี่ชายของตนออกเช่นกัน วินาทีต่อมา เบียงก้าก็ดึงแหวนออกจากนิ้วนางซ้ายและพลันโยนมันใส่ใบหน้าของฌองด้วยท่าทีที่แน่วแน่
จากนั้น เบียงก้าก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจบกัน"
น้ำเสียงของเบียงก้าเย็นชา ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธ แต่เธอก็กัดฟันและสงบสติอารมณ์เอาไว้
เพราะถ้าเธอไม่ทำ เธอจะต้องประสบความกับพ่ายแพ้อย่างหมดรูปแน่!
เพราะตลอดห้าปีที่ผ่านมานั้น บรรดานักแสดงตุ๊กตาทองก็มีเพียงแค่ ฌองและมาลี เรย์น
นีน่าเคยบอกว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยแนะนำพี่ชายให้อยู่ห่างจากมาลี และฌองเองก็ประกาศอย่างชัดเจนว่า เขาไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอเลย
แต่ตอนนี้ เบียงก้ากลับพบว่าเธอเป็นคนที่ถูกโกหกมาโดยตลอด
ที่นี่และในตอนนี้ มาลีนั่งอยู่ถัดจากน้ำพุหน้าบริษัท เธอกำลังแต่งหน้าในขณะที่เธอยิ้มให้กับกระจกบนมือถือและหัวเราะให้กับเรื่องตลกที่เธอได้เห็น
เบียงก้ากวาดสายตากลับมาและเม้มริมฝีปาก เธอไม่ยอมใครหน้าไหนมาเห็นความอ่อนแอของเธอ
แหวนหมั้นกระแทกจมูกของฌองอย่างจัง เขาจึงยกมือขึ้นและคว้ามัน แรงกดดันเริ่มก่อตัวขึ้นภายใต้ดวงตาของเขาขณะที่จ้องมองแหวนในมือ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเบียงก้า “เราจบกัน? พูดมันออกมาได้เต็มปาก ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นฝ่ายเจ็บปวดมาก แต่ทำไมเธอกลับพูดมันออกมาได้หน้าตาเฉยแบบนี้?”
“พอได้แล้ว พวกเธอทั้งสองคนใจเย็นก่อน” นีน่ามองดูพี่ชายของเธอ จากนั้นเธอก็มองไปที่เบียงก้า เพื่อนรักของเธอ
เบียงก้าหัวเราะอย่างเย็นชา “ที่ฉันเยือกเย็นเพราะฉันรู้ว่าฉันมันไร้เดียงสา”
“มีเรื่องที่จะต้องพูดแค่นั้นน่ะเหรอ?!” ฌองกำหมัดแน่น เขากำลังจะบ้าคลั่งอีกครั้ง
“ตั้งแต่วินาทีที่คุณไม่เชื่อใจฉัน ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป” เบียงก้ายังคงทนความเจ็บปวดที่ข้อเท้าของเธอและเดินเข้าไปในอาคารของบริษัททันที
สีหน้าของฌองเปลี่ยนเป็นมืดมนในทันที จากนั้นเขาก็ไล่ตามเธอไป!
นีน่าคว้าตัวพี่ชายของเธอไว้แน่น “พี่ทำงานอยู่ที่นี่นะ! พี่ต้องการป่าวประกาศให้ทุกคนรู้อย่างนั้นเหรอ? ฉันขอร้องนะพี่ คนอื่น ๆ กำลังมองดูเราอยู่ อย่าทำลายชีวิตของบี…”
เมื่อเบียงก้าได้ยินว่านีน่าห้ามปรามฌองยังไง ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด ใช่แล้ว เธอมีอดีตที่เลวร้ายที่เธอไม่สามารถลบล้างได้ ถ้าหากว่าฌองคลั่งขึ้นมา มันคงจะมีโอกาสที่เขาจะทำมันพังไม่ว่าจะมีคนฟังกี่คนก็ตาม
เกิดอะไรขึ้นกับฌองที่มีเหตุผลที่เธอรู้จัก?
เขารู้ดีว่าหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอก็กังวลเรื่องชื่อเสียงของเธอเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศมากที่สุด แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่เขาใช้เพื่อโจมตีเธอ
“พี่ไม่เชื่อบี แต่พี่กลับเชื่อนางมาลี เรย์นนั่น อย่างนั้นเหรอ? มันเป็นอะไรกับพี่? ทำไมพี่ถึงยอมให้มันปั่นหัวแบบนี้ล่ะ? สมองพี่มันเหลวเป็นโจ๊กไปหมดแล้วรึไง?” นีน่าตำหนิพี่ชายของเธอ คำว่าผิดหวังสลักอยู่บนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
ฌองจ้องมองแผ่นหลังของเบียงก้าเดินจากไป เขากำหมัดแน่นขึ้นอีกครั้ง เขาจำดอกไม้ที่เบียงก้าถือไว้ได้ เขาจำสิ่งที่มาลีพูดได้ เขาจำคำบอกเล่าจากเพื่อนบ้านของเบียงก้าที่ชื่อเดซี่ หญิงวัยกลางคนผู้นั้นได้…หลังจากนั้น เขาก็มองดูน้องสาวของเขาด้วยความบ้าคลั่งและพูดว่า “ฉันเคยตกหลุมพรางที่เธอสร้างไว้แล้วครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็อย่างหวังเลยว่าฉันจะเชื่อใจเธออีก”
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก