พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี นิยาย บท 80

พี่น้องตระกูลหยูไว้วางใจฉู่เนี่ยนซี จนแทบจะฝังเข้าไปในกระดูก และเชื่อฟังคำสั่งของนางมาก

เพียงแค่เห็นหยูหนานไม่ลังเล และเหาะขึ้นไปทางช่องระบายอากาศ ไม่นานก็ลงมาบนพื้น พร้อมกับถุงผ้าในมือ

“นายท่าน” หยูหนานแบมือออก และมีถุงผ้าสีน้ำเงินใบหนึ่งอยู่บนฝ่ามือของเขา

กลิ่นหอมพิเศษออกมาจากถุงผ้า

ฉู่เนี่ยนซีสูดดมอย่างแรง และมุมปากของนางก็ยกขึ้นในทันที

ผลหยินหยาง!

กลิ่นนี้เป็นกลิ่นของผลหยินหยาง!

มิน่าเล่า เนื้อและเมล็ดของผลหยินหยางเป็นหยางจัดและเย็นจัดตามลำดับ

และหากเดาไม่ผิด พิษที่พวกเขาใช้จะต้องเป็นเมล็ดของผลหยินหยางนี้

หากกินเมล็ดของผลหยินหยางเข้าไป จะทำให้เกิดอันตรายต่อม้ามและกระเพาะอาหารอย่างแน่นอน และเป็นพิษอย่างรุนแรงกับผู้ที่ร่างกายเย็นอยู่แล้ว และมันยังมีผลอีกประการหนึ่งคือส่งเสริมการดูดซึมของยา

แต่เมื่อรวมกับเกสรดอกไม้โลกีย์ ให้ผลที่เป็นกลางพอดีและไม่ถึงกับทำลายราก

และหากดอกไม้โลกีย์มีผลทางยาก็ต้องกินถึงจะถูก หากอาศัยแค่การสูดดมเพียงอย่างเดียว เช่นนั้นประสิทธิภาพของยาจะน้อยกว่าหนึ่งในสิบ ดังนั้นคนผู้นี้จึงอาศัยเกสรผลหยินหยางเป็นตัวกลางในการทำให้พิษของดอกไม้โลกีย์เป็นพิษมากขึ้น

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนผู้นี้มีความเข้าใจเกี่ยวกับยาอย่างถ่องแท้ และสามารถวางยาพิษได้อย่างลึกลับ หากวันนี้เปลี่ยนเป็นยาที่มีพิษร้ายแรง เกรงว่า......ผลที่ตามมาจะเลวร้ายจนไม่กล้าคิด

เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นี้มีจุดประสงค์อะไร

“นายท่าน ดูเหมือนว่าในนี้จะมีอะไรบางอย่าง” หยูหนานตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็เปิดถุงผ้า

“เป็นข้อความสั้นๆ” ในขณะพูด หยูหนานก็ยื่นข้อความสั้นๆ ให้ฉู่เนี่ยนซี

‘ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะพบที่นี่จริงๆ! นับว่าเจ้าช่างสังเกต ผลขู่ซิ่งเมล็ดนี้มอบให้เจ้าเป็นรางวัล! ปลูกได้หรือไม่ได้ ก็เป็นความโชคดีของเจ้า!’

ฉู่เนี่ยนซีรับถุงผ้าและเปิดออก ลูกบอลสีน้ำตาลแดงโผล่ออกมาอย่างกะทันหัน

ผลขู่ซิ่ง ฉู่เนี่ยนซีเคยเห็นในหนังสือโบราณ กล่าวกันว่านั่นเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่บรรลุเต๋าเพราะเห็นว่าโลกเป็นทุกข์ ดังนั้นจึงตั้งใจเดินเท้าให้ทาน ระหว่างทางพบเห็นคนยากจนคนป่วย จึงใช้อายุขัยมาทำให้ความทุกข์ยากหมดสิ้นไป

ครั้นเมื่อพระภิกษุสงฆ์เดินเท้าไปๆ มาๆ แล้วก็นั่งลงบนพื้น กลายเป็นต้นผลขู่ซิ่ง หากคนที่ผ่านไปมามีโอกาสจะได้ผลจากต้นไม้นั้น ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น

แต่นี่เป็นเพียงเรื่องเล่า ว่ากันว่าไม่มีใครเคยเห็นมันจริงๆ

และนางไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมล็ดพันธุ์นี้จริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้เปลืองแรงเพื่อเล่นหมากกระดานนี้ คงไม่ใช่แค่ให้เมล็ดพันธุ์นี้กับนาง?

แต่สันนิษฐานว่าคนผู้นั้นจะต้องมาอีก นางไม่เชื่อว่าจะจับหางของเขาไม่ได้

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็มองดูเมล็ดพันธุ์ในมืออีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย หลังจากนั้นจึงโยนมันเข้าไปในช่องว่าง

ในตอนนี้การรักษาพวกเขา จึงจะเป็นเรื่องที่สมควร

“หยูตง ไปขตมังกรดำ เอาเนื้อผลหยินหยางไปต้มกับยาเมื่อครู่ แล้วให้พวกเขากิน” หลังจากพูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็มองไปที่หยูหนานอีกครั้ง “ช่วงนี้เจ้ากับหยูตงเฝ้าอยู่ที่นี่ ให้องครักษ์ของสำนักการแพทย์มีกำลังวังชาขึ้นมา และหากมีเหตุการณ์เล็กๆ น้อย ก็ให้แจ้งข้าในทันที!”

“ขอรับ!”

“ขอรับ!”

ทั้งสองตกลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่หยูหนานที่มักทำหน้าทะเล้นก็ยังดูจริงจัง

ฉู่เนี่ยนซีมองออกไปข้างนอก พระอาทิตย์ตกแล้ว และเวลากลางคืนก็มาถึง

เมื่อคิดว่าเย่เฟยหลียังบาดเจ็บอยู่ นางก็กำชับอีกสองสามคำ แล้วกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จวนอ๋อง

ในขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวเข้าไปในห้องนอนของเย่เฟยหลี นางก็ได้ยินเสียงการสนทนาดังมาจากข้างใน

“พี่สาม ข้าคิดว่าท่านถูกฉู่เนี่ยนซี หญิงอัปลักษณ์ผู้นั้น.....วางยา ถึงได้เป็นอย่างที่นางกล่าวมาโดยตลอด!”

“วันนี้ข้ายังเห็นพระชายารองซ่างกวนคุยกับกระต่ายที่ได้รับบาดเจ็บ และทำแผลให้มัน ฉู่เนี่ยนซีจะทำเช่นนี้ได้หรือ? นางคงจะบอกว่าเอามันไปย่างแล้วกิน!”

ฉู่เนี่ยนซีค่อยๆ ก้าวถอยหลัง และอดไม่ได้ที่จะลูบจมูก องค์ชายเจ็ดผู้นี้รู้จักนางเป็นอย่างดี นางจะเอามันไปย่างแล้วกินจริงๆ!

“ย่างแล้วอย่างไร? หากเป็นข้า ข้าก็จะเอาไปย่างแล้วกิน” เย่เฟยหลีดูเหมือนจะไม่เข้าใจประเด็นสำคัญของเขา และนอนอยู่บนเตียงครึ่งตัวด้วยสีหน้าที่ดุร้าย

เย่ฉงเซิ่งแทบจะหายใจไม่ออก ตบต้นขาและลุกขึ้นยืน

“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ข้าหมายความว่าพระชายารองซ่างกวนจิตใจดี และปฏิบัติต่อสัตว์ตัวเล็กๆ เช่นนั้น จะมีแผนการได้อย่างไร? พี่สาม ตอนนี้ท่านมีท่าทีต่อนางเช่นนี้ และยังให้นางเปลี่ยนคำเรียก ท่านได้ใหม่แล้วลืมเก่าเช่นนี้ จะไม่ทำให้คนเสียใจหรือ?”

“ข้าไม่เคยชอบนาง จะได้ใหม่แล้วลืมเก่าได้อย่างไร และหากนางไม่มีแผนการ นางจะรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?” เย่เฟยหลีมองเขาอย่างไม่กะพริบตา ราวกับว่ากำลังรอคำตอบจากเขา

มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเย่ฉงเซิ่ง แต่เร็วมากจนไม่สามารถคว้าไว้ได้ จึงทำได้เพียงโต้แย้งอย่างแข็งกร้าว “แน่นอนว่าเป็นเรื่องบังเอิญ! ก่อนหน้านี้พี่สามชอบนางมากไม่ใช่หรือ? แม้ว่าฐานะของนางจะไม่สูงส่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือรูปลักษณ์ล้วนเป็นเลิศ มีเพียงหญิงประเภทนี้เท่านั้นที่จะสามารถยืนเคียงข้างท่านได้! ฉู่เนี่ยนซี หญิงชั่วร้ายและอัปลักษณ์ผู้นั้นจะคู่ควรได้อย่างไร?”

“ข้าคิดว่าคงจะดีหากกล่องเสียงของเจ้าไม่สามารถพูดได้ตลอดชีวิต! จำเอาไว้! ฉู่เนี่ยนซีเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้า! ต่อไปหากกล่าวเช่นนี้อีก ข้าจะทำให้เจ้าเป็นใบ้อย่างแน่นอน”

เย่เฟยหลีสีหน้าเย็นชา แม้ว่าจะยังดูเกียจคร้าน แต่กลิ่นอายรอบตัวเขาเปรียบดั่งกองกำลังนับพันที่มาสนับสนุนเขา ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าใกล้หรือโต้แย้งได้

เย่ฉงเซิ่งมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะปกป้องฉู่เนี่ยนซี แต่ก็ไม่ชัดเจนเช่นนี้

เขาต้องการจะวางยาพิษให้เขาเป็นใบ้เพื่อฉู่เนี่ยนซี?

เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขาเลยนะ!

ต้องเป็นฉู่เนี่ยนซีที่ทำเสน่ห์ จนทำให้เขาลุ่มหลงอย่างแน่นอน

ไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วต้องทำให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฉู่เนี่ยนซี!

แต่ตอนนี้......เย่ฉงเซิ่งเหลือบมองไปที่เย่เฟยหลีอีกครั้ง และสั่นสะท้านไปทั้งตัวในทันที

จะยั่วโมโหตอนนี้ไม่ได้ เขาถูกพิษลึกเกินไป หากยังพูดต่อไป บางทีเขาอาจจะทำให้เขาเป็นใบ้

และฉู่เนี่ยนซีที่ยืนอยู่นอกประตู เมื่อได้ยินที่เย่เฟยหลีพูด นางก็ดูเหลือเชื่อเช่นกัน

เย่เฟยหลีกำลังปกป้องนางหรือ?

หรือเพียงแค่ไม่ต้องการให้เย่ฉงเซิ่งถูกภาพลักษณ์จอมปลอมของพระชายารองซ่างกวนหลอก จึงจงใจพูดอย่างเฉียบขาด?

ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย!

ถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วทั้งสองคนก็ต้องถือหนังสือหย่า ไม่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ตอนนี้คิดมากไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร

เมื่อคิดเช่นนี้ ฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยและเดินเข้าไป

“คราวก่อนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ทุกครั้งล้วนเป็นเช่นนี้ หากท่านยังคิดว่าเขาแค่บังเอิญ เช่นนั้นสมองของท่าน......เกรงว่าจะไม่เหมาะกับการอยู่บนโลกนี้!”

ฉู่เนี่ยนซีเดินไปพลางพูดไปพลาง ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่ฉงเซิ่ง และมองเขาด้วยสีหน้านิ่งสงบ

เมื่อได้ยินคำพูดถากถางของนาง เย่ฉงเซิ่งก็โกรธมากยิ่งขึ้น “เจ้าหญิงอัปลักษณ์ สมองของเจ้านั่นแหละที่ไม่เหมาะกับการอยู่บนโลกนี้!”

“แม้แต่คำพูดก็เลียนแบบข้า หากไม่ไร้สมองแล้วจะอะไร? อีกอย่าง ท่านสิอัปลักษณ์!” ฉู่เนี่ยนซียั่วเย้า ในขณะพูด นางก็ชี้ไปที่เย่เฟยหลีและกล่าวว่า “ไม่เชื่อท่านก็ถามเขาดูสิว่าข้างดงามหรือท่านงดงาม!”

ฉู่เนี่ยนซีพูดจบก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง นางถามอะไรออกไป! ใบหน้าของตนเองในตอนนี้ ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำว่าอัปลักษณ์เพียงคำเดียว!

“แน่นอนว่าเจ้างดงาม!” เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากริมฝีปากบางอันเซ็กซี่ของเย่เฟยหลี ทำให้ทั้งสองคนตกตะลึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี