“ตอนนี้คุณปู่อยากจะรู้เรื่องของบริษัทด้วยหรือ?”
อวี้หนานเฉิงดูเฉยเมย
“ทำไม?ฉันยกบริษัทให้แกไปแล้ว ฉันจะถามไม่ได้หรือยังไง?” สีหน้าของชายชราเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “อันหรานก็ทำงานที่โรงแรมดีๆ ทำไมแกถึงได้ส่งเธอไปทำงานไกลขนาดนั้น แกเองก็มีลูก ทำไมถึงไม่เห็นใจเธอบ้างล่ะ?”
อวี้จิ่งซีที่นั่งอยู่ทางด้านข้างของชายชรา พยักหน้าอย่างเมามัน
อวี้หนานเฉิงเหลือบมองไปที่ชายชราด้วยสีหน้าที่ยังสงบ
“ที่ส่งเซิ่งอันหรานไปลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์การตลาด ไม่ใช่การตัดสินใจของผมแค่คนเดียว แต่ในที่ประชุมก็เห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ และที่ผมสงสัยก็คือ คุณปู่ไปสนิทกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
เมื่อมาคิดดูดีๆแล้ว เซิ่งอันหรานก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ตอนแรกก็ทำให้จิ่งซีเชื่อฟังและขาดเธอไม่ได้ ต่อมาก็ทำให้คุณปู่เริ่มพูดและออกหน้าแทนเธอ จู่ ๆ ก็ถามถึงสถานการณ์ของเธอขึ้นมาซะดื้อๆ เธอยังจะมาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา และบอกว่าการที่เธอเข้ามาอยู่ใกล้ๆเขานั้นเธอไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไร
ชายชราทำเป็นไม่สนใจ “อันหรานเป็นคนดี จิ่งซีก็ชอบเธอ ฉันคิดว่าหากแกคิดที่จะแต่งงานแล้วล่ะก็ แต่งกับอันหรานน่าจะเหมาะสมที่สุด หลานสะใภ้ในอนาคตของฉัน ฉันอยากจะรู้เรื่องของเธอบ้างแกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ?"
"ผมยังไม่ได้ตกลงสักหน่อย"
หลังจากคำพูดที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของอวี้หนานเฉิงจบลง บรรยากาศอันอบอุ่นของช่วงการรับประทานอาหารค่ำของครอบครัวก็ดูจะเย็นยะเยือกขึ้น
“ถ้าจิ่งซีต้องการมีแม่ ยังมีคนอื่นให้เลือกอีกมากมาย ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเซิ่งอันหราน แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ผมไม่เคยสนใจในตัวของเซิ่งอันหรานเลย และก็ไม่เคยคิดอยากได้แม่หม้ายลูกติดแต่งเข้ามาในตระกูลของเรา ”
ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมาจากปากผู้เป็นพ่อ สีหน้าของอวี้จิ่งซีก็เปลี่ยนไปในทันที
ชายชราก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เช่นกัน
“แกกำลังพูดอะไรอยู่? อันหรานมีลูกอยู่แล้วก็จริง แต่ฉันก็เคยเห็นเด็กคนนั้นแล้ว เธอเป็นเด็กดีมาก ที่แกบอกว่าอันหรานไม่มีคุณสมบัติ แล้วดาราคนที่มีข่าวกับแกอยู่ทุกวีทุกวันคนนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนอย่างนั้นเหรอ ? ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ถ้าหากว่าแกอยากจะแต่งงานกับแม่เกาหย่าเหวินอะไรนั่น แกก็ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก "
อวี้หนานเฉิงวางตะเกียบลง และค่อยๆเช็ดปากอย่างช้าๆ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมอิ่มแล้ว ดูท่าแล้ววันนี้จิ่งซีคงจะไม่อยากจะกลับบ้านไปพร้อมกับผม อย่างนั้นก็ให้เขาอยู่ที่นี่แล้วกัน”
"แก……"
เมื่อเห็นแผ่นหลังของอวี้หนานเฉิงค่อยๆเดินห่างออกไป ชายชราก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
อวี้จิ่งซีดึงแขนเสื้อของชายชราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นชายชราจึงทำได้เพียงแค่ต้องอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั่งบนตัก และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“จิ่งซีอ่า ไม่ใช่ว่าคุณทวดไม่ช่วย แต่ว่าพ่อของเหลนมันดื้อเกินไป และเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ถ้าเรื่องที่เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว ยิ่งมีคนไปบังคับเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต่อต้านมากเท่านั้น "
อวี้จิ่งซีหน้ามุ้ย ใบหน้าของเขาดูเจ็บปวดและโศกเศร้า เหมือนว่าเขากำลังจะร้องไห้
“นี่ อย่าร้องไห้สิ คุณทวดก็กำลังคิดหาวิธีแก้ปัญหาอยู่นี่ไง”
ชายชราเกลี้ยกล่อมเด็กน้อย พลางตะโกนขึ้นลั่นบ้าน “เหล่าโจว เรื่องที่ฉันให้ไปตรวจสอบได้เรื่องบ้างหรือยัง ? ”
"ตรวจสอบได้เรื่องแล้วครับ"
พ่อบ้านประจำตระกูลรีบเดินเข้ามาในห้องอาหาร เขายืนตัวตรงและกล่าวขึ้นอย่างสุภาพว่า "คุณเซิ่งถูกส่งไปยังเมืองกูซี และสถานที่ที่เธอไปพักอยู่ในตอนนี้ก็คือเฟิงถังโฮสเทล "
“เมืองกูซี?” ชายชราขมวดคิ้ว “ที่นี่...ทำไมถึงได้ฟังดูคุ้นหูนัก ?”
เหล่าโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดต่อ “นายหญิง...”
ชายชราชะงักไปชั่วขณะ เขาขมวดคิ้วลึกขึ้น
“มันดูไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้น ” น้ำเสียงของเหล่าโจวดูระวังเป็นอย่างมาก ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสิ่งที่เขาแตะต้องไม่ได้
“หนานเฉิง รู้จักที่นั่นไหม?”
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว นายคุณชายไม่น่าจะรู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มีแผนการพัฒนา Youth Hostelที่นี่นั่น”
ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย การแสดงออกของเขาดูซับซ้อนขึ้นมาในทันที
——
ในตอนกลางคืน เซิ่งอันหรานนอนอยู่บนเตียงเหม่อมองดูเพดานในห้อง
คำถามที่เธอถามเถ้าแก่เนี้ยไปในตอนกลางวัน ปฏิกิริยาของเถ้าแก่เนี้ยดูแปลกมากๆ
โดยเฉพาะตอนที่เถ้าแก่เนี้ยถามถึงอวี้หนานเฉิง ใบหน้าของเธอดูมีความกังวลและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ซึ่งมันดูไม่เหมือนคนที่ไปฟังคนอื่นเขาพูดมา แต่มันดูเหมือนคนที่รู้จักรู้จักกันมานาน และต้องการอยากรู้สารทุกข์สุขดิบของอีกฝ่าย
อีกอย่างเซิ่งอันหรานยังรู้สึกว่าเถ้าแก่เนี้ยคนนี้ดูคุ้นตาเอามากๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเธอเห็นที่ไหน
เมื่อคิดเรื่องนี้อยู่สักพักใหญ่ๆ เซิ่งอันหรานก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมา และผล็อยหลับไป
หลังจากผ่านวันนั้นไป โฮสเทลน้อยใหญ่ของเมื่องกูซีก็ถูกเซิ่งอันหรานเข้าไปเยี่ยมชมที่ล่ะแห่งๆ ดูวนไปวนมาแล้วเซิ่งอันหรานยังคงรู้สึกว่าสไตล์และเอกลักษณ์ของเฟิงถังโฮสเทลนั้นเป็นที่น่าจดจำและประทับใจไม่รู้ลืม มันทำให้แขกที่เคยเข้ามาพักครั้งหนึ่งแล้วอยากมาเป็นครั้งที่สอง. .
ก่อนที่เธอจากไป เถ้าแก่เนี้ยของเฟิงถังก็ยังคงไม่มีท่าทีตอบรับ เซิ่งอันหรานเองก็ไม่ได้ไปพูดเกลี้ยกล่อมอะไรต่อ เธอเก็บข้าวของของเธอและเช็คเอาท์ออกจากโฮสเทลแห่งนั้นไป เซิ่งอันหรานยังมีแผนจะไปเยี่ยมชมเมืองโบราณหวยเหอซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสามร้อยกิโลเมตร
รถเคลื่อนที่ออกจากเมืองกูซีได้ไม่นาน บนถนนในหมู่บ้านที่ห่างไกล เซิ่งอันหรานจับพวงมาลัยบังคับทิศทางของรถไปตามคำแนะนำในโทรศัพท์ ทันใดนั้น ก็มีเงาสีดำๆโซเซเข้ามาตัดหน้ารถของเธอ เซิ่งอันหรานรีบเหยียบเบรกรถอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเธอซีดขาวด้วยความตกใจ
หลังจากที่เสียงแหลมของเบรกรถดังขึ้นบนถนน ควันก็คลุ้งไปทั่ว เซิ่งอันหรานสะดุ้งด้วยความตกใจเหงื่อไหลซึมออกมาทั่วร่างกาย ตอนที่เธอลงจากรถ มือไม้ของเธอก็สั่นไปหมด
ร่างของคนที่อยู่ตรงหน้า นอนหมดสติกองกับพื้นไม่ขยับ
เซิ่งอันหรานหยุดนิ่งและนั่งยองๆลงเพื่อตรวจสอบ เธอแทบไม่อยากจะมองชายที่สวมเสื้อผ้าขาดๆที่นอนอยู่ตรงหน้าของเธอ ดูเหมือนคนเร่ร่อนก็ไม่ปาน ร่างกายดูสกปรกมอมแมม แถมที่ศีรษะของเขายังมีเลือดไหลออกอีกมาด้วย
เธอรีบโทรเรียกรถพยาบาล
“ฮัลโหล? รถพยาบาล?”
“เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์บนถนน สถานที่เกิดเหตุคือถนนไว่กั๊ว ห่างจากตัวเมืองกูซีประมาณสามกิโลเมตร กรุณารีบมาด้วยค่ะ”
"..."
ที่ห้องทำงานท่านประธานเซิ่งถังกรุป——
“ประธานอวี้ นี่คือเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวกับการไปสำรวจเมืองกูซีในครั้งนี้ ผู้จัดการเซิ่งได้จัดเรียบเรียงและให้ผมนำมาส่ง ” เสี่ยวจังผู้ช่วยของเซิ่งอันหราน ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของอวี้หนานเฉิงพร้อมกับหอบกองเอกสารอยู่ในมือ สีหน้าของเขาดูลังเล ดูเหมือนว่าเขามีอะไรที่ยังบอกไม่หมด
อวี้หนานเฉิงเหลือบมองไปที่เขา “เซิ่งอันหรานล่ะ ? ทำไมเธอถึงได้ไม่มาส่งมันด้วยตัวเอง?”
“มีเรื่องเกิดขึ้นกับผู้จัดการเซิ่ง ในระหว่างที่เธอเดินทางกลับได้เกิดอุบัติเหตุรถชน ดังนั้นเธอจึงให้ผมเป็นคนมาส่งเอกสารแทน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของอวี้หนานเฉิงก็เปลี่ยนไป เขารีบลุกขึ้นยืนในทันที
“รถชน?แล้วเธอเป็นอะไรไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางของอวี้หนานเฉิงนี้อย่างนั้นแล้ว เสี่ยวจังก็สะดุ้งตกใจ
"เซิ่ง...ผู้จัดการเซิ่งไม่เป็นอะไร ผู้จัดการเซิ่งเป็นคนชน ส่วนชายคนนั้นตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองกูซีและทีมแพทย์กำลังให้การช่วยเหลืออยู่ ผู้จัดการเซิ่งจึงโทรหาผมเพื่อขอให้ผมเอาเอกสารข้อมูลพวกนี้มาส่งก่อน"
อวี้หนานเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่สีหน้าของเขายังคงดูหนักใจอยู่
“โรงพยาบาลไหน ?”
“หา?” เสี่ยวจังไม่มีการโต้ตอบ เขาชะงักไปชั่วครู่ และหลังจากเห็นสีหน้าอันเย็นชาของอวี้หนานเฉิงแล้ว เขาก็รีบรายงานชื่อและที่อยู่ของโรงพยาบาลให้กับอวี้หนานเฉิงในทันที
“ประธานอวี้ คุณจะไปโรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ ? ” เสี่ยวจังถามอย่างระมัดระวัง
อวี้หนานเฉิงเหลือบมองไปที่เขา "ใครบอกว่าผมจะไป ?คุณถามมากไปหรือเปล่า ?"
เสี่ยวจังตกใจจนแข้งขาอ่อนแรง เขากลัวว่าอวี้หนานเฉิงจะไล่เขาออก
"เอาล่ะๆ คุณออกไปได้แล้ว"
อวี้หนานเฉิงสะบัดมือให้เขาออกไป ในห้องทำงานเหลือเพียงอวี้หนานเฉิงที่กำลังรู้สึกกระวนกระวายใจ
อุบัติเหตุรถชน แต่คนไม่เป็นอะไร ?
ในสมองของเขาดูยุ่งเหยิงไปหมด
“ประธานอวี้ มีเอกสารที่ต้องการให้คุณ...”
สิบนาทีต่อมา โจวฟังเคาะประตูและเดินเข้ามาในห้อง แต่ปรากฏว่าภายในห้องทำงานของท่านประธานไม่มีแม้แต่เงาของอวี้หนานเฉิงหลงเหลืออยู่เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน