ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 144

“คุณอา?” เซิ่งอันหรานตกตะลึง จู่ๆ ก็อดกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ เธอหัวเราะออกมาเสียงดัง

เด็กสาวดูแล้วอายุอย่างมากก็แค่สิบสองหรือสิบสามปีเท่านั้น เธอมีศักดิ์แก่กว่าอวี้หนานเฉิงถึงหนึ่งรุ่นเชียวหรือ มันยากที่จะจินตนาการว่าอวี้หนานเฉิงจะเป็นอย่างไร เมื่อเขาต้องเธอเรียกว่าคุณอา

เซิ่งอันหรานแอบมองอวี้หนานเฉิง ใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเธอจึงกลั้นหัวเราะและเดินลงบันไดไปพร้อมกับเขา

“ลุงโจว นั่นมันก็แค่ศักดิ์ที่เอาไว้นับถือกัน และผมก็ไม่เคยเรียกเธอว่าคุณอามาก่อน”

ใครจะรู้ว่าพ่อบ้านไม่รู้จริงๆหรือว่าจงใจ เขาส่ายหน้าปฏิเสธตรงๆ “ยังไงก็ต้องเรียก แม้ว่าคุณอีอีจะเป็นบุตรสาวบุญธรรม แต่เธอก็เข้าสู่แผนภูมิลำดับวงศ์ตระกูลแล้ว ทุกๆปีที่ถึงงานครบรอบวันเกิดของคุณอีอี หรือการรวบญาติในวันตรุษจีน ถึงเวลานั้นยังไงก็จะต้องเรียก ”

อวี้หนานเฉิงชำเลืองมองพ่อบ้านอย่างเย็นชา “ลุงโจว อายุมากขึ้นคำพูดก็มากขึ้นตามอายุสินะ ผมคิดว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องเกษียณและกลับบ้านไปดูแลตัวเองแล้ว”

เซิ่งอันหราน ก้มศีรษะลงพร้อมกับกลั้นหัวเราะ

พ่อบ้านปิดปากของเขาทันที และเปิดประเด็นอื่นด้วยรอยยิ้ม

“ตรงนี้มีพื้นต่างระดับ อย่าลืมยกเท้าขึ้นด้วย คุณชายน้อย คุณหนูระวังด้วย ”

บ้านเก่าแก่ของตระกูลอวี้ เป็นสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครองของเมืองจินหลิง เป็นบ้านลึกแบบเก่า หลังจากเดินผ่านทางเดินที่คดเคี้ยว และเดินผ่านประตูบ้านหลายบาน ต้องใช้เวลาเดินสักพัก จึงจะเข้ามาถึงยังที่รับประทานอาหาร

ถึงแม้ว่าผมของชายชราจะขาวโพลนหมดหัวแล้ว แต่ร่างกายของเขาก็ยังดูแข็งแรงมาก เขายืนตัวตรง

“ท่านประธานใหญ่” เซิ่งอันหราน ทักทายด้วยความเคารพ

“เธอไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ นี่ไม่ใช่ที่ทำงาน ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเกษียณแล้ว อย่าเรียกท่านประธานใหญ่เลย เธอเรียกเหมือนกันกับหนานเฉิงเถอะ เรียกฉันว่าคุณปู่ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น "

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซิ่งอันหรานก็หน้าแดง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะร้องเรียกออกไปว่า “คุณปู่”

ชายชราพอใจเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็หันไปมองที่เซิ่งเสี่ยวซิง และอวี้จิ่งซีด้วยรอยยิ้ม

“มานี่สิ ซิงซิงน้อย จิ่งซี มานั่งตรงนี้กับคุณทวด

เซิ่งเสี่ยวซิงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนนอก เธอจับมือของชายชราและจูบไปที่แก้มของเขา "คุณทวด หนูอยากทานไอศกรีมทอดนั่นอีก"

" ได้สิ ในครัวกำลังเตรียมไว้รอหนูอยู่ อีกสักครู่ก็คงจะยกมาแล้ว”

เมื่อเห็นครอบครัวปรองดอง คุณทวด หลานๆ เหลนๆมีความสุข เซิ่งอันหรานจึงเกิดความสงสัยเล็กน้อย "เสี่ยวซิงซิงไปสนิทกับท่านตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ?"

ชายชราผงะไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าสมองของเขาถูกช็อต

พ่อบ้านรีบตอบกลับไปว่า “หลังจากที่เจอเธอในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ นายท่านก็รู้สึกชอบคุณหนูซิงซิงมาตลอด นายท่านยังได้ยินมาว่าคุณชายน้อยสนิทกับเธอมากๆ ดังนั้นจึงแลกเบอร์โทรศัพท์ของกันและกันไว้ ในบางครั้งก็จะโทรถามคุณหนูซิงซิง เกี่ยวกับเรื่องคุณชายน้อยตอนที่เขาอยู่โรงเรียน ”

“เป็นแบบนี้นี่เอง ” เซิ่งอันหรานไม่มีอะไรที่รู้สึกสงสัยแล้ว “ก็ใช่ จิ่งซีตัวแค่นี้ แถมยังไปโรงรียนเป็นครั้งแรก เขาต้องอยู่ในโรงเรียนคนเดียว ถ้าท่านจะกังวลมันก็เป็นเรื่องปกติ ”

แววตาของอวี้หนานเฉิงดูซับซ้อน เขาจ้องไปที่ชายชราเป็นเวลานาน

ชายชราที่นั่งเงียบ พอได้สบสายตาคู่นั้นของอวี้หนานเฉิง เขาก็แสร้งทำเป็นไอแห้งขึ้นมาในทันที เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของอวี้หนานเฉิง

เบาะแสที่ถูกจับได้ บอกอวี้หนานเฉิงว่ามันจะต้องมีความลับอะไรบางอย่าง ระหว่างเจ้าตัวเล็กสองคนและคุณปู่ คุณปู่กับซิงซิงน้อยดูคุ้นเคยกันมาก ดูไม่เหมือนกับคนที่เคยเจอกันมาก่อนเพียงแค่ครั้งเดียว

“คุณปู่ เรื่องไอศกรีมทอด ก็คุยผ่านโทรศัพท์ด้วยหรือเปล่า?” เขาถามขึ้นอย่างไม่มีความเกรงใจ

ชายชราติดขัดอีกครั้ง เขาเหลือบมองไปที่พ่อบ้าน แต่คราวนี้พ่อบ้านก็ไม่รู้ว่าจะใช้มุกอะไร

ปู่และหลานชายเผชิญหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นชายชราก็แสร้งไอขึ้นอย่างไม่เกรงใจอีกครั้ง

“พอรู้ว่าซิงซิงน้อยจะมาที่นี่ ฉันเลยถามเธอก่อนล่วงหน้า ว่าเธอชอบกินอะไร ฉันที่เป็นคุณทวดทำแบบนี้มันผิดหรือเปล่า ? แต่แกสิ รู้จักอันหรานมานานขนาดนี้แล้ว ฉันถามแกว่าเธอชอบกินอะไร แกพูดว่ายังไงนะ? "

คำถามถูกย้อนกลับมาที่เขา

อวี้หนานเฉิงชะงักตัวแข็งทื่อ

“คุณตอบไปว่าอะไร ” เซิ่งอันหราน เลิกคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย “ ฉันชอบทานอะไร?”

“แคกๆๆ” ท่าทางของอวี้หนานเฉิงดูไม่เป็นธรรมชาติ“ผมจำได้ว่า คุณไม่ใช่คนที่จู้จี้จุกจิกเรื่องการทานอาหาร และไม่มีอะไรที่คุณทานไม่ได้ ดังนั้น…”

“ผมเลยจำไม่ได้ว่าคุณชอบทานอะไร ” ชายชราจ้องเขม็งมาที่เขา ในตอนนี้ เขาได้รับศักดิ์ศรีของผู้อาวุโสกลับคืนมาแล้ว “อันหรานเป็นคนอารมณ์ดี ถ้าตอนนี้คนที่อยู่ตรงนี้เป็นสาวคนอื่น ป่านนี้ก็คงจะบอกเลิกแกไปนานแล้ว ”

อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้วและพูดไม่ออก

เซิ่งอันหรานที่นั่งอยู่ทางด้านข้างรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ชายชราคนนี้อาจเป็นเพียงคนเดียวในโลกที่สามารถสั่งสอนอวี้หนานเฉิงแบบนี้ได้

อาหารเย็นวันนี้ เป็นการทานอาหารที่สนุกและมีความสุขมาก ชายชรานั่งตรงกลาง ทางด้านซ้ายและด้านขวามีเด็กสองคนนั่งประกบอย่างเชื่อฟัง เซิ่งอันหรานและอวี้หนานเฉิงนั่งอยู่ตรงข้าม พ่อครัวของตระกูลอวี้ไม่ได้เก่งเพียงแค่โม้ รสชาติอาหารของที่นี่ดีกว่าพ่อครัวของโรงแรมเซิ่งถังเสียอีก

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เด็กทั้งสองก็ขึ้นไปเล่นที่ชั้นบน เซิ่งอันหราน และอวี้หนานเฉิงไปนั่งดื่มชาเป็นเพื่อนชายชราในห้องนั่งเล่น

“อันหราน เธอลองดูสิว่ามีวันไหนที่เธอว่าง พวกเรามาลองเลือกวันกันดู”

“วันอะไรคะ ?” หัวใจของเซิ่งอันหรานเต้นแรงขึ้น

“ฉันคิดว่าเรื่องของเธอและหนานเฉิงควรจะประกาศให้ญาติๆและเพื่อนๆได้รับรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงพวกดอกไม้ป่า วัชพืชข้างนอกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”

เดิมทีชายชรากำลังยิ้มในตอนที่เขาพูด แต่เมื่อเขาพูดถึงคำว่า 'ดอกไม้ป่าและวัชพืช' เขาก็จ้องไปที่อวี้หนานเฉิงอย่างรวดเร็ว "ฉันปล่อยให้เด็กคนนี้ไปจัดการเรื่องนักแสดงสาวคนนั้นให้ชัดเจนแล้ว ถอนรากถอนโคนตั้งแต่ต้นตอของปัญหา หากไม่ใช่เพราะอันหรานเป็นคนใจกว้าง แกรอวันที่จะต้องเสียใจไปได้เลย ”

เมื่อพูดถึงข่าวของเกาหย่าเหวิน เซิ่งอันหรานก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที เธอช่วยอวี้หนานเฉิงพูดแก้ต่าง “อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก มันเป็นเรื่องของการไล่ตามเงา อีกอย่างเรื่องนี้เราได้จัดการแก้ไขแล้ว คุณปู่อย่าได้กังวลหรือเอามันมาใส่ใจเลยนะคะ ”

ประโยคคำว่า "คุณปู่" ทำให้ชายชรามีความสุข

“เหมาะสมกับการเป็นลูกสาวที่มาจากตระกูลใหญ่ ดีกว่าบางคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร อย่างนั้นก็เป็นอันว่าตกลงแล้วนะ วันที่สิบของเดือนหน้าเป็นวันดี ในวันเกิดของฉัน เราจะประกาศเรื่องของพวกเธอทั้งสองคน ”

เซิ่งอันหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรู้สึกใจหวิวๆ

“คุณปู่ คุณปู่ยังไม่เคยพบกับครอบครัวของอันหรานเลยนะ ดังนั้นการตัดสินใจเองแบบนี้ มันดูไม่ค่อยดี ” อวี้หนานเฉิงเอ่ยปากพูดขึ้น เขาตอบคำถามนี้แทนเซิ่งอันหราน

“ทำไมฉันถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปได้นะ” ชายชราอารมณ์เสียเล็กน้อย “ใช่ ฉันจะต้องเตรียมการ และจะไปพบกับครอบครัวของอันหรานก่อน ”

“เรื่องนี้ให้ผมเป็นคนจัดการเอง” เขารู้ว่าเรื่องครอบครัวของเซิ่งอันหรานนั้น มันมีเรื่องที่ซับซ้อน อวี้หนานเฉิงจึงตอบคำถามแทนเธออีกครั้ง

“ได้ รีบไปจัดการให้เร็วที่สุด ” ชายชรากำชับอวี้หนานเฉิงด้วยความกังวล

เมื่อได้ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง เซิ่งอันหรานก็รู้สึกใจหายเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าความคิดของเธอนั้นช้ากว่าอวี้หนานเฉิงมาก อวี้หนานเฉิงจะต้องเห็นความกังวลที่อยู่ในแววตาของเธอแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า

ในตอนเย็น ชายชราต้องการให้เซิ่งอันหรานและอวี้หนานเฉิงพักอยู่ที่นี่ และไม่อนุญาตให้เซิ่งอันหรานปฏิเสธ คนรับใช้เดินมาบอกว่าเด็กสองคนได้หลับไปแล้ว จะไปก็ไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงต้องปฏิบัติตามคำขอ

ไม่รู้คนรับใช้จงใจ หรือเป็นความประสงค์ของชายชรา จึงได้จัดให้เธอนอนพักที่ห้องของอวี้หนานเฉิง

“ไม่มีห้องอื่นแล้วหรือ ?” เซิ่งอันหรานยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของอวี้หนานเฉิง และเขินเล็กน้อย ยังไงซะ ทั้งสองก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน บ้านหลังนี้เป็นบ้านแบบโบราณ เธอรู้สึกว่าจะต้องรักนวลสงวนตัวสักหน่อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน