พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 52

ฉู่เนี่ยนซีมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด แน่นอนว่าไม่ได้มีความหัวโบราณมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้คือสมัยโบราณ มิหนำซ้ำที่เผชิญหน้าอยู่ก็คือฮ่องเต้ ฉะนั้นเรื่องที่นางดึงกางเกงฮ่องเต้ขึ้นมานี้จึงค่อนข้างแปลกประหลาด

"มันคือการรักษา! หมอหลวงหลี่ก็เป็นหมอมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้ว่าคืออะไรอีกหรือ ป่วยก็ต้องหาหมอไม่ใช่หรือ? ในสายตาของแพทย์ผู้ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง มีเพียงคนไข้ ไม่มีชายหญิง"

ฉู่เนี่ยนซีไม่ได้หันหน้ากลับมา ใช้นิ่งกดที่ขาของฮ่องเต้ไปพลาง พูดลอยๆ ไปพลาง

คำพูดนี้ ทำให้หมอหลวงหลี่ต้องชะงักงัน เมื่อไตร่ตรองแล้ว ทันใดในสายตาก็ปรากฏความอับอายขายหน้าเล็กน้อย

หมอไม่เลือกคนไข้แน่นอนว่าเขารู้ดี แต่เขาที่อายุเท่านี้กลับไม่รู้ชัดเจนเท่าหญิงสาวคนหนึ่ง!

ในเวลานี้หมอหลวงหลี่ก็กลายเป็นเงียบไม่พูดจา แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสายตาเฝ้ามองการรักษาของนางอย่างประหลาดใจ

หลังจากฉู่เนี่ยนซีตรวจดูแล้ว ภายในใจก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

"ให้คนเข้ามาทำความสะอาดบริเวณที่เคยทายาให้ฝ่าบาทสักเล็กน้อย" นางลุกขึ้นยืน แล้วเป่าปาก ชัดเจนว่าค่อนข้างเหนื่อย

ขันทีที่อยู่ข้างๆ ได้รับการแสดงเจตนาของฮ่องเต้ จึงเรียกให้นางกำนัลไปยกน้ำมา

ด้วยการแสดงเจตนาของฮ่องเต้ ฉะนั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่ได้พูดอะไรอีก

เมื่อทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้ว ฉู่เนี่ยนซีจึงครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าเข็มออกมาจากในแขนเสื้อ และแทงลงไปตามระเบียบแบบแผนที่ได้ศึกษาเอาไว้

เมื่อหมอหลวงหลี่ที่อยู่ข้างๆ เห็นเทคนิคฝีมือที่ชำนาญของนางแล้ว ความรู้สึกดูถูกภายในใจนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เขาเป็นหมอมาหลายสิบปีแล้ว แต่กลับทำเทคนิคนี้เช่นนางไม่ได้

เมื่อเข็มแทงลงที่จุดแทงเข็มทั้งหมดแล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็ใช้ฝ่ามือเคลื่อนไหวที่ปลายของเข็มแต่ละเล่ม ตามการกระตุ้นของนาง ฮ่องเต้ก็รู้สึกสบายขึ้นในทุกครั้ง คล้ายกับว่ามีกระแสไออุ่นไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของร่างกาย รวมทั้งความเจ็บปวดบนร่างกายก็เบาไม่น้อย ซึ่งประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

"ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมจริงๆ!" ฮ่องเต้อดไม่ได้ที่จะชื่นชม คิ้วที่ขมวดแน่นค่อยๆ คลี่คลาย บนใบหน้าทั้งความประหลาดใจและความดีใจ

ฉู่เนี่ยนซีค่อนข้างเคยชิดกับสภาพการณ์ของคนไข้ ฉะนั้นจึงไม่มีการแสดงออกมากนัก แต่กลับกล่าวเบาๆ ว่า: "รูปแบบการรักษานี้สามารถปรับเส้นลมปราณทั้งสิบสองของเสด็จพ่อ และทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นเพคะ"

"ดี ดีมาก" บนใบหน้าอันเคร่งขรึมของฝ่าบาทแสดงรอยยิ้มที่ยากจะได้เห็น หลังจากนั้นก็กล่าวอีกว่า "ดูท่าสำนักหมอหลวงขนาดใหญ่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยหมอที่ไม่มีฝีมือ แม้แต่อาการบาดเจ็บที่เอวง่ายๆ เช่นนี้ก็รักษาไม่ได้"

"กระ......กระหม่อมไร้ความสามารถ ได้โปรดฝ่าบาทอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" หมอหลวงหลี่คุกเข่าลงกับพื้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

"เชอะ! ถ้าหากวันนี้ไม่ได้พระชายาหลี หัวของพวกเจ้าทุกคนในสำนักหมอหลวง คงจะไม่พอให้ข้าตัดเป็นแน่"

"พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมวิสัยทัศน์ไม่กว้างไกล ไม่คาดคิดว่าพระชายาหลีจะมีความสามารถเป็นเลิศเช่นนี้! กระหม่อมต้องขออภัยพระชายาหลีด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

หมอหลวงหลี่พูดพลาง คลานมาตรงหน้าฉู่เนี่ยนซี แล้วคำนับ เพื่อแสดงให้รู้ว่ากระทำผิดจริงๆ

พวกเขาคิดหาวิธีมาตลอดช่วงบ่าย ไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทบรรเทาอาการเจ็บปวดได้แม้แต่น้อย บัดนี้นางมีเข็มเพียงไม่กี่เข็ม ฝ่าบาทก็สามารถดีขึ้นแล้ว ความชำนาญทางการแพทย์เช่นนี้ มิน่าล่ะหมอเทวดาเฮ่อหลันถึงได้ยกย่อง

"หมอหลวงหลี่ลุกขึ้นเถิด เจ้าก็เป็นกังวลกับร่างกายของเสด็จพ่อเหมือนกัน เพียงแต่ความชำนาญทางการแพทย์ยังต้องศึกษาค้นคว้าให้มากจริงๆ"

ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ หมอหลวงหลี่จะต้องเอ่ยปากโต้แย้งอย่างแน่นอน แต่บัดนี้เขากลับรับฟังจากก้นบึ้งของหัวใจ กระทั่งพยักหน้าอย่างชื่นชม

เมื่อฮ่องเต้เห็นว่าเขาเป็นเช่นนี้ จึงขี้เกียจที่จะสนใจ แล้วกล่าวถามฉู่เนี่ยนซีด้วยท่าทีที่เป็นมิตรว่า "ยัยหนู เมื่อถอนเข็มออกแล้ว เอวของข้าก็จะหายแล้วใช่หรือไม่"

"ไม่ใช่เพคะ" ฉู่เนี่ยนซีพูดพลาง หลังจากเห็นสีหน้าที่งุนงงสงสัยของพวกเขาแล้ว จึงลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากอีกครั้งว่า "เอวของเสด็จพ่อไม่ได้มีปัญหามากนัก เพียงแต่อาจจะเป็นเส้นเอ็นยึดเท่านั้นเพคะ"

"เส้นเอ็นยึด? เช่นนั้นเพราะเหตุใดการรักษาตลอดช่วงบ่ายถึงไร้ประโยชน์ล่ะ!" พูดถึงอาการของโรค หมอหลวงหลี่ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ท่าทีในเวลานี้เหมือนกับนักเรียนถามคนเก่งเท่านั้น

"เพราะว่าเส้นเอ็นยึดไม่รุนแรง ด้วยระดับนี้ ก็สามารถรักษาให้หายได้ภายในไม่กี่ลมหายใจ โรคหลักที่สำคัญของฝ่าบาทอยู่ที่........ไต!"

ไต?

ทุกคนหายใจอย่างพร้อมเพรียงกัน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทันใดก็คุกเข่าลงบนพื้น

เห็นเพียงรอยยิ้มบนใบหน้าของฮ่องเต้ล้วนแข็งทื่อ เศร้าหมองหวาดกลัว

ชั่วพริบตาฉู่เนี่ยนซีรู้สึกค่อนข้างปวด นางกำลังลังเลใจว่าจะต้องพูดหรือไม่ แต่ในภายหลังก็ยังต้องใช้ยา จึงไม่อาจพูดไร้สาระเกี่ยวกับอาการของโรคได้ ถึงเวลานั้นจะไม่ถูกคนพบว่า นี่เป็นการลบหลู่เบื้องสูงหรอกหรือ

เพียงแต่ตอนนี้หากจะเผยแพร่ความรู้ทางแพทย์แผนปัจจุบันให้รู้โดยทั่วไป ก็จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก

"อาการป่วยทางด้านไตมีสาเหตุมากมาย อาการป่วยของเสด็จพ่อเรียกว่าไตอักเสบ โรคชนิดนี้มีสาเหตุของโรคมากมาย ตัวอย่างเช่นบาดแผลมีการหรือการติดเชื้อไวรัสบางชนิด หรืออาจเป็นผลข้างเคียงของยาบางชนิด หรืออาจจะเป็นประวัติอาการเจ็บป่วยของคนในวงศ์ตระกูล ซึ่งมีสาเหตุที่หลากหลาย โรคนี้ถ้าหากเสด็จพ่อให้ความร่วมมือในการรักษา ก็จะสามารถหายเป็นปกติได้โดยเร็วเพคะ"

ฉู่เนี่ยนซีใช้คำพูดที่พวกเขาสามารถฟังแล้วเข้าใจมาอธิบายอย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้มีสีหน้าผ่อนคลายลง นางก็ทอดถอนใจเบาๆ นี่ก็คงจะเข้าใจแล้ว

ถ้าหากถูกฮ่องเต้เข้าใจผิดว่านางบอกว่าเขาไตพร่อง เช่นนั้นคาดว่านางคงจะเห็นดีแน่

"อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง มิน่าล่ะเมื่อครู่นี้ที่พระชายาหลีกดบริเวณหลังด้านข้าง ฝ่าบาทจึงรู้สึกเจ็บปวด คิดๆ ดูแล้วก็คล้ายกับว่าเป็นตำแหน่งของไต" จู่ๆ หมอหลวงหลี่ก็เข้าใจขึ้นมา จึงกล่าวขึ้นมาในทันที

ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้า จากนั้นก็ให้ขันทีเตรียมกระดาษปากกา เขียนอะไรบางอย่าง แล้วส่งให้หมอหลวงหลี่

"ยาชุดนี้ใช้รับประทานวันละครั้ง และอีกชุดนี้ใช้อาบทุกคืนก่อนนอน"

ฉู่เนี่ยนซีพูดพลางนำกระดาษอีกแผ่นส่งให้ขันทีที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ "นี่คืออาหารที่ฝ่าบาทควรหลีกเลี่ยง กำชับสั่งห้องเครื่องด้วย ว่าห้ามลืมเด็ดขาด"

"พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยรับทราบ" หมอหลวงหลี่กับขันทีข้างกายฮ่องเต้รับปากตามๆ กัน

ฉู่เนี่ยนซีกำชับสั่งทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ประมาณาเวลาคร่าวๆ แล้ว จึงถอนเข็มออกอย่างว่องไว

ฉู่กุ้ยเฟยและฮองเฮาประคองฮ่องเต้ให้ลุกขึ้นนั่ง พิจารณาใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีที่เต็มไปด้วยความปีติยินดี ใบหน้าด้านขวาของนางยังคงมีร่องรอยฟกช้ำอยู่ส่วนใหญ่ แต่แสงสว่างในดวงตาและพลังที่อยู่รอบตัวของนาง กลับเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนมองข้ามใบหน้าของนางไปได้

คำเล่าลือว่านางเป็นคนหยาบคายอัปลักษณ์ ไร้พรสวรรค์ไร้คุณธรรม ฉะนั้นเขาจึงไม่เคยสนใจที่จะพบเจอนาง แต่บัดนี้เขาได้รู้แล้วว่าข่าวลือนั้นไม่จริง ตอนนี้นางทำให้เขานึกถึงใครบางคนอย่างอธิบายไม่ถูก

"ฝ่าบาท ซีเอ๋อร์ผู้นี้เก่งเป็นอย่างยิ่ง หม่อมฉันอดไม่ได้ที่จะชื่นชมนางเพคะ"

ฉู่กุ้ยเฟยเห็นสีหน้าท่าทางของฮ่องเต้แล้ว ภายในใจก็ปรากฏความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก หลังจากนั้นก็นำมือทั้งสองไปคว้าแขนของเขาเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างกระเง้ากระงอด

"ฮ่าๆ ดี ให้รางวัล!" ตอนนี้ฮ่องเต้รู้สึกว่าร่างกายไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่กลับกลายเป็นผ่อนคลายลงอย่างมาก ชั่วพริบตาจึงทำให้รู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง "ยัยหนู ว่ามา อยากให้ข้ามอบรางวัลอะไรแก่เจ้า!"

"ก่อนหน้านี้ซีเอ๋อร์ทำให้พระราชโองการต้องล่าช้า ไหนเลยซีเอ๋อร์จะกล้าขอของรางวัล เพียงแค่ฝ่าบาทได้โปรดอภัย ไม่ลงโทษก็เพียงพอแล้วเพคะ!" ฉู่เนี่ยนซีแสดงสีหน้าอย่างน่าเอ็นดู

เป็นเรื่องตลกแล้ว ไหนเลยนางจะกล้าขอของรางวัล ถึงเวลานั้นรางวัลก็คือรางวัล หากฮองเฮาออกมายั่วยุ แล้วเอ่ยถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เช่นนั้นก็จะไม่ต้องโดนลงโทษเหมือนเดิมหรือ!

"รางวัลแน่นอนว่าจะต้องให้ แต่การลงโทษก็จะต้องได้รับ!" ฮ่องเต้มีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ในดวงตากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวต่อไปว่า "ให้รางวัลเจ้าเป็นทองคำหนึ่งร้อยตำลึง เครื่องประดับศีรษะหนึ่งชุด ส่วนอ๋องหลีข้าเห็นว่าเจ้าไปได้เข้าสนามรบแล้ว จึงว่างและไม่มีอะไรทำ องครักษ์ตระกูลเย่เอาให้เจ้าสองจากมือเจ้าก็นานอยู่แล้ว พรุ่งนี้จะนำตำราพิชัยสงครามย้ายทหารเข้าดำรงตำแหน่ง เจ้าทั้งสองคนจัดการดูแลด้วยกัน ลดความว่างของเจ้าที่ไม่รู้ว่าตนเองแซ่อะไร"

ฝ่าบาทพูดคำนี้ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่แยแส แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ให้อำนาจทหารของเย่เฟยหลี

ชั่วพริบตา คาดไม่ถึงว่าฉู่เนี่ยนซีจะไม่แน่ใจทัศนคติของฮ่องเต้ที่มีต่อเย่เฟยหลีว่าสรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่?

ฉู่เนี่ยนซีคิดพลาง ได้ยินฮ่องเต้เอ่ยปากขึ้นอีกครั้งว่า "ส่วนการลงโทษนี้........"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี