“ฉันมีธุระที่ต้องไปทำ พรุ่งนี้ตอนบ่ายจะกลับมาที่บริษัท
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว อวี้หนานเฉิงก็เหยียบคันเร่งของรถวิ่งขึ้นทางด่วน
ใกล้พลบค่ำ เมืองกูซีห่างจากเมืองจินหลิงอยู่ประมาณ 200 กิโลเมตร อวี้หนานเฉิงขับรถออกจากบริษัทตรงไปที่โรงพยาบาลเมืองกูซีเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงโดยไม่ได้พักจอดรถ
เมื่ออวี้หนานเฉิงเดินเข้ามาถึงประตูห้องผู้ป่วย เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเซิ่งอันหรานดังออกมาจากทางด้านใน
“คุณกำลังจะทำอะไรน่ะ ?ปล่อยฉันนะ!”
อวี้หนานเฉิงไม่รอช้า เขารีบผลักประตูเข้าไป
บนเตียงของโรงพยาบาล ชายที่มีพันผ้าพันแผลพันรอบศีรษะกำลังใช้สองมือโอบรอบเอวของ เซิ่งอันหราน แม้ว่าศีรษะจะถูกผ้าพันแผลพันไว้ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นหน้าตาของเขาได้อย่างชัดเจน เซิ่งอันหรานพยายามดิ้นรน แต่ไม่นึกเลยว่าชายคนนั้นจะกระโดดลงมาจากเตียง และพยายามไล่ตามเธอ
สีหน้าของอวี้หนานเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปทางด้านหลังและทำการล็อกคอของชายคนนั้นไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ถูกอวี้หนานเฉิงล็อกไว้ที่ด้านหลัง ชายคนนั้นร้องครวญด้วยความทรมาน
“นี่ รีบปล่อยเขาเถอะ เขาได้รับบาดเจ็บอยู่นะ อย่าทำแบบนั้นกับเขาเลย ”
เซิ่งอันหรานพูดขึ้นด้วยความกังวล "รีบปล่อยเขาเถอะนะ"
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว เขาทุ่มชายคนนั้นลงบนเตียงผู้ป่วย จากนั้นก็ตะโกนขึ้นด้วยความเย็นชา
"คนพาลแบบนี้ น่าจะชนให้ตายไปเลย "
เมื่อชายคนนั้นได้ยินเสียงของอวี้หนานเฉิง เขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบปีนขึ้นไปบนเตียงผู้ป่วยและใช้ผ้าห่มห่อตัวไว้แน่น เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาที่ลนลานไปมา
ในห้องผู้ป่วยเงียบสงบลงอีกครั้ง
เซิ่งอันหรานถอนหายใจด้วยความโล่ง เธอหันไปมองอวี้หนานเฉิงด้วยความรู้สึกงงงวย"คุณมาทำอะไรที่นี่ ?"
“พนักงานบริษัทขับรถชนคน ผมก็เลยมาดู เกรงว่าจะเกิดความกดดัน และตัดสินใจทำอะไรไม่ดีลงไป”
อวี้หนานเฉิงตอบคำถามด้วยความมั่นใจและเย่อหยิ่ง เหมือนว่าเขากำลังกลั่นแกล้งเซิ่งอันหราน ที่เข้ามาทำงานในบริษัทได้มานาน และเป็นเพราะเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจการทำงานของบริษัทในเรื่องนี้
“ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ในรถมีกล้องบันทึกเหตุการณ์ และสรุปได้ว่าชายคนนี้วิ่งเข้ามาตัดหน้ารถของฉันอย่างกะทันหัน
ตอนนั้นฉันจึงเหยียบเบรกไม่ทัน แต่ฉันก็มีความผิด เพราะเอาแต่ดูแผนที่ในโทรศัพท์ ฉะนั้น... ฉันขอโทษด้วยนะคะ. ."
เซิ่งอันหรานกล่าวคำขอโทษด้วยความจริงใจต่อชายที่อยู่ตรงหน้า
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว การแสดงออกของเขาดูหงุดหงิดเล็กน้อย "คุณจะขอโทษเขาทำไม?ผมได้ยินผู้ช่วยของคุณพูดว่า คนที่ถูกรถชนเป็นแค่คนเร่ร่อน? คือชายคนนี้ใช่ไหม?"
บนเตียงผู้ป่วย เป็นชายร่างสูงหน้าตาดูสะอาดสะอ้าน ถึงแม้ว่าเขาจะดูสติไม่ค่อยดี แต่เมื่อมองดูดีๆแล้ว เขาก็ไม่ได้ดูเหมือนคนเร่ร่อนอย่างที่เข้าใจในตอนแรก
เซิ่งอันหรานรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “แต่ตอนที่ฉันเจอเขาครั้งแรก เขาทั้งโทรมและดูสกปรกมาก ไม่รู้ว่าไม่ได้อาบน้ำมานานแค่ไหนแล้ว กลิ่นเหม็นไปหมดทั้งตัว คุณหมอได้ทำการตรวจร่างกายของเขาแล้ว และพบว่าในสองของเขามีเลือดคั่งอยู่ แต่มันมีก่อนหน้าที่ฉันจะขับรถชนเขาแล้ว ”
“คุณขับรถชนคนสติไม่ดี”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาของอวี้หนานเฉิง สามารถสรุปถึงสถานการณ์ปัจจุบันได้
“แล้วครอบครัวของเขาล่ะ พอจะติดต่อได้ไหม?”
เซิ่งอันหรานส่ายหน้า "ในตัวของเขาไม่มีข้อมูลหรืออะไรที่จะบ่งบอกถึงที่มาของเขาได้เลย"
“หลังจากแผลเขาหายดีแล้ว ก็ให้ส่งเขาไปที่ที่พักพิงชั่วคราวในตัวเมือง”
คำพูดที่กระชับและรัดกุมของอวี้หนานเฉิง คำพูดประโยคนี้เขาได้ตัดสินผู้ชายคนนี้ว่าเป็น คนเร่ร่อน ไปแล้ว
“ทำแบบนั้นมันไม่ค่อยดีนัก เพราะฉันเป็นคนขับรถชนเขา ดังนั้น ฉันก็จะต้องหาที่มาที่ไปของเขาให้พบ บางทีคนที่บ้านของเขาอาจจะกำลังตามหาเขาอยู่ก็ได้ อีกทั้งตอนนี้สมองของเขาก็มีปัญหา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดจากฉันก็ตาม ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว สีหน้าของอวี้หนานเฉิงก็ดูเคร่งขรึมขึ้น "ก็แล้วแต่คุณ"
เมื่อเห็นอวี้หนานเฉิงกำลังจะเดินออกไปจากห้อง เซิ่งอันหรานก็รีบวิ่งตามเขาออกมาด้วย
"นี่ก็เย็นมากแล้ว คุณจะไปไหน?"
ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว คงไม่คิดที่จะขับรถกลับเมืองจินหลิงในคืนนี้เลยหรอกนะ?
แต่ที่ไหนได้ อวี้หนานเฉิงเหลือบมองมาที่เธอ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า
“กลับ พรุ่งนี้ตอนบ่ายมีประชุม คุณคิดว่าผมมีเวลามากมายขนาดนั้นเชียวเหรอ? ”
เขาขับรถมุ่งหน้ามาที่นี่ก็เพื่ออยากจะให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยดี ไม่ได้มาหาเธอเพื่อให้เธอสร้างปัญหาให้กับตัวเอง
“นี่ก็เย็นมากแล้ว ” เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว “พยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้จะมีฝนตกหนัก ฉะนั้นคุณนอนค้างที่นี่สักคืนเถอะค่ะ ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางกลับ ”
ในตอนเช้าของวันนี้กรมอุตุนิยมวิทยาของเมืองกูซีได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่น แถมถนนที่จะต้องกลับเมืองจินหลิงยังจะต้องผ่านหุบเขาหลายลูก อาจจะเกิดถนนลื่นหรือดินสไลด์อย่างใดอย่างหนึ่งได้
"พักที่ไหน ? "
“ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกูซีมากนัก โฮลเทลเฟิงถังที่ฉันไปพักบรรยากาศไม่เลวเลย คุณจะลองไปดูหน่อยไหม ? ”
"ก็ได้"
อวี้หนานเฉิงตอบตกลงทันทีโดยไม่จำเป็นต้องคิด เขามองไปที่เซิ่งอันหรานและพูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย”
พูดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ? เซิ่งอันหรานชะงักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบวิ่งตามอวี้หนานเฉิงไป
เมื่อทั้งสองออกมาจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน ทางด้านนอกก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น และไม่กี่นาทีต่อมา ฝนก็ตกลงมากระทบหลังคาของรถของทั้งสองอย่างหนัก จนที่ปัดน้ำฝนที่หน้ารถแทบจะปัดน้ำฝนที่ตกลงไม่ทัน
อวี้หนานเฉิงนั่งมาในรถของเซิ่งอันหราน รถค่อยๆขับไปอย่างช้าๆ ระยะทางเพียงไม่กี่กิโลเมตรใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงจึงจะเดินทางถึง
"ที่นี่แหละ"
เซิ่งอันหรานกางร่มและนำอวี้หนานเฉิงเดินเข้าไปในโฮสเทล เธอถามพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ว่า "ตอนนี้ยังมีห้องเหลืออยู่บ้างไหมคะ ? ช่วยจัดหาให้เขาสักห้องหนึ่ง "
"ขอโทษด้วยค่ะคุณเซิ่ง ตอนนี้ห้องพักเต็มแล้ว " พนักงานต้อนรับกล่าวขอโทษ "ฝนตกหนักขนาดนี้ นักท่องเที่ยวหลายคนที่เดิมทีจะเช็กเอาท์ออกวันนี้ ได้ตัดสินใจที่จะอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน ดังนั้นคืนนี้คิดว่าห้องพักในเมืองกูซีคงจะหาได้ยาก "
“ห๊า?” เซิ่งอันหรานรู้สึกตกใจ
เรื่องนี้จะทำยังไงกันดี เซิ่งอันหรานดึงอวี้หนานเฉิงถอยหลังออกมา ดันไม่เหลือห้องว่างซะได้...
“คุณเซิ่ง คุณให้แฟนของคุณไปพักห้องเดียวกันกับคุณได้ไหมคะ ?ห้องชั้นสองที่คุณพักอยู่เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโฮสเทลของเรา สองคนพักด้วยกันได้ไม่มีปัญหาค่ะ ”
พนักงานยิ้มอย่างเขินอาย
“เขาไม่……”
“ตกลง” ก่อนที่เซิ่งอันหรานจะได้พูดปฏิเสธ เสียงของอวี้หนานเฉิงก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียงของเธอ
เซิ่งอันหรานเขม็งตาจ้อง เหมือนกับว่าเธอมีอะไรจะพูด แต่ดันถูกอวี้หนานเฉิงลากออกมาเสียก่อน อวี้หนานเฉิงเดินตรงขึ้นไปที่ชั้นสองโดยไม่สนใจฟังคำพูดของเซิ่งอันหราน
“ไม่สิ คุณกำลังจะทำอะไร ?” เมื่อกลับไปถึงห้อง เซิ่งอันหราน ดันประตูห้องไม่ยอมให้อวี้หนานเฉิงเปิดประตูเข้ามา แล้วพูดด้วยเสียงต่ำๆขึ้นว่า“คุณคงจะไม่นอนห้องเดียวกันกับฉันจริงๆใช่ไหม ? ”
“ก็คุณเป็นคนบอกให้ผมพักที่นี่หนึ่งคืนไม่ใช่เหรอ ? ”
อวี้หนานเฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันหมายถึงให้คุณไปนอนห้องของคุณคนเดียว ?จะมานอนกับฉันแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”
“ไม่เป็นไร ผมนอนบนเตียง ส่วนคุณนอนบนโซฟา”
อวี้หนานเฉิงไม่สนใจเธอ เขาเดินตรงเข้าไปในห้อง และหลังจากที่สำรวจโดยรอบแล้ว เขาก็นั่งลงบนเตียง
“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ?” เซิ่งอันหรานจ้องเขาด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ “นี่คือห้องของฉัน แล้วทำไมฉันจะต้องนอนบนโซฟาด้วย”
“งั้นก็คุณนอนบนเตียง ส่วนผมนอนบนโซฟา”
"อย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย..."
หลังจากที่เซิ่งอันหรานพูดประโยคนี้ออกมา เธอก็ใช้มือตีเบาๆไปที่ปากของตัวเองอยู่หลายครั้ง ทำถึงได้ถูกเขาปั่นหัวง่ายๆแบบนี้นะ ?
“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ฉันจะหาห้องพักห้องอื่นให้คุณ”
“คุณกลัวอะไร” อวี้หนานเฉิงมองเธอด้วยสายตาที่สงบ “คุณกลัวว่าผมจะทำอะไรคุณใช่ไหม ?ไม่ต้องกังวลหรอก ผมไม่ใช้คนกินของไม่เลือก ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซิ่งอันหรานก็โกรธขึ้นมาในทันที “อะไรคือกินของไม่เลือก คุณหมายความว่ายังไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ คืนนั้นที่มัลดีฟส์คุณทำอะไรกับฉัน”
แม้ว่าในคืนนั้นเธอจะเมาเรือและมีไข้จากการตากฝน แต่เรื่องที่อวี้หนานเฉิงแอบจูบเธอ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เรื่อง แต่เธอแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่างหาก
หลังจากที่คำพูดของเธอแผ่วเบาลง ในห้องก็เข้าสู่บรรยากาศที่เงียบสงบไปสักพักใหญ่ๆ
และจู่ ๆ อวี้หนานเฉิงก็เดินเข้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ เสียงแหบต่ำของเขาฟังดูราวกับเปลวไฟในคืนที่มืดมิดที่กำลังหยอกล้อพลิ้วไหวไปมา "ถ้าอย่างนั้น ในคืนนั้นผมทำอะไรกับคุณล่ะ ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน