“เช่นนั้นเจ้าก็เรียกให้ผู้ที่มอบปิ่นปักผมให้เจ้าออกมาเป็นพยานให้เจ้าสิ” เจี่ยงเส้าหยุนกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่คิดว่านางไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่จะพูดได้เต็มปากเต็มคำ
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น และยิ่งไม่รู้ตัวตนของนาง แต่คนผู้นั้นชื่อหลิงเอ๋อร์!”
“หลิงเอ๋อร์?” เจี่ยงเส้าหยุนคิดในใจ ทันใดนั้นก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ และตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าพูดเหลวไหล จู่ๆ องค์หญิงใหญ่จะมอบปิ่นปักผมให้แก่เจ้าได้อย่างไร”
เมื่อทุกคนได้ยินก็รู้สึกว่าน่าขบขัน และพากันเห็นด้วย!
“ชื่อขององค์หญิงชังเล่อคือเย่หลิงเอ๋อร์ พระชายาหลีหมายความว่าองค์หญิงใหญ่มอบปิ่นปักผมให้นางด้วยตนเองหรือ?”
“เป็นไปได้อย่างไร องค์หญิงองค์ใหญ่สูงศักดิ์ พระองค์ทรงเป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียวของฮ่องเต้องค์ก่อน เป็นพระธิดาองค์สุดท้อง และเป็นน้องสาวของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน จะมอบปิ่นปักผมล้ำค่าเช่นนี้ให้คนแปลกหน้าได้อย่างไร!”
“ข้าคิดว่าเป็นเพระชายาหลีที่จงใจหาข้อแก้ตัวที่!”
ทุกคนต่างก็ข้าพูดคำเจ้าพูดคำ และเจี่ยงเส้าหยุนก็มองดูด้วยความภาคภูมิใจ
พระชาลาลี่ที่อยู่ข้างๆ กวาดสายมองไปที่ฉู่เนี่ยนซีอย่างไม่แยแส เดิมทีกำลังจะตั้งคำถามกับคำพูดที่น่าอัปยศอดสู แต่ก็กลืนมันกลับเข้าไป และอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
“ดูจากท่าทางของพระชายาหลีแล้ว ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้โกหก บางทีองค์หญิงใหญ่อาจจะมอบให้จริงๆ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงเส้าหยุนก็ไม่พอใจในทันที “พระชายาลี่หมายความว่าองค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์ ทำไมถึง......”
ในขณะพูดนางเหลือบมองไปที่ใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีอย่างดูถูกเหยียดหยาม และกล่าวต่อด้วยท่าทางเมินเฉย “ทำไมถึงจะรู้จักกับคนเช่นนาง”
“สำหรับนางที่พูดอย่างเฉยเมย ข้าว่าแปดส่วนต้องรู้ว่าองค์หญิงชังเล่อพระวรกายอ่อนแอ และไม่เคยออกไปไหน และไม่ชอบให้ใครไปที่ตำหนัก ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกลัว”
สิ่งที่เจี่ยงเส้าหยุนพูดทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามีเหตุผล ดังนั้นการใส่ร้ายฉู่เนี่ยนซีรอบใหม่จึงเริ่มขึ้น
ไทเฮามองไปที่ฉู่เนี่ยนซีในฝูงชน และเห็นนางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่สะทกสะท้านตั้งแต่ต้นจนจบ ใบหน้าไม่แสดงออกใดๆ แต่ถึงอย่างนั้น ผู้คนก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ดูเหมือนว่านิสัยและความเฉยเมยเช่นนี้จะมีมาตั้งแต่เกิด
แต่......ไทเฮามองไปที่ปิ่นปักผมบนศีรษะของฉู่เนี่ยนซี และรู้สึกงงงวยมากขึ้น
แม้ว่าหลิงเอ๋อร์ผู้นั้นจะไม่ใช่ผู้ที่นางให้กำเนิดด้วยตนเอง แต่ก็เห็นนางมาตั้งแต่เด็กจนโต และคิดว่าเป็นผู้ให้กำเนิดด้วยตนเองมาตั้งนานแล้ว รู้ว่านางชอบอะไรมาก และนิสัยใจคออย่างไร ไม่มีทางที่จะเข้าใกล้คนแปลกหน้าในทันที
“ข้าสายตาไม่ดี ปิ่นปักผมของหลิงเอ๋อร์ข้าก็จำได้ เข้ามาใกล้ๆ ให้ข้าดูหน่อย”
ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่ไทเฮาด้วยสายตาที่สงบ จากนั้นค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า และถอดปิ่นปักผมออกมา
ไทเฮาหยิบปิ่นปักผม ตรวจสอบดู แล้วขมวดคิ้ว “เป็นปิ่นปักผมของหลิงเอ๋อร์จริง ๆ บนนี้ยังสลักคำว่าหลิงด้วย ในพิธีปักปิ่น ฝ่าบาททรงให้คนทำขึ้นสำหรับนาง”
ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง พิธีปักปิ่น? หญิงผู้นั้นรูปโฉมงดงาม คล่องแคล่วว่องไว เป็นองค์หญิงใหญ่จริงๆ หรือ?
แต่พวกเขาบอกว่าองค์หญิงใหญ่ชอบความเงียบสงบ และไม่ออกไปไหนตลอดทั้งปีไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมวันนั้นนางถึงไปอยู่ที่หน้าประตูสำนักหมอหลวง แถมยังอยู่บนต้นไม้? ดูไม่เหมือนคนที่ร่างกายอ่อนแอ อ่อนโยนและสุขุม
ด้านข้าง เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงเส้าหยุนก็ดีใจในทันที และหันไปมองฉู่เนี่ยนซี “ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก ปิ่นปักผมนี้เป็นขององค์หญิงใหญ่”
เจี่ยงเส้าหยุนพูดจบ นางก็มองไปที่ไทเฮาด้วยท่าทางที่ยืนหยัดในความถูกต้อง “เสด็จย่า พระชายาหลีขโมยปิ่นปักผมขององค์หญิงใหญ่ ควรจะลากตัวขโมยออกไปลงโทษ!”
“ใช่เพคะ พระชายาหลีบังอาจเกินไปแล้ว นางเอาสิ่งของที่ได้มาโดยไม่ชอบมาปักไว้บนศีรษะ ช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคนงาม อย่าคิดหนี
Please Update for your lovely fan club...
ขอร้องทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้ทางทีมงามอัพเดททุกวันเลยค่ะ😭...
แอดช่วยอัพต่อให้ด้วยนะคะ...
ทีมงานสู้ๆๆๆๆ จะติดตามต่อไป...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ใจจดใจจ่อรออ่านอยู่ค่ะ...
รอๆๆๆค่ะ เมื่อไรจะอัพให้...
อยู่ๆก็อัพอ่ะแอด 😓...
114 รบกวนอัพเดตต่อให้ด้วยค่ะ รออ่านต่อนะคะ...
ลงตอนเดียวเองหรอค่ะ...