ทำยังไงดี แล้วเขาจะคิดว่าเราเป็นผู้หญิงแบบไหน ..ถ้าไม่เพราะถูกขู่เรื่องแม่ แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีตอนนี้เลย
"ยังจะอยู่อีก เห็นไหมลูกแม่นั่นไปนู่นแล้ว" ผกาแก้วหมายถึงลูกสาวของกรองแก้ว ทั้งสองเคยชิงรักหักสวาทกันมาตั้งแต่สมัยเป็นสาวแล้ว แต่คนที่ชนะก็คือผกาแก้วอีกนั่นแหละ เพราะนางได้พลโทพงศธรมาครอง ถึงแม้จะได้มาแค่ตัวนางก็ไม่แคร์
เท้าเรียวที่อยู่บนรองเท้าส้นสูงราคาแพง ได้ก้าวเดินตรงไปข้างหน้า เพื่อให้ถึงผู้ชายคนนั้นก่อนผู้หญิงอีกคน
"สวัสดีค่ะ"
ชายหนุ่มที่กำลังยืนจิบไวน์อยู่มุมหนึ่งของงาน หันมามองเมื่อได้ยินเสียงทักทาย
สายตาเขามองดูผู้หญิงสองคนพร้อมกัน ไม่แน่ใจว่าเมื่อสักครู่ใครเป็นคนทัก
"เห็นว่าคุณยืนอยู่คนเดียว ก็เลยอยากมาเป็นเพื่อนคุยค่ะ"
"ผมเหรอครับ" เขาเข้าไปคุยกับพ่อแล้วก็ขอตัวออกมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะรามสูรไม่ค่อยชอบเจรจากับคนมีอายุเท่าไร
"ดิฉันชื่ออลิสค่ะ" ผู้หญิงหนึ่งในสองรีบชิงแนะนำตัวก่อน
"ครับ" ตอบแค่นี้แล้วชายหนุ่มก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง สายตาคมมองไปดูผู้หญิงอีกคน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
นี่อะไรกันเขาจำเราไม่ได้เหรอ? ที่สโรชาคิดว่ารามสูรจำไม่ได้ เพราะถ้าจำได้สายตาเขาต้องหยุดอยู่ที่เธอบ้างสิ แต่นี่ไวน์ในแก้วนั้นยังสำคัญกว่าเธออีก
"คุณรามสูรไม่ค่อยมาร่วมงานใช่ไหมคะ อลิสมาทีไรไม่เคยเจอ"
"ผมไม่ชอบงานพวกนี้"
"เหมือนอลิสเลยค่ะ" รีบตอบออกไปแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้คำตอบเลย
"คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ" รามสูรเห็นว่าผู้หญิงอีกคนทำแค่ยืนมอง แต่ก็ไม่เห็นพูดอะไรก็เลยถามดู
"??" เรามายืนทำอะไรตรงนี้ สโรชาค่อยๆ หันมองกลับไปดูคนที่กุมชะตาชีวิตของเธออยู่ พอเห็นสายตานั้นหญิงสาวก็รีบหันกลับมา "ใกล้จะเปิดฟลอร์แล้วค่ะ ฉันอยากจะมาชวนคุณไปเต้นรำ"
"อะไรนะ?" เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกันทั้งหญิงและชาย นั่นก็คือเสียงรามสูรและอลิส ที่ทั้งสองแปลกใจ เพราะดูเหมือนสโรชาไม่มีความเป็นกุลสตรีเลย มีที่ไหนเดินเข้ามาชวนผู้ชายออกไปเต้นรำ
"ไปกันค่ะ" ถ้ามีแค่ชีวิตของเธอมีเหรอที่จะทำแบบนี้ แต่นี่ยังมีชีวิตแม่ที่นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอีกคน มือเรียวเอื้อมไปคว้ามือของชายร่างสูงให้เดินตามมาที่ฟลอร์
"ลูกสาวผมเองครับ คืนก่อนยังไปเที่ยวกับตารามอยู่เลย" ผู้เป็นพ่อที่นั่งรวมกลุ่มอยู่กับท่านพลเอกพ่อของรามสูรเริ่มได้หน้า เมื่อเห็นว่าฝ่ายชายเลือกลูกสาวตัวเองออกมาเต้นรำด้วย ถึงแม้ดูเหมือนว่าฝ่ายลูกสาวจะเป็นคนเดินนำหน้าก็ตามที
ที่จริงยังไม่ถึงเวลาเปิดฟอร์เลย แต่พอทั้งสองออกไปยืนดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้น
ผกาแก้วยิ้มเยาะอีกฝ่ายแบบผู้ชนะ
"คุณช่วยก้าวขาหน่อยสิ" ธรรมดาฝ่ายชายต้องเป็นคนเต้นนำ แต่นี่กลับเป็นเธอ แถมอีกฝ่ายไม่ค่อยอยากก้าวเท้าด้วย
"คุณคงถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจมากเลยสินะ"
"ฉันขอเต้นรำกับคุณแค่เพลงเดียว ช่วยให้ความร่วมมือหน่อย"
"แล้วคุณจะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าอยากเต้นกับคุณไหม"
"ถึงไม่อยากก็ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ โอ้ย" จังหวะที่ก้าวขาไปแต่อีกฝ่ายไม่ก้าวตามเกือบทำให้เธอสะดุดล้ม แต่โชคดีที่เกาะแขนเขาไว้ได้ทัน
"ที่รักคะ" เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกับเท้าเรียวที่ก้าวเดินตามมาติดๆ จนคนที่เธอเรียกหยุดแล้วค่อยๆ หันกลับมามอง "ฉันขอโทษก็ได้ รันเวย์เป็นแค่เพื่อนจริงๆ" ขอโทษด้วยนะรันเวย์ ไม่รู้ว่าจะเรียกคืนศักดิ์ศรีตัวเองยังไงแล้ว ก็เลยแกล้งเล่นละครไปว่าเขาหึงหวงที่เห็นเธอยืนคุยกับรันเวย์ตอนเข้ามาในงาน
"??" ชายหนุ่มหันไปมองดูโต๊ะที่มีพ่อนั่งอยู่ พวกท่านกำลังมองมาเช่นกัน
"ต่อจากนี้ฉันไม่คุยกับผู้ชายคนอื่นแล้วก็ได้ค่ะ อย่างอนเลยนะคะ"
"คุณพูดอะไรอยู่" ชายหนุ่มหันมาพูดเบาๆ กับผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้แทบตัวติดกัน
"ขอบคุณนะคะที่หยุดแล้วหันมา" ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เขย่งเท้าขึ้นไปแนบริมฝีปากจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว
"อุ๊ย?!" หลายคนในงานต่างก็อุทานออกมาพร้อมกัน ใครที่มีโทรศัพท์ก็รีบหยิบออกมาเก็บภาพนั้นไว้ เพราะถ้าขายภาพให้นักข่าวคงได้หลายตังค์อยู่
"สงสัยว่า เราคงต้องได้ดองกันแล้วล่ะครับ" กลุ่มผู้ใหญ่ทางพ่อคุยกันเรื่องนี้บ้าง
ส่วนท่านพลเอกไม่ได้ติดอะไร ได้ดองกับพลโทยังดีกว่าดองกับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า
"ทำอะไรไม่งามเลยนะลูก" คนเป็นแม่รีบเดินเข้าไปตำหนิลูกสาว แต่ในใจยิ้มเยาะผู้หญิงอีกหลายคน ที่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของลูกสาวนาง
"ขอโทษค่ะ" หญิงสาวถอยออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาของเขาแบบไม่พอใจเอามากๆ "คุณแม่คะ โรสขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"รอกลับพร้อมกันสิ"
แต่เธอไม่ฟังคำนั้นแล้ว สโรชารีบเดินออกมาจากงาน เพราะเธอมีเรื่องต้องทำอีกหลายอย่าง และไม่กล้าแบกหน้ายืนอยู่ตรงนั้นด้วย
แต่หญิงสาวไม่ได้สังเกตว่าผู้ชายคนที่เธอแย่งจุมพิตมาเมื่อสักครู่ กำลังตามออกมา..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยาที่(ไม่)รัก