ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 140

“เอาตามที่ยายสบายใจเลย แต่ผมจะพาไปหายี่หวาก็ต่อเมื่อยายบอกมาก่อนว่าทำไมถึงได้มีท่าทีต่อยี่หวาเปลี่ยนไป” พีรพัฒน์พูดออกมาอย่างเด็ดขาด เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดหลายปี ว่าทำไมยายของเขาต้องเกลียดยี่หวาด้วย

ทั้งที่เธอก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเลย แถมเธอเพิ่งจะรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองมีครอบครัวคนอื่นนอกจากพ่อที่ไม่เอาไหนคนนั้นด้วย

“งั้นไม่ไปก็ได้!”

“งั้นผมไปหายี่หวาก่อนแล้วกัน ยายอยู่คนเดียวไปก่อนนะ อีกเดี๋ยวสตอร์มก็คงมาเยี่ยมยายแล้ว”

สุดท้ายพริมโรสก็ยอมแพ้ให้กับมาตรการขั้นเด็ดขาดของหลานชาย “พูดก็ได้”

“ผมรอฟังอยู่”

“ใครสั่งใครสอนให้หลานเป็นคนแบบนี้กัน…” พริมโรสบ่นออกมาอุบอิบ ก่อนจะถอนหายใจ “ก็หลานเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเลือดที่ยายได้มาเป็นเลือดที่ผู้ชายคนหนึ่งสำรองไว้ให้ยี่หวา เพราะงั้นก็แปลว่าที่ยายรอดมาได้ก็เพราะเธอแถมเกือบทำให้เธอต้องตายอีก”

“ผมขอเปลี่ยนคำถาม” ดูเหมือนว่าเขาจะถามคำถามผิด เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่ายายเขาเกลียดยี่หวาเพราะอะไร “ผมจะถามว่าทำไมที่ผ่านมายายต้องเกลียดยี่หวาด้วย”

“ไม่ต้องเลย ยายตอบคำถามหลานไปแล้ว เพราะงั้นก็พายายไปหาเธอได้ล่ะ”

“ไม่ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไปหายี่หวาคนเดียวแล้วกัน”

เมื่อพริมโรสเห็นว่าพีรพัฒน์กำลังจะเดินออกไปจากห้องก็รีบตะโกนขึ้นมา “เพราะแม่ของหลานตายหลังจากที่คลอดเธอ!” พอพูดถึงจุดนี้เสียงพริมโรสก็ดูอ่อนลงทันที “เป็นเพราะเธอทำให้ตันหยงต้องตาย”

“เพราะแม่ครรภ์เป็นพิษไม่ใช่หรือไงครับ ยี่หวาไม่ได้เป็นคนทำให้แม่ตายสักหน่อย อย่าบอกนะครับว่ายายไม่รู้เรื่องนี้”

“ยายรู้ แต่ลูกสาวเพียงคนเดียวของยายตายหลังจากที่คลอดเธอเลยนะ จะไม่ให้ยายเกลียดเธอได้ยังไง” เธอเองก็รู้ว่ามันโคตรจะตลกเลยที่ไปเกลียดเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไร แต่วินาทีที่เธอตั้งใจจะเอาตัวยี่หวาไปเหมือนกับพีรพัฒน์ก็ดันมารู้ข่าวร้ายว่าตันหยงตายแล้ว

ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจให้เด็กคนนั้นอยู่กับพ่อเลวๆ ไป และเธอเองก็ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีก แต่พอวันนี้มารู้ว่าเด็กคนนั้นเกือบจะตายเพราะเธอ ความรู้สึกผิดต่อตันหยงที่เคยปล่อยให้เด็กคนนั้นอยู่กับคนเลวๆ แล้วยังปล่อยให้ใช้ชีวิตเองในโลกโหดร้ายก็พรั่งพรูออกมา

อันที่จริงก่อนหน้านี้เธอเคยเข้าใจผิดว่ายี่หวากรุ๊ปเลือดบวก ก็เลยทำให้ตันหยงต้องตายเพราะเกิดภาวะเลือดแม่และเลือดลูกไม่เข้ากัน แต่เธอก็เพิ่งมาหาข้อมูลเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ว่าถ้าลูกกรุ๊ปเลือดเป็นบวก คนที่มีสิทธิ์ตายก็จะต้องเป็นคนลูกเองไม่ใช่คนแม่…ซึ่งเรื่องนี้เธอจะไม่พูดออกมาเด็ดขาด เพราะมันคงจะดูตลกมากกว่าที่เธอเกลียดเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ส่วนอีกเหตุผลที่ทำให้เธอรู้สึกผิด ก็เพราะว่าวันนี้เธอเองก็เกือบตายเหมือนกัน เนื่องจากเธอเป็นโรคฮีโมฟีเลีย* ดังนั้นเลือดกรุ๊ป O Rh- ส่วนใหญ่ในเมืองนี้ต่างก็นำมารักษาเธอทั้งหมด คิดไม่ถึงเลยว่ายี่หวาเองก็จะมาเกิดอุบัติเหตุวันนี้เหมือนกันแถมยังเลือดเหมือนเธอด้วย

“เหตุผลฟังไม่ขึ้น แต่ช่างเถอะ…ในเมื่อยายไม่เกลียดยี่หวาแล้วจริงๆ ผมก็ดีใจ” เขายอมที่จะเป็นโรคประสาทกับคนแก่ ถ้ามันจะทำให้ยี่หวามีความสุข “แต่ยายอย่าลืมว่าตัวเองเพิ่งตกบันไดมา ถ้าเกิดแผลฉีกอีกแล้วเลือดไหลอีก คราวนี้คงไม่มีเลือดสำรองมาให้ยายตอนนี้แน่ เพราะงั้นยายก็ควรที่จะนอนอยู่ที่ห้องเฉยๆ นะครับ ผมไปล่ะ”

พริมโรสแทบอยากจะตะโกนด่าหลานชายของตัวเองตอนนี้เลย แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเขาออกจากห้องไปแล้ว นี่เขาหลอกให้เธอพูดออกมาอย่างนั้นเหรอ เจ้าหลานคนนี้! แสบนักนะ!

แต่ทันทีที่พีรพัฒน์เดินมาถึงห้องพักผู้ป่วยของยี่หวา ก็แทบอยากจะหันหลังกลับทันที ทำไมโลกถึงต้องรังแกเขาให้มีครอบครัวหลังน้องสาวของตัวเองด้วย แถมยังให้เขามาเห็นภาพบาดตาตรงหน้านี้อีก

“อ่าว! พี่พีชมาแล้วเหรอคะ เข้ามาก่อนค่ะ” ยี่หวาที่เห็นพีรพัฒน์ยืนนิ่งอยู่จึงหันไปเรียก ส่วนมือของเธอก็ลูบหัวเรนจิที่กำลังหลับบนตักเธออยู่บนเตียงไปด้วย โดยมีวายุนั่งทำงานอยู่ด้านข้าง

“เราไม่เป็นไรแล้วเหรอ เพิ่งประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บมาเองนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่มีแผลที่หลังเพราะงั้นก็เลยไม่อยากนอนให้เจ็บแผลค่ะ เอ่อ…หวาได้ข่าวว่าคุณยายพี่ตกบันได ปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ”

“พูดเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ เมื่อกี้พี่เพิ่งคุยกับยาย ท่านยอมรับเราเป็นหลานแล้วนะ” น้ำเสียงพีรพัฒน์ตื่นเต้นมาก แต่ดูเหมือนว่ายี่หวาจะไม่ตื่นเต้นตาม แถมยังตอบกลับมาอย่างเย็นชา

“เหรอคะ? ไม่ใช่ว่ายายพี่รู้สึกผิดหรอกเหรอ ฝากบอกท่านด้วยนะว่าหวารอดมาแล้ว หวาไม่ใส่ใจกับอดีตเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ค่ะ”

“แต่ว่า…”

“บอกท่านว่านั่นเป็นเลือดสำรองของโรงพยาบาลไม่เกี่ยวอะไรกับหวา เพราะงั้นไม่ต้องรู้สึกผิด” ยี่หวากดเสียงต่ำ แสดงให้เห็นว่าเธอไม่พอใจที่ท่านมายอมรับเธอเพียงเพราะว่ารู้สึกผิดซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับยอมรับเธอเพราะสัญญาที่ให้ไว้กับพีรพัฒน์เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม