เข้าสู่ระบบผ่าน

ภรรยานำโชคสุดที่รัก นิยาย บท 4

แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น ทว่าหลานสะใภ้ถูกนินทาลับหลังก็ยังโมโหอยู่ดี

“นังหนูจิ่นจะเป็นตัวซวยได้อย่างไร? นางเพิ่งเข้ามาในบ้านก็เจอห่านป่าตัวใหญ่หนักสิบกว่ากิโล ตัวอ้วนสมบูรณ์มาก พอให้ครอบครัวมีเนื้อกินได้หลายวันเลย นี่ตัวนำโชคชัดๆ”

เมื่อได้ยินผู้เฒ่าฉินเอ่ยเช่นนั้น ทุกคนก็หันไปมองที่มุมห้อง แล้วก็เห็นว่ามีห่านป่าตัวอ้วนใหญ่อยู่ในตะกร้าสาน แถมยังเป็นตัวเป็นๆ อยู่เลยด้วย

นี่มันของดีเลยนะ แม้แต่นายพรานในหมู่บ้านง้างธนูยิง ยังไม่มีปัญญายิงโดนห่านตัวอ้วนเช่นนี้เลย

หวังเฟิ่งอิงเอ่ยด้วยแววตาเป็นประกายว่า “ภรรยาของอาซิวเก็บได้จริงๆ หรือ”

“มิเช่นนั้นเล่า? หรือว่าเจ้าเป็นคนล่ามาเอง?” ผู้เฒ่าฉินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

ผู้เฒ่าฉินบังคับให้จ้าวจิ่นเอ๋อร์ทานข้าวต้มที่ทำให้มีลูกเร็วๆ ให้หมด จากนั้นเอาถ้วยที่เหลือพร้อมใส่หมั่นโถวให้นางเพิ่มอีก “ยกไปให้อาซิวด้วย”

หวังเฟิ่งอิงมองตาขวางและแอบด่าในใจว่าแม่สามีลำเอียง ทว่าติดก็แต่มีห่านอยู่ในตะกร้าสาน จึงไม่กล้าเอ่ยออกมา

นางฉวยโอกาสขณะที่คนอื่นไม่ทันสังเกต แอบตักเอาแกงเกอต่าข้นๆ หนึ่งถ้วยและหมั่นโถวอีกสองชิ้นไปส่งที่ห้องของฉินเจินจู

ผู้เฒ่าฉินเห็นเข้า แต่ปล่อยผ่านเหมือนไม่เห็นอะไร

จ้าวจิ่นเอ๋อร์กลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่าฉินมู่ซิวยังคงนอนเอนอยู่บนเตียง แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

“ในครัวทะเลาะอันใดกันหรือ?” ฉินมู่ซิวเอ่ยถาม

จ้าวจิ่นเอ๋อร์ไม่ใช่คนชอบนินทาคนอื่นลับหลังจึงรีบส่ายหัว “ไม่มี ไม่มี”

เมื่อเห็นดวงตาของนางแดงเล็กน้อย ฉินมู่ซิวถอนหายใจเบาๆ “ต่อไปนี้หากเจินจูกล่าวอันใด เจ้าก็แค่ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาก็พอแล้ว นางยังเด็กและไม่รู้เรื่อง อีกอย่างก็ไม่ได้ตั้งใจ”

หัวใจของจ้าวจิ่นเอ๋อร์พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันใด แต่ก่อนตอนอยู่บ้าน อาสะใภ้ของนางมักจะตบตีและด่าทอนาง ไม่มีใครเอ่ยปลอบใจนางแม้แต่คำเดียว แม้จะถูกตีแล้วก็ยังต้องทำงานต่ออยู่ดี

อยู่ที่นี่ แม้ว่าน้องสามีจะใจร้ายอยู่บ้าง แต่ท่านย่าก็ยุติธรรม สามีก็ปลอบใจนาง ยังจะมีอันใดให้บ่นอีก?

เมื่อคิดเช่นนั้น มุมปากของนางก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “ข้าวต้มใกล้จะเย็นแล้ว เดี๋ยวข้าจะป้อนนะ”

ฉินมู่ซิวไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ นางจึงยิ้ม เพียงแต่รู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ เวลายิ้มแล้วกลับมีความงดงามที่บอกไม่ถูก

เขาสงบจิตสงบใจ และพยายามลุกขึ้นพลางเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ไร้ประโยชน์ถึงขั้นนั้น เจ้าช่วยประคองข้าไปนั่งทานที่โต๊ะเล็กหน่อย”

เดิมจ้าวจิ่นเอ๋อร์ตั้งใจจะบอกให้เขากินบนเตียง แต่พอนึกได้ว่าบุรุษล้วนชอบรักษาหน้าตัวเอง เลยเงียบไป แล้วก็ยื่นไหล่ให้เขาพยุงตัว

ฉินมู่ซิวตอบว่า “วันๆ ข้านอนอยู่เฉยๆ ไม่ทำงาน ใช้แรงน้อย ก็เลยกินน้อยเป็นธรรมดา กินมากเกินไปกลับไม่ย่อย หมั่นโถวลูกหนึ่งก็พอแล้ว แต่เจ้าทั้งตัวเล็กและผอมแห้ง ยังต้องเติบโตอีก เจ้าควรกินให้มากกว่านี้”

จ้าวจิ่นเอ๋อร์คิดว่าเขาไม่ชอบกินของหวานจริงๆ เอียงหน้าครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “เช่นนั้น เจ้ากินครึ่งหนึ่ง แล้วข้าจะกินส่วนที่เหลือดีหรือไม่? หากไม่กินอะไรเลย ร่างกายจะฟื้นตัวได้อย่างไร?”

ฉินมู่ซิวมองดูท่าทางจริงจังของนาง ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ก็ได้”

หลังจากที่นางดูแลฉินมู่ซิวกินเสร็จแล้ว ก็นำถ้วยกับตะเกียบกลับไปที่ห้องครัว พอมาถึงก็พบว่าทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว

มีเพียงผู้เฒ่าฉินกำลังขัดหม้ออยู่ จ้าวจิ่นเอ๋อร์จึงรีบรับหม้อมาขัด “ท่านย่า ท่านพักผ่อนเถอะ ท่านทำอาหารเช้าแล้ว ให้ข้าขัดหม้อเอง”

เมื่อเห็นหลานสะใภ้ขยันขันแข็งและซื่อสัตย์ ผู้เฒ่าฉินก็ยิ้มจนตาหยี “ลุงใหญ่พาพี่ใหญ่ของเจ้าไปทำงานในไร่นาแล้ว ในบ้านไม่มีผู้ชาย เจ้าสามารถเดินดูได้ตามสบาย”

“ท่านป้าและพี่สะใภ้ใหญ่ไปที่ใดแล้วล่ะ” จ้าวจิ่นเอ๋อร์ถามขณะขัดหม้อ

บ้านหลังนี้มีไม่กี่ห้องมองแวบเดียวก็เห็นหมดแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เวลาดูทั้งวัน

ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลจ้าว เพราะอาขาหัก อาสะใภ้ก็ขี้เกียจ ในบ้านจึงไม่มีคนช่วยงาน งานส่วนใหญ่นางเลยต้องทำเอง พอมาอยู่ที่นี่ นางก็ไม่นิ่งดูดาย

“ขึ้นเขาไปหาของป่า” ช่วงเดือนแปดเดือนสิบเป็นช่วงที่ขาดแคลน ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านจะขึ้นเขาไปหาของป่ามาเสริม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคสุดที่รัก