ความหมายของคำพูดของอวี้หนานเฉิงคือสัญญาแต่งงานในวัยเด็ก ผู้ใหญ่ตัดสินใจกันเอง ไม่ได้ถามความยินยอมของเขา พูดรวบรัดก็นำตัวเองมาอยู่ในเรื่องนี้แล้ว
เซิ่งอันหรานมุ่ยปากใส่เขา ตั้งใจโต้เถียง
“หยุดเลย นิสัยเสียของคุณ อย่าพูดว่าอายุน้อย แค่คุณสามารถพูดได้ เพียงแค่คุณไม่ยินยอมใครก็ไม่สามารถบังคับคุณได้ จะว่าไป ความจริงคุณก็ยังชอบเด็กผู้หญิงที่เล่นกันมาตั้งแต่เยาว์วัยเถอะ”
“อยากฟังความจริงไหม?”
สายตาของอวี้หนานเฉิงลึกซึ้งมาก มองเซิ่งอันหราน
ยังมีจริงๆเหรอ?
“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”อวี้หนานเฉิงดีดหน้าผากของเธอ
เธอสบถออกมา จับหน้าผากและพูดอย่างไม่พอใจ“จะพูดก็พูด ทำไมต้องลงไม้ลงมือ?”
สีหน้าเย็นชาของอวี้หนานเฉิงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เวลาที่เงียบไม่พูดจาราวกับว่ากำลังครุ่นคิดคำที่จะพูด
“เวลาที่พ่อฉันยังมีชีวิตอยู่ก็อยากได้ลูกสาวมาโดยตลอด แต่ไม่เคยสมหวัง ดังนั้นมีช่วงหนึ่ง เขาปฏิบัติต่อมั่นหันเหมือนลูกสาวของตัวเอง”
เซิ่งอันหรานชะงักไปเล็กน้อย นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่อวี้หนานเฉิงเป็นฝ่ายพูดกับเธอเรื่องของพ่อ แต่ว่าครั้งนี้แทบจะสงบมาก
“แม่ฉันเป็นจิตรกร ในใจก็ทำได้แค่ฝันถึงเธอ มักจะออกไปกับกระดานวาดภาพสองสามเดือน การเกิดของฉันไม่มีผลกับนิสัยการใช้ชีวิตของเธอ
นอกจากจะวาดภาพเสร็จแล้วก็ถือโอกาสมาหาฉัน ฉันกับเธอมีโอกาสเจอกันน้อยมาก เป็นแบบนี้ต่อเนื่องกันหลายปี”
เสียงหนักแน่นของอวี้หนานเฉิงรินไหลอยู่ในห้องสลัว สงบจนฟังไม่ออกถึงอารมณ์ใดๆ เหมือนกำลังบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
จากคำพูดของเขา เซิ่งอันหรานจึงรู้ว่ามั่นหันเกี่ยวข้องกับตระกูลอวี้
พ่อแม่ของอวี้หนานเฉิงไม่ค่อยจะได้อยู่ร่วมกัน แม่อยู่ด้านนอกตลอดทั้งปี พ่อก็ทำงานยุ่งมาก ก็นำเขาทิ้งให้คุณปู่กับพ่อบ้านดูแล ชายชราอวี้นิสัยไม่ดี เข้มงวดในการสอนเด็กเสมอ ถึงแม้ว่าอวี้หนานเฉิงจะเป็นเด็ก ก็ไม่ยอมให้เขามีอิสระในหลักการที่ยึดมั่น นิสัยจึงแปลกประหลาดกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
หลังจากที่โตแล้ว พ่อของอวี้หนานเฉิงก็คิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ จึงนำเขากลับมาอยู่ข้างกายของตัวเอง เพียงแค่มีวันพักผ่อนก็จะพาเขาไปเข้าร่วมชุมนุมกับเด็กวัยเดียวกัน หวังว่าเขาสามารถเข้าไป และคบหากับเพื่อน
ตระกูลหลินมีเด็กเยอะ เด็กชายสองคนอายุไม่ต่างกับอวี้หนานเฉิงมาก ยังมีเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจะเดินได้ ปิดเทอมภาคฤดูร้อนก็ถูกพ่อส่งเข้าไป หลังจากนั้นจึงไปรับเขา เขาไม่ได้คุ้นเคยกับเจ้าหนุ่มสองคนนี้ ทั้งสองคนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
เจ้าหนุ่มเกาจ้านแกล้งให้เขากินเผ็ดทำให้เขาต้องนอนโรงพยาบาลหนึ่งสัปดาห์ อีกคนหนึ่งคือหลินมั่นหันสาวน้อยที่พูดไม่ชัดเจน
เกาจ้านคือปะทะกันก่อนถึงจะกลายเป็นเพื่อนซี้กันได้ ส่วนหลินมั่นหัน เพราะว่าปิดเทอมภาคฤดูร้อนผ่านไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก เจ้าหนุ่มของตระกูลหลินต่อต้านคนภายนอกมาก ไม่ยอมที่จะเล่นกับเขา เขาก็มีความสุขกับความเงียบ ทุกวันก็จะนั่งพักอยู่ที่มุม มีเพียงสาวน้อยคนนี้ที่เพิ่งจะเดินได้เดินโซซัดโซเซเข้ามา กำมุมเสื้อของเขาส่งหนังสือนิทานให้เขาบังคับให้เขาอ่านให้ตัวเองฟัง ไม่พูดก็ร้องไห้
“ฉันเล่านิทานเรื่องปิดเทอมภาคฤดูร้อนให้เธอฟัง หลังจากนั้นแม่ของมั่นหันก็นำเรื่องนี้บอกกับพ่อ หลังจากนั้นทุกปิดเทอมภาคฤดูร้อนพ่อฉันจะรับมั่นหันมาอยู่ที่บ้านฉัน พ่อฉันถือว่าเธอเป็นลูกสาว ฉันเดาว่าอยากจะบอกเป็นนัยกับแม่ฉันให้มีลูกให้เขาอีกคนเถอะ”
ดังนั้นช่วงเวลานี้คนภายนอกเพ้อฝันว่าเรื่องราวเด็กชายเด็กหญิงที่เล่นกันมาตั้งแต่เยาว์วัยเป็นเรื่องที่เกินความจริงมาก เดิมทีไม่ได้คิดจะหา
ภรรยาให้อวี้หนานเฉิง แต่ตัวเองอยากจะมีลูกสาว ใช้วิธีพูดรื่นหูมาแสดงออก ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
เซิ่งอันหรานได้ฟังก็ตกใจจนพูดไม่ออก “พ่อคุณคือชักแม่น้ำทั้งห้าจริงๆ ในเมื่อเขาอยากจะได้ลูก ทำไมไม่พูดกับแม่คุณโดยตรง?บางที…”
ยังพูดไม่จบ เธอก็ปิดปาก กลืนคำพูดด้านหลังลงไป ถึงยังไงก็เป็นผู้ใหญ่ ตัวเองพูดไร้สาระก็ไม่ดี
ข้างหูได้ยินเสียงของอวี้หนานเฉิง น้ำเสียงซับซ้อน
“ตั้งแต่ฉันเริ่มจำได้ พ่อกับแม่ฉันก็คือแยกห้องกันนอน”
ได้ยินประโยคด้านหลังนี้ เซิ่งอันหรานหัวใจแน่นขึ้นมา“ขอโทษ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน