ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 140

“ใช่” เซิ่งอันหรานพยักหน้าอย่างรวดเร็วและสั่งเซิ่งเสี่ยวซิง “ซิงซิงน้อย เรียกยายสะใภ้สิ"

น้าสะใภ้พึมพำชื่อของ 'ซิงซิงน้อย' แล้วเหลือบมองเซิ่งอันหรานราวกับฟื้นคืนสติ "ยายสะใภ้อะไรล่ะ ดูห่างเหินเกินไป"

“ไม่อย่างนั้นจะให้เรียกว่าอะไรดีคะ?” เซิ่งอันหรานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ความทรงจำในวัยเด็กของเธอที่มีต่อน้าสะใภ้คนนี้ไม่ค่อยดีนัก เธอกลัวผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่เด็กๆ หากไม่ใช่เพราะการปกป้องของคุณตาละก็...เธอคงต้องกลัวจนวิ่งหนีไปทุกครั้ง

“เรียกว่าคุณยายเฉยๆก็พอ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เซิ่งเสี่ยซิงก็เรียกน้าสะใภ้อย่างเอาใจ โดยไม่รอให้เซิ่งอันหรานพูดอะไร "สวัสดีค่ะ คุณยาย"

ใบหน้าที่มักจะเย็นชาเสมอค่อยๆฉายแววอบอุ่น และโน้มตัวกวักมือเรียกเธอ “มานี่สิ มาให้ฉันดูใกล้ๆหน่อย ฉันแก่แล้ว สายตาไม่ค่อยดี”

เซิ่งเสี่ยวซิงเหลือบมองเซิ่งอันหราน และหลังจากได้รับสัญญาณแล้วเธอก็เดินไปอย่างเชื่อฟังและเงยหน้าขึ้น

“คุณยาย แบบนี้ใกล้พาหรือยังคะ?”

น้าสะใภ้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไม กลัวฉันเหรอ?”

“ทำไมหนูต้องกลัวคุณยายด้วยล่ะคะ? คุณยายไม่ใช่สัตว์ร้ายหรือหนอนสักหน่อย”

“เพราะว่าเด็กที่โตเท่าเธอ หรือบางทีอาจจะโตกว่าเธอกลัวฉันน่ะสิ”

“จริงเหรอคะ?” ดวงตาของเซิ่งเสี่ยวซิงเบิกกว้างราว และพูดอย่างจริงจังว่า “งั้นเด็กๆที่บ้านของคุณยายก็ขี้ขลาดน่ะสิ พ่อแม่แม่ควรสอนให้ลูกเป็นแบบนั้นนะคะ ต่อไปจะปกป้องคนในครอบครัวได้ยังไงกัน!"

“ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นควรจะให้เธอไปสอนพวกเขาสินะ”

จู่ๆน้าสะใภ้ก็หัวเราะออกมา เป็นเวลามากกว่า 20 ปีแล้วที่เซิ่งอันหรานไม่เคยเห็นน้าของเธอยิ้มอย่างเปิดเผย

หลังจากหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง เธอตบมือของซิงซิงน้อยเบาๆ แล้วยืนตัวตรงมองไปที่เซิ่งอันหราน

“ยายหนูตัวน้อยเข้ากับฉันได้ดี ต่อไปให้เธอมาอยู่กับฉันเป็นไง?”

เซิ่งอันหรานพูดโดยไม่รู้ "คุณน้าหมายความว่ายังไงคะ?"

“ฉันรู้ว่าเธอแอบให้กำเนิดเด็กคนนี้อย่างลับๆที่ต่างประเทศ โดยไม่บอกตระกูลเซิ่ง ฉันจะไม่สืบสาวเอาความว่าพ่อของเด็กคือใครก็แล้วกัน แต่การให้เด็กอยู่ข้างเธอเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เธอเพิ่งจะอายุ 20 ต้นๆ จะแต่งงานเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ยังไง? ไม่งั้นฉันตายไปก็คงไม่มีหน้าไปเจอกับแม่ของเธอ”

น้าสะใภ้พูดอย่างตรงไปตรงมา เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซิ่งเสี่ยวซิงก็หลบที่หลังของเซิ่งอันหราน"หนูไม่อยากแยกกับหม่าม้า แฟนของหม่าม้าชอบหนู หนูก็ชอบเขา คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงหม่าม้าหรอกค่ะ”

น้าสะใภ้เหลือบมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ดื้อรั้น

“ฉันได้ยินเรื่องของเธอกับอวี้หนานเฉิงแล้ว เขามีลูกชายที่สติไม่สมบูรณ์อยู่คนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะเธอเองก็มีลูกสาว ฉันคงต่อต้านเรื่องนี้แน่ๆ แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้ เธอก็ต้องคิดให้ดี เรื่องของตระกูลอวี้น่ะไม่ได้จัดการได้ง่ายๆหรอกนะ ทางที่ดีเธอคงรอให้ฉันตรวจสอบให้ดีซะก่อน"

เซิ่งอันหรานเม้มปาก รับฟังคำแนะนำของน้าสะใภ้อย่างจริงใจ โดยไม่มีเจตนาจะโต้เถียง

ขณะที่พูด มีคนตัวใหญ่และคนตัวเล็กเดินมาที่ประตูสุสาน หลังจากฟังจากฟังคำพูดของน้าสะใภ้จบ พวกเขาก็หยุดอยู่กับที่ “เธออยากรู้อะไรก็แค่ถามก็พอ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอกครับ”

เซิ่งอันหรานตกใจและมองไปในระยะไกลด้วยความประหลาดใจ เห็นอวี้หนานเฉิงกำลังจูงมือจิ่งซีเดินมาทางพวกเธอ

ทันทีที่อวี้จิ่งซีเห็นเธอ เขาก็แยกตัวจากอวี้หนานเฉิงรีบวิ่งไปหาเธอ กระโดดกอดกับซิงซิงน้อยอย่างมีความสุข

น้าสะใภ้ป้าหันกลับมายืนต่อหน้าเซิ่งอันหราน มองอวี้หนานเฉิงด้วยท่าทางเย็นชา “ประธานหนุ่มของเซิ่งถังกรุ๊ป อวี้หนานเฉิงใช่ไหม?”

อวี้หนานเฉิงไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย

“ครับ คุณคือ...?”

“ฉันเป็นใคร ไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันเป็นใคร ฉันฟังจากอันหรานเมื่อครู่ คุณมีความคิดที่จะแต่งงานกับอันหรานงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซิ่งอันหรานตกใจและจ้องไปที่ฝั่งตรงข้ามด้วยความงุนงง

สีหน้าของอวี้หนานเฉิงยังเหมือนเดิมเหรอ?

"ใช่ครับ"

“ถ้าอย่างนั้นฉันต้องถามคำถามคุณสองสามข้อ” น้าสะใภ้ไม่มีท่าทางเกรงกลัวอวี้หนานเฉิงแม้แต่น้อย

"ว่ามาเลยครับ"

หลังจากนั้น อวี้หนานเฉิงจึงเดาได้ว่าคนคนนี้อาจจะเป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจในบ้านของเซิ่งอันหราน

“น้าสะใภ้ ช่างเถอะค่ะ ฉันกับเขา...” เซิ่งอันหรานพยายามหยุด เธอกับอวี้นหนานเฉิงยังคงอยู่ในสงครามเย็น และพวกเขาไม่ได้คุยกันหลายวันแล้วด้วยซ้ำ

“เราไปคุยกันตรงนั้นเถอะ” น้าสะใภ้ไม่สนใจเธอและไปที่ทางเข้าสุสานกับอวี้หนานเฉิง

หลังจากขึ้นรถแล้ว เสียงที่สงบของผู้หญิงก็ดังขึ้น

“อย่างแรก ใครเป็นแม่ของลูกชายคุณ? ฉันจำเป็นต้องรู้ถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นหลังจากที่อันหรานแต่งงานกับคุณ ถ้าอดีตภรรยาของคุณอยากได้ลูก ชีวิตคู่ของพวกคุณอาจจะไม่สงบสุข”

“ผมไม่เคยแต่งงาน และไม่มีอดีตภรรยา” อวี้หนานเฉิงเปิดเผยความลับและกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรื่องที่ว่าใครเป็นแม่ของเด็ก ตอนนี้เขารู้จักแต่อันหราน”

น้าสะใภ้ขมวดคิ้ว เธอเห็นเซิ่งอันหรานจูงมือเด็กทั้งสองคนจากหางตา

ดูเหมือนว่าจะตรงตามสิ่งที่เขาพูด

“เอาล่ะ คำถามที่สอง ถ้าคุณแต่งงานกับอันหราน คุณจะทำอะไรกับทรัพย์สิน”

คำถามนี้ตรงไปตรงมามากกว่าคำถามแรก

อวี้หนานเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้มากนัก แต่ก็ไม่สายเกินไปที่จะคิดเรื่องนี้

“นิสัยของอันหราน เธอไม่ยอมอยู่บ้านเลี้ยงลูกเฉยๆแน่ เรื่องการดูแลทรัพย์สินของผม หากเธอยินยอม...ผมจะโอนเข้าบัญชีของเธอเอง”

“แล้วถ้าวันหนึ่งหย่ากันล่ะ?”

“ฉันจะดูแลความเป็นอยู่ของเธอตลอดชีวิตครับ”

“ปกติแล้วคนอื่นจะชอบพูดว่าไม่มีทางหย่ากันแน่นอน ไม่ใช่หรือไง?” น้าสะใภ้มองเขานิ่งๆ “ทำไมก่อนแต่งงาน คุณถึงมีความคิดจะหย่ากับเธอ? อย่าคิดว่าอันหรานอยู่ตัวคนเดียวนะ”

"อารมณ์เป็นสิ่งที่ยากจะควบคุมครับ ผมไม่สามารถรับประกันได้ทั้งหมด แม้ว่าผมจะสามารถรับประกันตัวเองได้ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันความคิดของเธอได้ ดังนั้นผมจึงพูดในสิ่งที่ผมทำให้มากที่สุดเท่านั้นครับ "

"..."

น้าสะใภ้มองผ่านหน้าต่างกระจก เธอเห็นเด็กสองคนกำลังเล่นอยู่รอบ ๆ เซิ่งอันหรานอย่างมีความสุขโดยไม่รู้สึกผิดอะไรในสุสานอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เธอมีถามคำถามมากมาย แต่ในที่สุดอวี้หนานเฉิงก็ถามขึ้น

“ในเมื่อคุณเป็นห่วงอันหรานมาก ทำไมหลายปีมานี้คุณถึงไม่สนใจเธอเลยล่ะ?”

น้าสะใภ้ไม่ตอบ แต่ได้เห็นแล้วว่าชายในวัยสามสิบต้นๆ ผู้นี้มีดวงตาที่เฉียบคมเหมือนผู้ใหญ่ ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านจิตใจของทุกคนได้

กฎแห่งป่า การเอาตัวรอดของผู้แข็งแกร่ง เธอไม่ต้องการให้เซิ่งอันหรานเดินตามรอยเท้าของแม่และเติบโตในเรือนกระจก เมื่อพบกับความพ่ายแพ้ในวัยหนุ่มสาวจึงหลบหนีและไม่เหลือแม้แต่ชีวิต...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน