สีหน้าของอวี้หนานเฉิงดูไม่ค่อยดีมากนัก
บรรยากาศอันอบอุ่นก่อนหน้าค่อยๆ แทรกซึมด้วยความเยือกเย็น และซึมลงไปถึงไขกระดูก
เซิ่งอันหรานจับตะเกียบตัวแข็งทื่อ เธอขมวดคิ้วและมองอวี้หนานเฉิง "ฉันก็บอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เป็นแค่เพื่อน คุณเป็นอะไรไป ?"
“ชื่ออะไร ? เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” ใบหน้าของอวี้หนานเฉิงดูเคร่งขรึมขึ้น แต่น้ำเสียงของเขากลับดูค่อนข้างผ่อนคลาย “ผมแค่อยากรู้”
"คุณไม่รู้หรอก"
เซิ่งอันหราน สัมผัสได้ถึงแววตาที่มองมาที่เธออย่างสงสัย เธอพูดกึ่งล้อเล่นและจริงจังขึ้นว่า "คุณคงจะไม่หึงกระทั่งเพื่อนของฉันหรอกใช่ไหม ?"
อวี้หนานเฉิงกำหมัดอย่างลับๆ ในขณะนี้ท่าทีของเซิ่งอันหรานทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าขำสิ้นดี เห็นได้ชัดว่าความจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังต่างปิดบังกัน
ท้ายที่สุด เขาก็ยอมถอยหนึ่งก้าว เขาดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง น้ำเสียงของเขาสงบลง "ผมแค่อยากรู้ว่า คุณมีเพื่อนคนไหนอีก นอกจากซูจิ้ง ผมอยากรู้เรื่องนี้ไม่ได้เหรอ?"
“ฉันมีเพื่อนไม่มาก ตอนที่ฉันอยู่อเมริกา จริงๆ แล้วนอกจากถานซูจิ้งก็ยังมีเพื่อนอีกหนึ่งคน ”
เซิ่งอันหรานยิ้มและสารภาพอย่างเป็นธรรมชาติ
“ชื่อของเขาคือกู่เจ๋อ เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยตอนที่ฉันเรียนอยู่ในประเทศจีน แต่ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ของฉันหลายปีเลย พอฉันไปถึงอเมริกา เขาก็ได้เริ่มทำธุรกิจและขาดเงินทุนจำนวนหนึ่ง สมัยนั้นฉันยังพอมีเงินอยู่บ้าง และพอรู้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ฉันก็เลยช่วยเหลือเขา”
กลับกลายเป็นปัญหา
เมื่ออวี้หนานเฉิงได้ยินดังนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกอึดอัด กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทันทีที่เซิ่งอันหรานแนะนำ กู่เจ๋อ เสร็จ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขานึกขึ้นได้——คือการแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง
"ปีกไก่นี้อร่อยมากเลยนะ แต่ก็ยังมีอะไรให้ปรับปรุงอยู่ "
เซิ่งอันหรานไม่ลังเลที่จะแสดงความคิดเห็น และใช้ตะเกียบคีบปีกไก่อีกชิ้นส่งใส่ชามของอวี้หนานเฉิง
"ลองชิมฝีมือตัวเองดูสิ ลองเดาสิว่ายังต้องปรับปรุงตรงไหน "
ปีกไก่ห่อด้วยซอสสีสดใสซึ่งดูน่าดึงดูดมากๆ
อวี้หนานเฉิงยังคงรู้สึกไม่พอใจ เขามองดูเซิ่งอันหรานที่กำลังกัดกินปีกไก่อย่างมีความสุขด้วยความรู้สึกสับสน จากนั้นเขาก็ลองชิมมันดู แต่ทว่าการกัดนี้ปีกไก่ครั้งนี้ เต็มไปด้วยความโกรธ เพราะเขากัดมันคำใหญ่มาก
“เป็นไงบ้าง ?”
“อืม” อวี้หนานเฉิงพยักหน้า
“เฮ้…”เซิ่งอันหรานดูตกตะลึงเล็กน้อย “คุณ คุณแน่ใจนะว่ารสชาติโอเค?”
อวี้หนานเฉิงมองดูเธออย่างสงสัย “รสชาติอะไร?”
“ม...ไม่ ไม่รู้สึกว่ามันคุ้นๆใช่ไหมพี่ชาย ”
เซิ่งอันหรานชี้ไปที่ปีกไก่ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งในชามของเขา ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าสีหน้าของเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ปีกไก่ยังคงมีสีของเลือดปนๆอยู่ เขาสามารถกัดและกลืนมันลงไปคำโตขนาดนั้น โดยสีหน้าไม่เปลี่ยน
อวี้หนานเฉิงหน้าดำคล้ำเครียด และในวินาทีต่อมา เขาก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งอันหรานเอนก้มหน้าลงบนโต๊ะอาหารและหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ "ฮ่าฮ่าฮ่า...ตอนทานอาหาร คุณคิดอะไรอยู่น่ะ?"
ฝีมือการทำอาหารของอวี้หนานเฉิงนั้นค่อนข้างดี เขามีความสามารถ แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำอาหารมาก่อน แต่วันนี้ผัดผัก ซุป ทำออกมาได้ไม่เลว อีกทั้ง ซุปปลานี่ก็เช่นกัน ภายใต้คำแนะนำของเซิ่งอันหราน มันดูใช้ได้ทีเดียว
แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่เซิ่งอันหรานกำลังทานอาหาร เธอมักจะรู้สึกว่าอวี้หนานเฉิงดูเหมือนมีเรื่องกังวลใจอะไรอยู่
อวี้หนานเฉิงออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าซีดเซียว
"คุณโอเคไหม?"
เซิ่งอันหรานตักซุปปลาไว้ข้างหน้าของเขา เมื่อเห็นความสงสัยที่อยู่บนใบหน้า เขา เธอจึงอธิบายอย่างจำใจขึ้นว่า “ฉันได้ชิมซุปนี้แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ทานแล้วมันจะช่วยบำรุงท้องของคุณ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน