พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 27

สรุปบท บทที่ 27 นั่งม้าเดียวกัน: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี

บทที่ 27 นั่งม้าเดียวกัน – ตอนที่ต้องอ่านของ พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี

ตอนนี้ของ พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี โดย ชานมเปรี้ยว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 27 นั่งม้าเดียวกัน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

"ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนพูดอะไรไป ข้ากินเหล้าอยู่กับพระชายาเหลียนตลอดเพคะ"

ฮองเฮาอึ้งไปสักพักหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มเบาๆ

ฉู่กุ้ยเฟยรีบพูดด้วยรอยยิ้มต่อ"เหตุใดฮองเฮาเหนียงเหนียงถึงไม่ไปถามเหลียนเอ๋อร์โดยตรงล่ะ เนี่ยนซีและเส้าหยุนล้วนเป็นเด็กดี จะไปยุ่งกับงานราชการของเหล่าองค์ชายได้อย่างไรล่ะ?"

ฮองเฮาไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ยังคงปรากฏรอยยิ้มสำหรับแม่ของแผ่นดิน"กุ้ยเฟยพูดได้ถูกต้อง แต่งานราชการของเหลียนเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์รับผิดชอบไม่เหมือนกัน คงคุยกันไม่ได้หรอก"

ฉู่กุ้ยเฟยไม่ได้สนใจนางอีก มองไปทางฝ่าบาททีหนึ่ง เห็นว่าเขาพยักหน้า เลยยื่นมือต่อฉู่เนี่ยนซีด้วยรอยยิ้ม"รีบมาสิ ให้ข้าดูเจ้าดีๆหน่อยสิ"

จากความทรงจำที่มีอยู่ของฉู่เนี่ยนซี ป้าคนนี้ถือว่าโปรดปรานตัวเองด้วย เกือบจะถึงขั้นที่ตามใจทุกอย่าง สามารถกล่าวได้ว่านางอยากได้อะไรล้วนตามใจหมด คนที่ไม่รู้ความจริงอาจจะนึกว่าฉู่กุ้ยเฟยถึงเป็นแม่ของนาง

ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินไปทางนู้นอย่างเชื่อฟัง ปล่อยให้กุ้ยเฟยจับมือนางพูดถึงเรื่องนู้นเรื่องนั้น

พระสนมคนอื่นๆล้วนรับใช้อยู่ข้างๆฮ่องเต้ ต่อมาระบำกลอนที่จัดอย่างตั้งใจนั้นก็ขึ้นมาแสดง ฉู่เนี่ยนซีเห็นว่ากุ้ยเฟยไม่มีแววที่จะให้นางกลับไป เลยมีแต่ต้องนั่งอยู่ข้างๆ

ไม่ทราบว่าผ่านไปนานขนาดไหน ท้องฟ้าเริ่มมืด ฉู่เนี่ยนซีรีบกลับไปที่นั่งของตัวเองก่อนจะเลิกงานเลี้ยง แต่กลับไม่เห็นเย่เฟยหลี

เสี่ยวเถากระซิบบอกนางว่า อ๋องหลีถูกขุนนางเรียกไปกินเหล้าแล้ว

เดิมทีฉู่เนี่ยนซีคิดจะไปก่อน แต่คิดว่าคนที่หวังร้ายในวังมีอยู่มากมาย ถ้าหากตัวเองกลับไปก่อน เกรงว่าจะถูกคนพูดว่าอ๋องหลีสองผัวเมียไม่ถูกกัน

ดังนั้นเลยตัดสินใจที่จะรอเขา จนกว่าองค์ชายและขุนนางเกือบทั้งหมดของฝั่งนี้ล้วนออกจากงานแล้ว ถึงเห็นเย่เฟยหลีใส่ชุดมีราคา ค่อยๆเดินกลับมาจากอีกฝั่งหนึ่ง สายตาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย

เห็นว่านางยังคงรออยู่ที่เดิม เย่เฟยหลีเลิกคิ้ว แต่น้ำเสียงกลับราบเรียบมาก"กลับจวนเถอะ"

เดิมทีนึกว่าเขาจะถูกฮ่องเต้เรียกไปถามอะไร ฉู่เนี่ยนซีอ้าปาก แต่ก็รู้สึกว่าไม่จำเป็น เลยตามเขาเดินออกไปจากงานเลี้ยงอย่างเงียบขรึม

ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ข้างๆกำแพงพระราชวัง เสี่ยวเถาวิ่งมาอย่างรีบร้อน และยังพาคนใช้ที่เฝ้าม้าอยู่หน้าวังมาด้วย ตอบด้วยครับเก้อเขินเล็กน้อย"พระชายา ม้าของท่าน......เหมือนไม่ค่อยดีแล้ว"

คนใช้คนนั้นคุกเข่าทันที"เดิมทีม้ายังดีๆอยู่เลย แต่อยู่ๆก็เซล้มลงไป เหมือนกินอะไรที่ไม่ดีเข้าไป บ่าว......บ่าวสมควรตาย บ่าวสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ!"

ฉู่เนี่ยนซีได้ยินความเป็นมาของเรื่อง คิดอยู่ในใจว่าน่าจะเป็นเจี่ยงเส้าหยุน คุณหนูใหญ่คนนั้นแค้นในเรื่องงานเลี้ยง คิดจะกลั่นแกล้งนาง จึงคิดวิธีหาคนมาป้อนเสบียงอาหารที่ไม่ดีให้มันกิน เลยกลายเป็นเช่นนี้

"พระชายา ตอนนี้เราต้องทำยังไง?ท่านคุยกับฉู่กุ้ยเฟยมานาน งานเลี้ยงจบสิ้นลงแล้ว ไม่มีรถม้าของจวนอื่นสามารถยืมได้แล้วเพคะ"

ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ราวกับแม่น้ำ ไม่ทราบว่าเหตุใดอยู่ๆก็รู้สึกปล่อยวางลง"ไม่เป็นไร เราเดินกลับไป ถือเป็นการชมวิวพระจันทร์ละกัน"

เย่เฟยหลีที่ขึ้นม้าแล้วหันมา มองฉู่เนี่ยนซีที่ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ที่ยิ้มอย่างแจ่มใสกว่าแสงจันทร์อีก หลังจากผ่านไปสักครู่หนึ่งถึงหันหัวม้า และขี่มาถึงข้างๆนาง

"ขึ้นมา"

อยู่ๆฉู่เนี่ยนซีก็เห็นมือที่เรียวยาวข้างหนึ่ง ยื่นมาถึงบริเวณที่อยู่ห่างไกลหน้าข้างๆของตัวเองไท่กี่นิ้ว เลยหันหน้ามองไปทางเย่เฟยหลี"เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ถ้าเจ้าเป็นหวัดแล้วป่วยขึ้นมาอีก ข้ายังต้องดูแลเจ้าอีก"

"ตอนนี้เจ้าควรต้องเป็นห่วงตัวเอง"มือที่เย่เฟยหลียื่นออกไปนั้นไม่ได้ขยับ"สมองของเจ้าไม่หมุนแล้วหรือไง?ถึงคิดจะเดินกลับไป?"

และอีกอย่างหนึ่ง ระยะทางจากพระราชวังไปจวนอ๋องหลีไกลขนาดไหน ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้หรือ?

"เหลียงหยวน เจ้าพาเสี่ยวเถาไปก่อน"

เย่เฟยหลีเห็นว่านางไม่ขยับ เลยให้เหลียงหยวนที่มารับตัวเองจัดการเสี่ยวเถาก่อน

เสี่ยวเถาที่น่าสงสารยังไม่ทันฟื้นสติกลับมา ก็ถูกแขนที่แข็งแรงของเหลียงหยวนพาขึ้นม้า สักครู่หนึ่งเองทั้งสองคนก็ล้วนหายตัวไป

คราวนี้ ข้างๆกำแพงวังเหลือแต่นางกับเย่เฟยหลี ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจออกมา อดไม่ได้ที่จะพูดคำจริงใจออกมา"ตั้งแต่ที่แต่งงานกับเจ้า ข้าไม่เคยได้มีชีวิตที่ดีๆเลย"

ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกดีใจมาก ดูเหมือนว่าการคาดเดาของตัวเองในเมื่อก่อนไม่ผิดเลย

การรักษาผู้ป่วยจะสามารถทำให้ช่องว่างมีการอัปเดต และมีการปลดล็อคพื้นที่ใหม่

ดูเหมือนว่าอนาคตนางต้องรักษาผู้ป่วยให้มากขึ้น

ดังนั้น ช่วงเวลาที่หลังจากผ่านงานเลี้ยงราชวังแล้ว ฉู่เนี่ยนซีเข้าไปวิจัยนาปลูกยาที่ช่องว่างไปด้วย และรักษาผู้ป่วยในจวนอ๋องไปด้วย ดังนั้นคนใช้ส่วนใหญ่ในจวนล้วนเริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉู่เนี่ยนซีอย่างไม่รู้ตัว แถมยังถึงกับขั้นฟังจากคำสั่งทุกอย่าง

แต่คนในจวนอ๋องล้วนเป็นอาการเล็กๆน้อยๆ ไม่ค่อยมีผลต่อการปลดล็อคช่องว่าง

นี่ทำให้ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะเศร้าขึ้นมา

ดูเหมือนว่ายังต้องไปหาผู้ป่วยที่รักษายาก

แต่คำนวณไปคำนวณมาแล้ว ฉู่เนี่ยนซีพบว่ามีของอย่างหนึ่งที่จำกัดความสามารถของนางที่สุด นั่นก็คือเงิน

ฉู่เนี่ยนซีกอดแขนแล้วนั่งครุ่นคิดอยู่หน้ากระจกสักครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปถึงหน้าต่าง ยื่นหัวออกไปมองขึ้นไปบนหลังคา ถามด้วยเสียงเบาๆว่า"คืนนี้เป็นเวรของใคร?"

หยูเป่ยมุ่งออกมาทันที ไม่ได้ยินเสียงตกพื้นแม้แต่นิดเลย เขาพูดว่า"เจ้านาย วันนี้คือพี่ตงกับข้า หยูซีน่าจะกลับมาถึงตอนดึกๆพ่ะย่ะค่ะ"

ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้า ถามว่า"ชุดผู้ชายมีไหม?"

หยูเป่ยอึ้งไปเลย"เอาชุดผู้ชายไปทำอะไร?"

"แน่นอนว่าออกไปตอนกลางคืนสิ ยังทำอะไรได้อีก?"

ฉู่เนี่ยนซีบอกจะไปก็ไปทันที หันไปเป่าไฟจนดับ ยิ้มอย่างลึกซึ้งต่อหยูเป่ย"เจ้าบอกหยูตงหน่อยนึง ให้เขาเฝ้าเรือนนี้เอาไว้ อีกหนึ่งก้านธูป เจ้าพาข้าไปบ่อนพนันที่เจ้าไปบ่อยที่สุด"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี