"ถึงแล้ว"
แหบต่ำของอวี้หนานเฉิงดังขึ้นในรถ ทำให้เซิ่งอันหรานได้สติกลับมา เธอมองออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง สภาพแวดล้อมของชุมชนดูรู้สึกคุ้นตามาก เธอเหม่อลอยอีกครั้ง ราวกับว่าการไปทานอาหารเย็นเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เอง
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณ และหันศีรษะไปเขย่าไหล่ของเซิ่งเสี่ยวซิง
“ซิงซิงน้อย……”
เด็กน้อยนอนหลับและละเมอพึมพำเบาๆ ตอนนอนหลับเหมือนหมูไม่มีผิด เรียกยังไงก็เรียกไม่ตื่น
“ผมจัดการเอง” เสียงอวี้หนานเฉิงปลดเข็มขัดนิรภัยจากที่นั่งคนขับ ก่อนที่เซิ่งอันหรานจะปฏิเสธ เขาก็ลงจากรถไปแล้ว อวี้หนานเฉิงเปิดประตูรถอีกฝั่งหนึ่ง จากนั้นก็อุ้มเซิ่งเสี่ยวซิง อย่างระมัดระวัง
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปคุณข้างบน”
เซิ่งอันหรานหยุดชะงักครู่หนึ่ง พอเธอได้สติกลับมาก เธอก็รีบพยักหน้าและเดินนำทาง
คอนโดของถานซูจิ้งอยู่ชั้นที่ 20 ลิฟต์ค่อยๆเคลื่อนที่ขึ้นอย่างช้าๆ พื้นที่ในลิฟต์ค่อนข้างแคบ แม้แต่เสียงหายใจของอีกฝ่ายก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
เซิ่งเสี่ยวซิงกำลังนอนอยู่บนไหล่ของอวี้หนานเฉิง เธอนอนหลับสนิท ราวกับว่าคนที่กำลังอุ้มเธอนั้น เป็นคนที่เธอรู้สึกไว้ใจเป็นอย่างมาก เซิ่งอันหรานเหลือบมองพวกเขาทั้งสอง และคิดเบาๆกับตัวเองว่า พวกเขาทั้งสองอาจจะมีความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดก็เป็นได้ ถึงได้ทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้รู้สึกดีกับอวี้หนานเฉิงเป็นพิเศษ เหมือนกับที่จิ่งซีรู้สึกกับตัวเธอ
“คุณบอกว่า คุณได้ห้องคืนแล้วไม่ใช่? ทำไมคุณถึงยังมาอยู่ที่นี่ ?”
เสียงของอวี้หนานเฉิง เรียกสติของเธอกลับคืนมา
เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย “ที่นั่นอยู่ในเขตชุมชนจินสุ่ยย่วน มันเป็นวิลล่าที่ค่อนข้างเก่าแก่ และมีขนาดใหญ่เกินไป ฉันเคยพาเสี่ยวซิ่งซิ่งไปพักอยู่ที่นั่นหนึ่งคืน มันดูวังเวงเกินไป ฉันเลยคิดว่ากลับมาพักกับซูจิ้งน่าจะดีกว่า "
เดิมที คิดว่าเป็นเพราะเทียนเอินยังจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ดังนั้นการที่พาเขาเข้ามาอยู่ด้วยน่าจะทำให้บรรยากาศมันดูสนุกและคึกคักมากกว่านี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าอวี้หนานเฉิงจะจัดการให้เขาไปอยู่ที่โรงแรม และเธอเองก็ไม่ค่อยชินกับการที่ต้องจ้างแม่บ้าน ดังนั้นแผนที่จะพาเสี่ยวซิงซิงย้ายไปที่นั่นจึงถูกระงับชั่วคราว
“หลังจากนั้นนักข่าวก็ไม่ได้มาที่นี่อีกใช่ไหม ?” อวี้หนานเฉิงนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เส้าซือทำให้นักข่าวมาปิดล้อมที่นี่
“ก็มาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เซิ่งอันหรานก็หัวเราะขึ้นทันที "แต่สุดท้าย ก็ถูกซูจิ้งที่กลับจากการไปทำงานนอกสถานที่ ด่าตะเพิดไปหมดแล้ว จากนั้นพวกเขาก็ไม่กล้ามาที่นี่อีกเลย"
ในขณะที่เธอกำลังพูด ประตูลิฟต์ก็ค่อยๆเปิดออกพร้อมกับเสียง 'ติ๊ง' เพราะตอนนี้ดึกมากแล้วบรรยากาศจึงดูเงียบสงบ ไม่มีใครเดินอยู่ตรงทางเดินชั้นนี้เลย เซิ่งอันหรานหยิบกุญแจออกมาแล้วเปิดประตู สายตาของเธอเหลือบมองไปยังห้องนอนใหญ่ จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้กับอวี้หนานเฉิง
อวี้หนานเฉิงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยอุ้มเซิ่งเสี่ยวซิงเข้าไปส่งที่ห้องนอนด้วยความระมัดระวัง
หลังจากที่ปิดประตูห้องนอนของเซิ่งเสี่ยวซิงแล้ว เซิ่งอันหรานก็ขอบคุณ
“ขอบคุณที่ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ยังมาส่งพวกเรากลับบ้าน และยังช่วยอุ้มเด็กคนนี้ขึ้นมาส่งอีก”
"ครั้งที่สองแล้ว"
"ห๊า ? "
อวี้หนานเฉิงมองไปที่เธอด้วยท่าทางเย็นชา
“คำว่า 'ขอบคุณ' คืนนี้เป็นครั้งที่สองที่ผมได้ยินคุณพูด คุณเป็นคนที่ชอบพูดคำว่าขอบคุณอย่างนั้นเหรอ ? ”
เซิ่งอันหรานก้มหน้าลง เพื่อหลบสายตาของอวี้นานเฉิง "การพูดขอบคุณ มันคือมารยาทที่ดี หากว่าฉันไม่พูดล่ะก็ มันจะดูเหมือนว่าฉันไม่มีการศึกษา จริงมั้ย ?"
“หรือผมอาจจะเข้าใจได้ว่า คุณกำลังเกรงใจ?”
เซิ่งอันหรานดูตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมา น้ำเสียงของเธอดูลังเลเล็กน้อย
“เกรงใจ...มันไม่ถูกต้องเหรอ ?”
ทันใดนั้น อวี้หนานเฉิงก็จ้องไปที่เธอและถามเธอขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้นเมื่อตอนบ่าย คุณคิดว่าจะให้มันผ่านไปลวกๆแบบนี้เหรอ ?”
เซิ่งอันหรานเกิดความรู้สึกประหม่า มีเรื่องบางอย่างที่ถึงแม้จะปิดบังยังไง มันก็ถูกจับได้อยู่ดี เธอรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายมันคงจะผ่านไปไม่ได้ง่ายๆหรอก
แต่คราวนี้เธอกลับไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เธอไม่รู้ว่าเธอมีความรู้สึกแบบไหน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอควบคุมตัวเองไม่ได้หรือว่าตกหลุมรักเขาไปแล้ว ? เรื่องนี้เธอไม่สามารถจะอธิบายได้
“ฉ...ฉัน” จู่ๆ เสียงที่ออกจากปากของเธอก็ติดๆขัดๆ ราวกับว่าเธอพูดมันออกมาได้อย่างยากลำบาก สุดท้ายเซิ่งอันหรานก็เงยหน้าขึ้น เธอรวบรวมความกล้าและถามออกไปว่า
“ฉันอยากรู้ว่าคุณคิดยังไง”
ดูเหมือนลูกศรได้ย้อนกลับมาที่เขาอีกครั้ง
ในห้องนั่งเล่นไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ แสงไฟจากโถงตรงทางเดินด้านนอกสาดสองเข้ามาทำให้ในห้องดูสลัวๆ แม้แต่การแสดงออกและอารมณ์ของมนุษย์ก็ยังพร่ามัว ดูสับสนและไม่สามารถอธิบายได้
อวี้หนานเฉิงเดินพ้นออกจากประตูห้องได้สักพัก ส่วนเซิ่งอันหรานก็นั่งลงบนโซฟา เธอจ้องไปที่ประตูด้วยความงุนงง เซิ่งอันหรานเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังและคำนวณเวลาอย่างเงียบ ๆ อวี้หนานเฉิงน่าจะลงจากลิฟต์และกำลังเดินออกจากตัวอาคารไปแล้ว
แต่กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขายังคงคละคลุ้งอยู่ในห้องนี้ อีกทั้งคำพูดที่เขาพูด น้ำเสียงแหบมีเสน่ห์ของเขายังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอไม่จางหาย
“คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมเคยเห็น เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ผมคิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องปกติ”
เธอไม่ได้ตอบกลับเขา
และคำพูดสุดท้ายเขาก็คือ
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักหรือเรื่องการทำงาน ผมเป็นคนที่ทำอะไรก็แล้วแต่ล้วนแต่มีประสิทธิภาพ ผมรู้ ว่าผู้หญิงมีวิธีคิดต่างจากผู้ชาย ดังนั้นผมสามารถให้เวลาคุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ แต่อย่านานเกินไปนะ”
ในขณะที่เธอเหม่อลอยอยู่นั้น ประตูห้องนอนใหญ่ก็เปิดออก เผยให้เห็นแสงเล็กน้อยที่สาดส่องออกมา
เซิ่งอันหรานเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ถานซูจิ้งสวมชุดนอนลายทาง แขนเท้ากับกรอบประตูด้วยท่าทางที่คลุมเครือ และถามขึ้นอย่างติดตลกขึ้นว่า
“ฉันได้ยินทั้งหมดแล้ว ได้ยินอย่างชัดเจน แล้วเธอมีแผนยังไงต่อ ?”
เซิ่งอันหรานหน้าแดงขึ้นทันที เธอหลบสายตาของถานซูจิ้ง และพูดขึ้นว่า "แผนอะไรล่ะฉันไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นแหละ"
“ยังไม่ยอมรับอีก ?” ถานซูจิ้งอุทานขึ้น ' ไม่เอาน่า ' พร้อมกับเดินเข้ามาผลักเซิ่งอันหรานลงบนโซฟา
“รีบพูดมาเร็วๆ ว่าบ่ายวันนี้มีเรื่องอะไร โตๆกันแล้ว เล่าให้ฉันฟังบ้างสิ ตกลงแล้วเมื่อตอนบ่ายพวกเธอทำอะไรกัน !”
เซิ่งอันหรานถูกเธอจั๊กจี้จนหยุดหัวเราะไม่ได้สุดท้ายเธอก็ทรุดตัวลงบนไปโซฟาและตะโกนขอความปรานี
“ฉันพูด ฉันพูดแล้ว ปล่อยฉันก่อน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ปล่อยฉัน...”
เพื่อนสนิทคุยได้ทุกเรื่อง ทั้งสองคุยกันเป็นเวลานาน ทั้งแก้วชา และเปลือกเมล็ดทานตะวันกองอยู่บนโต๊ะเป็นตั้งๆ
ถานซูจิ้งถามอย่างคลุมเครือในขณะที่เธอกำลังแกะเปลือกเมล็ดทานตะวัน“เรื่องที่ควรทำก็ทำไปหมดแล้ว และทำไมเธอถึงไม่ตกลงกับเขาล่ะ ? เขาแสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้ว เธอยังจะรออะไรอยู่? ความสัมพันธ์แบบนี้ อย่าเล่นตัวให้มาก… …”
“ฉันรู้แล้ว”เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว “ฉันก็แค่กังวล…”
“กังวลเรื่องอะไร ?”
“กังวลเรื่องเสี่ยวซิงซิงและจิ่งซี...”
“เธอกังวลมากเกินไปเองหรือเปล่า ? ซิ่งซิ่งน้อยกับจิ่งซีต่างก็เป็นลูกแท้ๆของเธอนะ เธอกับอวี้หนานเฉิงอยู่ด้วยกันมันไม่ถูกต้องอย่างนั้นหรือ ? ตอนนี้บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าเธอชอบ อวี้หนานเฉิงหรือเปล่า ?”
"ฉ……ฉัน"
“ชอบหรือไม่ชอบมัน มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
เซิ่งอันหรานเม้มปาก และหยุดชะงักคำพูดไว้ครู่หนึ่ง
"ชอบ"
“มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ขอแค่ชอบก็พอ อีกอย่างจากที่ฉันเห็นท่าทางของอวี้หนานเฉิงที่ปฏิบัติต่อเธอ เธอไม่ต้องกังวลเลยว่า เขาแย่งความรักจากเด็กทั้งสองไปจากเธอ คนแต่งงานกันแล้วยังจะมาแย่งลูกอะไรกันอีก ของของคุณก็คือของของฉันไม่ใช่เหรอ ? "
ถานซูจิ้งเป็นคนที่ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา สิ่งที่เธอพูดมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะนำไปใช้กับตัวเอง
นี่ก็ดึกมากแล้ว เซิ่งอันหรานพูดขึ้นสองประโยคอย่างลวกๆ จากนั้นก็บอกให้ถานซูจิ้งกลับห้องไป ส่วนเธอก็ไปล้างหน้าและล้มตัวนอนลงบนเตียง แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็นอนไม่หลับ เธอพลิกตัวไปมา ในสมองของเธอมันดูสับสนไปหมด ราวกับว่ามีปมอะไรบางอย่างที่เธอไม่สามารถแก้ไขมันได้
เธอยอมรับว่าเธอชอบอวี้หนานเฉิง แต่ความรักครั้งนี้มันยังมีความรู้สึกอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน