ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 189

ในอีเมลมีข้อความจากผู้ช่วยโจวฟังที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน

ทะเบียนสมรสที่ถูกสแกนในเวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยหน่วยงานราชการ มีลายเซ็นของบุคคลทั้ง 2 และระยะเวลาในการรับรองเอกสาร อีกฉบับคือสถานะ การแต่งงานของพลเมืองอเมริกัน รวมทั้งรูปถ่ายของครอบครัวบางส่วน มีไฟล์แนบเกี่ยวกับประวัติโดยย่อของกู่เจ๋อ

หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซนต์ยอร์ค เขาเริ่มต้นจากศูนย์และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการออกแบบ ในเวลาเพียง 3 ปี เขาสร้างรายได้มหาศาลจากบริษัทเสื้อผ้า ตอนนี้บริษัทของเขามีทรัพย์สินในมือมูลค่าเป็น 500 อันดับแรกของโลก ชีวประวัติของเขามันช่างน่าทึ่งจริงๆ

แม้แต่อวี้หนานเฉิงเองยังต้องยอมรับว่าชายผู้นี้เป็นคนนี้เก่งกาจมากๆ

แต่สิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ก็คือ ตอนที่อันหรานอยู่กับเขา เขายังไม่มีอะไรเลย วันวาเลนไทน์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พวกเขาทั้งสองได้จดทะเบียนสมรสในสหรัฐอเมริกา เขาไม่สามารถหาเหตุผลอื่นใดมาอธิบายได้นอกจากเรื่องความรัก . ทำไมเธอต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นทั้งที่ตอนนั้นเขายังไม่มีอะไรเลย

และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการหย่า

บรรยากาศในห้องเงียบจนน่ากลัว เงียบจนขนาดที่ได้ยินเสียงน้ำหยดจากฝักบัวในห้องน้ำที่เปิดไม่สนิท

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ "เพล้ง"

คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่กระแทกลงบนพื้นดังสนั่น แฟ้มข้อมูลเอกสารหลากหลายกระจัดกระจายอยู่บนพื้นเต็มไปหมด รวมทั้งแก้วไวน์ที่แตก มีรอยเปื้อนอยู่บนผนัง เศษแก้วเกลื่อนกลาดลงมากองอยู่ที่มุมของห้อง

เวลาเพี่ยงชั่วครู่หนึ่ง ให้ห้องหนังสือเละตุ้มเป๊ะไปหมด

"คุณชาย……"

แม่บ้านรีบวิ่งเข้าไป เธอยืนอยู่ที่หน้าประตู ด้วยสีหน้าซีด "นี่มัน..."

"ออกไป……"

“คุณชายมือของคุณ...”

"ไสหัวออกไป"

เสียงตะคอกพุ่งเข้าใส่แก้วหูของคนรับใช้ ทันใดนั้นทางด้านนอกหน้าต่างก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา พายุฝนตกลงโปรยปรายลงมาแทบจะในทันที แสงของสายฟ้าแลบสะท้อนอยู่บนใบหน้าของอวี้หนานเฉิงราวกับว่า เขาเป็นวิญญาณของผู้ที่มาจากนรก ใบหน้าดูมืดมนอย่างหาที่เปรียบมิได้ หย่งเอินตกใจกลัวจนสีหน้าซีดขาว เธอเดินโซเซไปปิดประตู จากนั้นก็รีบวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น

ในซากห้องหนังสืออันเละเทะ อวี้หนานเฉิงมีใบหน้ามืดมน เศษแก้วที่แทงทะลุมือของเขา นิ้วมืออันเรียวยาวมีเลือดค่อยๆหยดลงบนพื้นห้อง มันควบแน่นจนกลายเป็นคราบสีดำ

“พ่อของอันหรานฟื้นแล้วใช่ไหม”

เกาจ้านถือร่มและเดินไปส่งถานซูจิ้งที่ด้านล่างของคอนโด "การไปแคมป์ผจญภัยที่เรากล่าวถึงก่อนหน้านี้ เรามาทำการยืนยันเวลากันดีกว่า นี่ก็ผัดมานานมากแล้ว"

“พรุ่งนี้ฉันจะลองพูดกับอันหรานดู น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ยังไงซะคุณหมอก็บอกแล้วว่าอาการพ่อของเธอค่อนข้างคงที่แล้ว หากว่าร่างกายพื้นตัวดี อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามปีก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร "

"อยู่ได้อีกสองสามปี"

เกาจ้านตกตะลึง "นี่เป็นคำพูดที่คุณใช้ปลอบโยนคนเหรอ? เซิ่งอันหรานปกติมักจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากคุณหรือ?"

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ถานซูจิ้งเหลือบตามองเขา “คุณเคยได้ยินประโยคที่ว่ากรรมตามสนองไหม? ตอนที่พ่อของเธอยังเป็นหนุ่ม เขาไม่สนใจดูแลครอบครัวของตัวเอง แอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยเต็มไปหมด และยังทำให้เซิ่งอันหรานเกิดมาโดยไม่มีแม่ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะคุณตาของอันหรานต้องมาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เขาก็คงไม่คิดที่จะกลับไปรับเธอกลับมาเลี้ยงดู ”

“พ่อของเธอก็ปฏิบัติต่อเธออย่างดีไม่หรือ ? ไม่สามารถสรุปแบบนั้นได้ นั้นมันเป็นเรื่องของคนในรุ่นก่อน ”

“หุบปากซะ ฉันฟังไม่ค่อยชินกับเรื่องนี้”

ถานซูจิ้งดูไม่พอใจ “เรื่องของคนรุ่นก่อนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาส่งผลกระทบและมาจบในคนรุ่นต่อมา เซิ่งชิงซานรู้ดีแกใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำให้แม่ของอันหรานต้องตาย และยังจะแต่งเอาเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน มันไม่มีอะไรน่าเห็นใจเลยสักนิด ”

เกาจ้านแทบจะไม่มีความรู้สึกแปลกใจ

เพราะเรื่องของบ้านตระกูลเซิ่งเขาก็พอที่จะเคยได้ยินมาบ้างเช่นกัน ตอนแรกเขาก็ไม่รู้หรอก แต่ยังไงซะเซิ่งอันหรานก็เป็นเพื่อนของถานซูจิ้ง ดังนั้นเขาจึงมีการไปตรวจสอบและมีข้อมูลอยู่บ้าง ในปีนั้นข่าวเรื่องของบ้านตระกูลเซิ่งได้ถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ นิตยสารและอื่นๆอีกมากมาย

คิดที่จะทำลายหรือเพิกถอนกลับคงทำไม่ได้

ภรรยาน้อยมาถึงประตูหน้าบ้านพร้อมกับท้องที่กำลังตั้งครรภ์ ทำให้หญิงที่เป็นภรรยาต้องคลอดก่อนกำหนด แต่ก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวไปถึงโรงพยาบาล ผู้เป็นแม่ก็หมดลมหายใจก่อนเสียแล้ว ส่วนเด็กน้อยคุณหมอได้ทำการคลอดโดยการผ่าคลอด จึงทำให้รักษาชีวิตเด็กไว้ได้ ในขณะนั้นมีความคิดเห็นของประชาชนจำนวนมาก

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เซิ่งชิงซานจะไม่มีความสงสัยหรือไม่รู้เลยก็เป็นไปไม่ได้ แต่ทว่า ในท้ายที่สุด เขาก็ยังแต่งงานกับภรรยาน้อยคนนั้น อีกทั้งยังส่งลูกสาวของตัวเองให้กับครอบครัวของภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นผู้รับภาระดูแลอยู่หลายปี ก่อนที่เขาจะรับเธอกลับคืนมาดูแลต่อ

“ทุกอย่างที่เขาทำก็เพราะความรู้สึกผิด เขาต้องการชดใช้บาปของตัวเอง ความผิดที่ก่อมันไม่สามารถแก้ไขได้ ช่วงเวลาในวัยเด็กและวัยรุ่นของอันหรานเกือบจะเหมือนกับเบี้ยตัวหนึ่งที่อยู่ในเกม”

ใบหน้าของถานซูจิ้งดูเย็นชา จากนั้นเธอก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมา "ไม่มีใครดีสักคน"

คุณน้าสะใภ้ของอันหรานเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของซูเมิ่งแม่ของเธอในช่วงที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ซูเมิ่งเป็นคนมีนิสัยอ่อนแอ ส่วนเธอเป็นคนแข็งแกร่ง หลังจากที่ซูเมิ่งเสียชีวิต ทุกคนคิดว่าเธอจะปฏิบัติต่ออันหรานดังเช่นลูกสาวคนหนึ่งของตัวเอง แต่ในทางกลับกัน ใครจะไปคิดว่าเธอจะโยนภาระไปให้คุณตาเป็นคนเลี้ยงดูอันหรานอยู่หลายปี และไม่คิดที่จะแยแสเซิ่งอันหรานเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่คุณตาเสียชีวิตลง เธอก็ขับไล่ไสส่งเซิ่งอันหรานออกไปจากบ้าน

จนกระทั่งหลายปีต่อมาอันหรานจึงได้รู้ว่า อาสะใภ้ของเธอไม่เต็มใจที่อยากจะเห็นเซิ่งชิงซานใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นนี้ไปตลอด และลืมความตายอันน่าสลดใจของภรรยาเมื่อปีก่อนหน้า ดังนั้นเธอจึงต้องส่งอันหรานไปเตือนสติในสิ่งที่เขาทำ ว่าวันเวลาดีๆในชีวิตของเขานั้น เขาขโมยมาจากคนอื่น . . .

น้าสะใภ้เก็บความรู้สึกเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจแล้ว และไม่คิดบังคับให้อันหรานเข้าไปอยู่ใกล้ชิดกับเซิ่งชิงซานอีก เธอมอบความรักให้กับเซิ่งอันหราน ความรักที่เหมือนกับความรักของแม่ อย่างที่เซิ่งอันหรานไม่เคยได้รับมาก่อน

ถานซูจิ้งเป็นคนนอก แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีส่วนร่วมในความเจ็บปวดและการต่อสู้ของอันหราน มาก่อน แต่เธอรู้และเข้าใจมากกว่าใคร ๆ เธอสงสารอันหราน เช่นเดียวกับที่เธอสงสารตัวเอง

ใบหน้าที่ดื้อรั้นของเธอสะท้อนอยู่นัยน์ดวงตาของเกาจ้าน หัวใจของเธอสับสนไปหมด และยากที่จะสงบลงได้

เป็นผู้หญิงที่วิเศษอะไรอย่างนี้ เขาเชื่อว่าเขาเคยผ่านชีวิตที่ยากลำบากสุดๆมาแล้ว และเขาคงจะไม่ได้พบกับผู้หญิงคนไหนที่เหมือนเธออีกต่อไป เขาจึงรู้เป็นห่วง

และอยากจะคว้าเอาหัวใจออกมาวางไว้ต่อหน้าของเธอ

"จิ้งจิ้ง แต่งงานกันเถอะ"

ในคืนที่ฝนตก น้ำเสียงที่สงบและแน่วแน่ของเกาจ้าน สะท้อนอยู่ในใต้ร่มคันเล็กๆ

แหวนอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขามานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว เพียงแค่รอโอกาส หญิงสาวที่ทำให้ตนเองรู้สึกหวั่นไหว เขาแทบจะอดทนไม่ไหวและอยากจะแสดงความรู้สึกนั้นออกมาต่อหน้าของเธอ

ถานซูจิ้งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอยกลับโดยไม่รู้ตัว สายฝนตกลงมากระทบโดนตัวของเธอ

เกาจ้านรีบขยับร่มออกไปกันฝนให้กับเธออย่างรวดเร็ว มืออีกข้างหนึ่งล้วงที่กระเป๋าเสื้อสูท

“อย่าเอามันออกมานะ”

ถานซูจิ้งส่งเสียงเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเขา

“เกาจ้าน ถ้าหากคุณเอามันออกมาล่ะก็ นับแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราต่างคนต่างเดิน ไม่ต้องมาติดต่อกันอีก ”

เกาจ้านตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน

“จิ้งจิ้ง นี่คุณ...”

“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว วันนี้เราคุยกันมากพอแล้ว ฉันไม่อยากคุยต่อไปมากกว่านี้ ฉันกลับแล้วนะ คุณก็รีบกลับไปเถอะ ”

ถานซูจิ้งพูดอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเธออยากจะให้มันผ่านพ้นไปซะเดี๋ยวนี้ หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังกลับและเตรียมตัวเดินออกไปในทันที แต่ทว่า จู่ ๆ เกาจ้านก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้

"ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ"

“ถาน ซู จิ้ง ” เกาจ้านจับมือเธอและปฏิเสธที่จะปล่อยมือด้วยท่าที่แข็งกระด้าง เขาไม่เคยมีท่าทีแบบนี้กับเธอมาก่อน “คุณจะต่อต้านอะไร? คุณก็รู้ๆอยู่ว่าผมรักคุณ ที่ผมเลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่ม เลิกเรื่องผู้หญิง เลิกทะเลาะวิวาท ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ขอแค่บอกมา ไม่ว่าผมจะทำได้หรือไม่ได้ ผมจะไม่ปฏิเสธเลยสักคำ ผมจะทำในทันที ขอแค่ขอเรื่องเดียว แต่งงานกับผมนะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน