ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 201

หลังจากขับรถมากว่า 30 กิโลเมตร ในที่สุดก็มาถึงเมืองกวนไห่

บนที่นั่งข้างคนขับ มุมตาของเซิ่งอันหรานยังมีคราบน้ำตาติดอยู่ เธอผล็อยหลับไป

อวี้หนานเฉิงอดไม่ได้ที่จะปลุกเธอ และเขาก็รู้ว่าเวลาบีบมาก ต้องจัดการเรื่องต่างๆให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อจอดรถ เขาก็ตบไหล่เธอเพื่อเรียกให้ตื่น

“อันหราน ถึงแล้ว”

เซิ่งอันหรานลืมตาขึ้น เธอจ้องไปที่อวี้หนานเฉิงเป็นเวลานาน ก่อนจะเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง ราวกับว่ากำลังอยู่ในภวังค์ความฝัน

แสงแดดข้างนอกแรงมาก จนเกือบจนเผาไหม้ผิวคน

หลังจากลงรถเซิ่งอันหรานเดินได้สองก้าวเธอก็ถูกร่มเงามาปกคลุม เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นอวี้หนานเฉิงถือร่มสีดำยืนอยู่ข้างกายเธอ และถามอย่างเป็นกันเองว่า

“จะไปไหน ?”

เธอดึงสติกลับมา แล้วชี้ไปยังร้านขายของชำข้างหน้า

“ตรงนั้น ซูจิ้งให้ฉันมาติดต่อเจ้าของร้านขายของชำ เป็นร้านเดียวในเมืองนี้ที่มีโทรศัพท์สาธารณะ”

เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ เมืองหลินปัวจึงไม่ร่ำรวย โดยเฉพาะเมืองกวนไห่ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นสถานที่จนและน่าสงสาร ราวกับว่ายังคงรักษาสภาพเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตดั้งเดิมไว้ ทุกที่สามารถเห็นชาวประมงนั่งอาบแดดอยู่ที่ประตู และดูดบุหรี่ที่ทำเอง

หลังจากแนะนำตัวเองกับเจ้าของร้านขายของชำแล้ว เจ้าของร้านก็จำได้ทันทีว่าเซิ่งอันหรานคือคนที่เขาเคยคุยด้วยเมื่อก่อน เขาเรียกภรรยาออกมาดูร้าน จากนั้นก็พาเซิ่งอันหรานและอวี้หนานเฉิงทั้งสองคนไปหาฉินปัว

“เสี่ยวปัวอาศัยอยู่ริมทะเล เด็กคนนี้ค่อนข้างแปลก เขาไม่ค่อยติดต่อกับใครในเมืองของเรา”

“จริงเหรอคะ ? แปลกยังไงเหรอคะ ?”

เซิ่งอันหรานเดินตามเจ้าของร้าน และถามเรื่องของนักออกแบบฉินปัวด้วยความสงสัย

เขาไม่ต้องการมีชีวิตที่ดีในเมืองนี้ เขากลับมายังที่ยากจนของพวกเราที่นี่เพื่อลิ้มรสความยากลำบาก นี่มันยังไม่แปลกอีกเหรอ ?

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซิ่งอันหรานก็ยิ้ม คุณลุงคะ ตอนนี้มีผู้คนมากมายที่เป็นแบบนี้ ในเมืองวุ่นวายเกินไป การได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน

“ฉันไม่เข้าใจ แตว่า เสี่ยวโบยังมีเรื่องที่แปลกมากกว่านี้อีก เมื่อสองปีก่อนนายกเทศมนตรีของพวกเราได้เป็นประธานในการพัฒนารีสอร์ตท่องเที่ยวริมทะเล แต่สุดท้ายก็โดนเด็กจนนี้ก่อกวนจนล้มโครงการไป”

“ห๊ะ ? ทำไมล่ะคะ? ”

“บอกว่ามีคนมากเกินไปรบกวนความสงบของเขา และยังบอกว่าเป็นมลพิษอะไรไม่รู้อีก”

“นายกเทศมนตรีไม่มีวิธีจัดการกับเขาเหรอคะ ?”

เสี่ยวโบมีวัฒนธรรม เขาเป็นคนเดียวในเมืองของพวกเราที่เคยไปต่างประเทศ คนส่วนใหญ่ในเมืองของเราล้วนฟังสิ่งที่เขาพูด อย่างไรก็ตามเรื่องการพัฒนา พวกเราก็ไม่เข้าใจอะไรยังไง เลยปล่อยเขาไป

เมืองกวนไห่ค่อนข้างห่างไกลและแยกตัวออกจากโลกภายนอกอย่างมาก ดังนั้นที่มีคนอย่างเสี่ยวโบอยู่ที่เคยไปต่างประเทศอยู่ที่นี่ มันก็ราวกับว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพล แม้แต่นายกเทศมนตรีก็ยังให้ความเคารพเขาเลย

เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว

ฉินปัวคนนี้กำลังขัดขวางการพัฒนาของผู้คนในเมืองนี้เพียงเพื่อผลประโยชน์ในการใช้ชีวิตของตัวเอง ?

ถ้ารู้ว่าการท่องเที่ยวพัฒนาขึ้นมา เมืองทั้งเมืองก็จะเปลี่ยนโฉมใหม่ และจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากเดินไปเกือบสองชั่วโมง ท้องของเซิ่งอันหรานเริ่มร้องแล้ว ในที่สุดเธอก็ได้ยินเจ้าของร้านพูด

“ถึงแล้ว”

เจ้าของร้านขายของชำชี้ไปยังบ้านไม้ทาสีฟ้าขาวริมทะเล

เสี่ยวปัวอาศัยอยู่ที่นี่ ฉันไม่เข้าไปละนะ ถ้าพวกคุณสองคนต้องการที่พักในตอนกลางคืน ก็กลับไปในเมือง ถ้าหากว่าหาทางไม่เจอ ก็โทรศัพท์ไปที่ร้านของฉัน ฉันจะให้ลูกสาวมารับพวกคุณ

“โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณเจ้าของร้าน”

หลังจากพูดขอบตุณ เซิ่งอีนหรานและอวี้หนานเฉิงทั้งสองคนเดินตามกันไปยังบ้านริมทะเลที่ไม่เหมือนใคร

บริเวณริมทะเลแห่งนี้ยังไม่มีการพัฒนาเลย ไม่มีหาดทรายที่อ่อนนุ่ม และทิวทัศน์บริเวณโดยรอบก็ไม่ค่อยดีนัก และในสายลมก็ยังมีกลิ่นความของทะเลอีก

บ้านไม้สีขาวล้อมรอบไปด้วยรั้วสีขาวเป็นวงกลม ด้านในมีชั้นวางของไม้สามชั้น แขวนไปด้วยปลาเค็มและเสื้อผ้าตากแห้งของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่

มีชายผิวคล้ำสวมเสื้อคนหนึ่งคนหนึ่งกำลังต้มน้ำอยู่ในบ้าน ใช้หม้อสนามและใช้วิธีการกลั่นน้ำแบบง่ายๆ

เป็นแบบดั้งเดิมจริงๆ

เซิ่งอันหรานและอวี้หนานเฉิงสบสายตากัน และยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ขอโทษนะคะ คุณฉินปัวหรือเปล่าคะ ?”

เซิ่งอันหรานยืนอยู่หน้าประตูรั้ว และถามด้วยความสุภาพ

ชายคนนั้นหันศีรษะมามองเธอ สายตาของเขาเย็นชาและดูตื่นตัว

“พวกคุณเป็นใครกัน ?”

“ฉันเป็นเพื่อนของถานซูจิ้ง เธอให้ฉันมารับคุณค่ะ ได้ยินว่าคุณกับถานซูจิ้งเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเซนต์ยอร์ค และคุณเป็นรุ่นพี่ของเธอ”

“ถานซูจิ้ง ?”

ชายหนุ่มยืนขึ้น เช็ดมือ แล้วเดินมายังประตูลานบ้าน “คุณเป็นเจ้านายที่ถานซูจิ้งพูดถึงคนนั้น ? นามสกุลเซิ่ง ?”

เซิ่งอันหรานรีบพยักหน้า แล้วหยิบนามบัตรของตัวเองส่งให้เขา

ชายหนุ่มไม่ได้เอื้อมมือมาหยิบ เขายังคงเฉยเมย ใบหน้าดำคล้ำของเขาราวก้นหม้อ จนเกือบจะเป็นสีดำเงา หลังจากมองไปที่เซิ่งอันหรานสักพัก เขาก็เหลือบไปมองอวี้หนานเฉิง

“แล้วเขาล่ะเป็นใคร ?”

“ผมเป็นบอดี้การ์ดของเธอ”

ก่อนที่เซิ่งอันหรานจะได้พูด อวี้หนานเฉิงที่ยืนอยู่เงียบๆก็เอ่ยปากขึ้นมา เขาพูดขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

เซิ่งอันหรานรีบหันมาจ้องเขาด้วยความกังวล

“บอดี้การ์ดอะไร คุณไม่ใช่.....ขอโทษนะคะ นี่คือผู้ช่วยของฉันค่ะ”

จะมีใครที่ไหนมาเชิญให้คุณออกมาจากภูเขาแล้วยังจะเอาบอดี้การ์ดมาด้วย นั่นมันแสดงว่าไม่ไว้ใจคนแล้วไม่ใช่เหรอคะ ?

เซิ่งอันหรานรู้สึกว่าอวี้หนานเฉิงมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา

ชายหนุ่มเหลือบมองอวี้หนานเฉิง ก่อนจะเปิดประตูรั้ว “เข้ามาเถอะ”

เมื่อมองไปที่ไหล่สีเข้มของชายหนุ่ม เซิ่งอันหรานก็ถอนหายใจ แล้วค่อยๆเดินตามเขาเข้าไป

“คุณฉิน ฉันรู้ว่าคุณอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวมานานแล้ว น่าเสียดายที่นักออกแบบที่มีพรสววรค์ด้านนี้จะถูกปล่อยไว้อยู่ที่นี่ ดังนั้นฉันเลยคิดว่า คุณสามารถพิจารณาที่จะออกจากเขานี้ได้นะคะ”

ฉินโปไม่แม้แต่จะมองเธอ เขานั่งลงตรงหน้าเครื่องกลั่นนำธรรมดาของตัวเอง หน้าของเขาสว่างขึ้นมาจากเปลวไฟ ได้ยินเพียงเสียงประกายไฟดังขึ้นมาจากทางเขาเท่านั้น

“ผมอยู่ที่นี่คนเดียว ที่นี่จึงไม่มีที่นั่ง พวกคุณเชิญตามสบายนะ”

หลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆอีก

เซิ่งอันหรานบ่นเงียบๆ ถานซูจิ้งหลอกลวงฉัน เจ้าฉินปัวคนนี้แปลกคนจริงๆ อยากจะเชิญเขาเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าฉินปัวเพิกเฉยอย่างสมบูรณ์ เซิ่งอันหรานอึ้งไปเลย เธอยืนอยู่ที่เดิม

เมื่อกำลังคิดเรื่องนี้ อวี้หนานเฉิงก็ออกมาจากข้างหลัง จากนั้นเสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้นมา

“คุณฉิน ในสายผมขอให้ใครช่วยทำอะไรสักอย่างมันไม่ใช่เรื่องยากเลย ก็แค่ต้องให้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการก็ได้แล้ว ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้การสื่อสาร ถ้าหากว่าคุณไม่ยอมพูดสิ่งที่คุณต้องการบอกมา พวกเรามาอยู่ที่นี่ มันก็ไร้ความหมาย”

เซิ่งอันหรานรีบดึงมือของอวี้หนานเฉิง แต่ก็พูดออกไปแล้ว มันก็เหมือนกับน้ำกระเซ็นแล้วไม่สามารถเก็บกลับมาได้

ปัวฉินหันศีรษะเหลือบไปมองอวี้หนานเฉิง

“ขอโทษนะคะ......”

เซิ่งอันหรานรีบขอโทษ

ฉินปัวหันมาอีกครั้ง แต่แผ่นหลังของเขาก็ยังคงหันให้กับทั้งสองคน

“ผู้ช่วยของคุณพูดถูก จะทำเรื่องอะไรก็ต้องมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยน แต่ว่าผมไม่ได้ต้องการอะไร”

“แล้วคุณก็ยังจะปล่อยให้ฉันมาเสียเปล่า ? ”เซิ่งอันหรานรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย

“ผมให้คุณมาเหรอ ?” ฉินปัวเหลือบมองเธอ แล้วหันไปจัดการกับของในหม้อต่อ “ผมจำได้ว่าเคยพูดกับถานซูจิ้งไว้ว่า อย่ามาหาผม ถึงจะมาหาผม ผมก็ไม่ไปอยู่ดี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน