“คุณชื่อหนวนหน่วนใช่ไหม?”
“ค่ะ” สาวน้อยพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ขอบใจหนวนหน่วนมากนะจ๊ะ ที่ช่วยเข็นฉันมา ”
เซิ่งอันหรานยิ้มและใช้มือพยุงรถเข็น ไม่นานหลังจากนั้นพ่อแม่ของเด็กหญิงตัวน้อย นัยน์ตาก็เป็นประกายขึ้น "เพราะหนวนหน่วน เต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น คุณป้าจึงสามารถยืนขึ้นได้"
ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้าง ใบหน้าของเธอช่างเหลือเชื่อ "ว้าว คุณป้า ขาของคุณ"
“ดังนั้นเพื่อเป็นการขอบคุณ ป้าจะให้ช็อกโกแลตกับเธอ ดีไหม?”
เซิ่งอันหรานพูดขึ้นพลางยื่นกล่องช็อกโกแลตให้เด็กหญิงตัวน้อย พร้อมกับลูบที่ศีรษะของเธอเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ ต่อไปหากว่าเธอเห็นคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ เธอควรจะกล้าหาญเหมือนยังวันนี้ ตกลงไหม?”
หลังจากที่เด็กหญิงตัวน้อยได้รับช็อกโกแลต เธอก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม พร้อมกับจ้องไปที่ขาของเซิ่งอันหรานเป็นเวลานาน ก่อนที่จะเดินตามพ่อแม่ของเธอไปอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากที่ครอบครัวนี้เดินจากไป เซิ่งอันหรานก็กลับขึ้นไปบนรถเข็น
"เป็นวิธีที่ดีในการเกลี้ยกล่อมเด็ก"
เสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านเหนือศีรษะของเธอ
เซิ่งอันหรานเหลือบมองไปที่เขา “ก็ไม่ใช่เพราะคุณปล่อยให้ฉันนั่งรถเข็นออกมา เด็กน้อยคนนั้น หากว่าทำลายความตั้งใจของเธอที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น คงจะไม่ดีแน่ ”
"คุณพูดได้ถูกต้อง"
อวี้หนานเฉิงหยิบกล่องช็อกโกแลตขึ้นมา "แต่ที่นี่คือซูเปอร์มาร์เก็ตนะ คุณจะเอาของไปยัดใส่มือคนอื่น โดยบอกว่าเป็นของขวัญ มันเหมาะสมไหม?"
เซิ่งอันหรานได้สติกลับมาในทันที และลุกขึ้นด้วยความรีบร้อน
น่าอายจัง ก็ว่าทำไมสามีภรรยาคู่นั้นดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ช็อกโกแลตยี่ห้อนี้ราคาไม่ใช่ถูกๆเลย ในกล่องมีไม่กี่ชิ้น แต่ราคาตั้งหลายร้อยหยวน
ก่อนที่เธอจะได้ลุกขึ้น มือใหญ่อันทรงพลังก็กดไหล่ของเธอและดันเธอนั่งกลับลงไปในรถเข็น
“เอาล่ะๆ ผมบอกผู้จัดการของซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วว่า ขนมทั้งหมดที่สาวน้อยคนนั้นซื้อวันนี้ฟรี”
เซิ่งอันหรานถอนหายใจด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะถามต่ออีกว่า
“คุณไปพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
"ก็ตอนที่คุณกำลังแสดงให้เธอเห็นว่า คุณยืนขึ้นได้ไง"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเซิ่งอันหรานก็ร้อนขึ้นมาในทันที
เธอรีบอธิบายขึ้นในทันที "คุณไม่เข้าใจ หากต้องการคุยกับเด็ก ๆ ก็ต้องใช้วิธีนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่คุณจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับจิ่งซี เข้าใจหรือยังล่ะ?"
“ผมไม่เข้าใจ” อวี้หนานเฉิงยิ้มอย่างไม่แยแส “ผมเข้าใจเพียงแค่ว่าคืนนี้ผมต้องรู้วิธีทำปลาค็อดทอดให้ได้เท่านั้น”
ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้มีคนคึกคักมากกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตในชุมชนมาก แต่ละร้านเมื่อเห็นเซิ่งอันหรานนั่งรถเข็นมา ต่างก็แจกของเพื่อให้เธอเอากลับไปชิมมากมาย
แต่สิ่งที่น่าอายที่สุดคือ ใกล้จะถึงรอบเดือนของเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงขอให้อวี้หนานเฉิง เข็นเธอไปซื้อผ้าอนามัยสักสองสามห่อ เพื่อเป็นการไม่ให้อวี้หนานเฉิงอับอายมาก เธอจึงจงใจอยู่ห่างๆ และปล่อยให้อวี้หนานเฉิงเดินไปซื้อแทน
“อย่าซื้อผิดล่ะ ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน คุณก็ลองถามพนักงานดู”
"อืม"
อวี้หนานเฉิงเข็นรถเข็นของซูเปอร์เดินไป ดูท่าทางค่อนข้างสงบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งอันหรานก็เห็นอวี้หนานเฉิง โยนของที่เขาเห็นวางอยู่บนชั้นลงไปในรถเข็นอย่างล่ะห่อ
มีเงิน ก็จะชอบทำตัวสบายๆแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ?
ไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้นหรอก
เซิ่งอันหรานรีบกวักมือเรียกคุณป้าพนักงานที่อยู่บริเวณนั้น
“ป้าค่ะ นั่นคือแฟนของฉัน ฉันขอให้เขาไปช่วยหยิบผ้าอนามัยให้ฉัน แต่เขาเลือกไม่เป็น คุณป้าช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ? บอกเขาว่าเอาแบบกลางวันและกลางคืนอย่างล่ะห่อก็พอ ขาของฉันเดินไม่ค่อยสะดวก"
คุณป้าพนักงานรีบตอบตกลง “ได้สิ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ เธออย่าขยับนะ ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เซิ่งอันหรานถือแก้วเก็บความร้อนที่เขานำมาจากบ้านขึ้นมาเตรียมดื่ม พลางมองดูอวี้หนานเฉิง
ทันทีที่คุณป้าพนักงานไปถึง อวี้หนานเฉิงก็หยุดเคลื่อนไหว ราวกับเป็นรูปปั้น การแสดงออกของสีหน้าก็หยุดชะงักในทันที
เฉิงอันหรานสำลักน้ำออกมา จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่าย
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ จู่ๆ ก็พบว่าทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข? คุณป้าชี้มาที่ตัวของเธอ แล้วชี้ไปที่อุปกรณ์ของใช้สำหรับเด็กอ่อน
ทำอะไรกัน? ทำไมถึงได้พูดเรื่องการคลอดบุตรล่ะ ?
ห้านาทีต่อมา อวี้หนานเฉิงกลับมาพร้อมสัมภาระเต็มไปหมด
แม้ว่าจะขอให้คุณป้าพนักงานเดินเข้าไปบอก แต่เขาก็ยังซื้อเยอะอยู่ ซึ่งของพวกนี้น่าจะเพียงพอสำหรับใช้ครึ่งปีทีเดียวเชียว
เซิ่งอันหรานรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นและถามเขาว่า “คุณพูดอะไรกับคุณป้าพนักงานคนนั้น? ชี้มาที่ฉันไม่เท่าไร แต่ทำไมต้องชี้ไปที่ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กด้วยล่ะ ?หรือว่าขอให้คุณซื้อนมผง?”
"ไม่ใช่"
อวี้หนานเฉิงเข็นรถทั้งสองคันด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “เธอบอกให้ผมซื้อผ้าอ้อม”
“ซื้อผ้าอ้อมทำไม?”
“ให้คุณใช้” สามคำสั้นๆ ดูเหมือนจะกระทบ IQ และศักดิ์ศรีของเซิ่งอันหราน
เซิ่งอันหรานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกอับอายและขุ่นเคืองใจเล็กน้อย
รถเข็นคันนี้ ถ้าเธอจะต้องนั่งมันออกมาอีก เธอจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ
นี่คือตำนานของคำว่าไก่ขโมยข้าวอย่างนั้นเหรอ ?
ทันทีที่มีปัญหาเรื่องผ้าอ้อมเกิดขึ้น เซิ่งอันหรานปฏิเสธที่จะนั่งรถเข็นซื้อข้างในซูเปอร์ต่อ อีกทั้งพวกเขาก็ซื้อจนเกือบจะครบแล้ว ดังนั้นทั้งสองคนจึงมุ่งหน้าตรงกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับ เซิ่งอันหรานถอดเสื้อคลุมที่อวี้หนานเฉิงคลุมไว้ที่หัวของเธอเพื่อบังลมออก เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรมาปิดหน้าปิดตา
ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ผู้คนที่เดินออกกำลังกาย พูดคุยกัน ในชุมชน มีไม่มากนัก
มีเสียงเครื่องดูดควันที่เปิดจากครัวแบบเปิดของคอนโด หลังจากทำความสะอาดปลาเสร็จ ก็ค่อยๆใส่มันลงไปในกระทะ พร้อมกับเสียงของน้ำมันที่เดือด
"ทอดให้ทั้งสองด้านเป็นสีเหลืองทอง จากนั้นก็เติมน้ำ ใส่ขิง เต้าหู้ ต้มจนเดือด"
เซิ่งอันหรานชะโงกคอออกไปทางด้านนอกและส่งเสียง
เครื่องดูดควันมีเสียงดังเกินไป และตัวเธอเองไม่แน่ใจว่าได้จะยินชัดเจนหรือไม่ ไม่ว่าจะทำตามสูตรทั่วไปหรือทำตามคำพูดของเธอก็ตาม แต่มันก็เกือบจะเสร็จแล้ว
เป็นเพราะเธอว่างเกินไปในช่วงที่เธอพักฟื้น
แค่แผลโดนความร้อนเฉยๆ ทำราวกับว่าเธอเป็นอัมพาต รู้สึกละอายใจจริงๆ
จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา เซิ่งอันหรานมองลงไปที่หน้าจอโทรศัพท์ เป็นเบอร์โทรจากอเมริกาเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆกระโดดขาเดียวไปที่ห้องนอนเพื่อรับโทรศัพท์
"ฮัลโหล ? กู่เจ๋อ "
อวี้หนานเฉิงทำอาหารเสร็จแล้ว แต่พอเขาหันหลังกลับมาก็พบว่าเซิ่งอันหรานได้หายตัวไปแล้ว เขาเห็นเงาของเธออยู่ในห้องนอนอย่างคลุมเครือ อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้วทันที
เดินไปมาตามใจชอบแบบนี้ แล้วแผลจะหายได้ยังไง
ตอนที่เขากำลังจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อเตือนเธอ เขาก็ได้ยินเสียงของเซิ่งอันหรานดังขึ้นมา
"คุณจะมาเมื่อไหร่?"
"..."
“อาทิตย์นี้ไม่ได้ ฉันได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย เกรงว่าจะไปรับคุณไม่ได้”
"..."
“โอเค งั้นอาทิตย์หน้า”
"..."
“ได้ ฉันจะไม่บอกเสี่ยวซิงซิง คุณอยากทำให้เธอประหลาดใจใช่ไหม?”
จากประตูที่เปิดไว้ครึ่งหนึ่ง สามารถมองเห็นรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติและอ่อนโยนที่มุมคิ้วของ เซิ่งอันหรานได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ากำลังสนทนากับคนที่รู้จักกันมานานหลายปี หรือมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านั้น
หลังจากวางสายแล้ว เซิ่งอันหรานก็กำโทรศัพท์ไว้ในมือครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเรียกทานอาหารดังขึ้นมาจากห้องนั่งเล่น เธอจึงรีบตอบกลับไปว่า “กำลังไป”
“ไปคุยโทรศัพท์มาเหรอ ?”
อวี้หนานเฉิงแสร้งถาม
"อืม"
"กับใคร?"
"เอ่อ..เพื่อน"
เซิ่งอันหรานตอบอย่างเป็นกันเอง เธอใช้ตะเกียบจิ้มลงไปกลางปีกไก่ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"มันดูดีมากเลย"
“เพื่อนคนไหน ?” น้ำเสียงของอวี้หนานเฉิงเริ่มดูสุขุมขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน