ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 212

แผลที่เกิดจากความร้อนใช้เวลาพักรักษาตัวไม่นาน 1 สัปดาห์ต่อมา เซิ่งอันหราน สามารถเดินได้อย่างอิสระ

โครงการพัฒนารีสอร์ตของของเซิ่งถังกรุ้ปล่าช้าไประยะหนึ่ง ดังนั้นหลังจากยืนยันว่าเซิ่งอันหราน หายดีแล้ว อวี้หนานเฉิง ก็เดินทางไปทำธุรกิจและทำงานนอกสถานที่แบบไม่หยุดหย่อน

“โครงการนี้ต้องหารือกันภายในสามวัน หลังจากเครื่องบินลงจอดแล้ว การประชุมทีมจะจัดขึ้นในทันที ”

ที่สนามบิน อวี้หนานเฉิงได้สั่งงานสำคัญกับโจวฟัง

“สามวัน ?” ดวงตาของโจวฟังเกือบจะทะลุออกมา “ประธานอวี้ เวลาแค่นี้จะพอเหรอ พวกเขา…”

“ผมไม่ต้องการที่จะได้ยินข้อแก้ตัวใด ๆ หากว่าในเวลาสามวันยังคุยกันไม่ได้ขอสรุป คุณจะต้องนำทีมไปพูดคุยกับพวกเขาต่อไป ผมจะกลับไปที่จินเหลิง ผมมีธุระที่จะต้องไปทำ ”

"ห๊า?"

โจวฟังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน “นี่เป็นโครงการหลายร้อยล้านหยวน มีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีก ?”

"เรื่องส่วนตัว"

อวี้หนานเฉิงคิ้วขมวดด้วยความขุ่นเคืองใจเล็กน้อย

ถ้าว่าเขาฟังไม่ผิดล่ะก็ ผู้ชายที่ชื่อกู่เจ๋อกำลังจะมาที่จินหลิงในสัปดาห์นี้ เขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่พบกับผู้ชายคนนี้ และเขาก็ควรที่จะได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายคนนั้นกับเซิ่งอันหรานว่าเป็นอย่างไรกันแน่

——

"ตอนนี้รอดูการระบายอากาศก่อน หากว่าการระบายอากาศของที่นี่ดี บวกกับมีการซื้อเครื่องใช้สำหรับสำนักงานมือสองตามความต้องการของคุณ ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานก็น่าจะใช้การได้"

หัวหน้าทีมตกแต่งมาต้อนรับและคุยงานกับเซิ่งอันหรานเป็นการส่วนตัว เซิ่งอันหราน จ่ายค่าจ้างส่วนที่เหลือหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบ เมื่อมองไปที่อาคารสองชั้นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

การออกแบบสไตล์นี้อิงตามสไตล์อินดัสเทรียลที่ถานซูจิ้งเคยกล่าวถึงก่อนหน้านี้ ผนังทั้งหมดเป็นสีเทาสโมกกี้กันคราบและทนทาน ชั้นแรกเป็นสำนักงานธุรการ และชั้นสองเป็นเวิร์กช็อปของนักออกแบบและห้องตัวอย่างเสื้อผ้า

แม้ว่าสถานที่จะดูไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างด้วยตัวเองและถานซูจิ้ง

เมื่อนึกถึงซูจิ้งขึ้นมา เซิ่งอันหรานก็อดไม่ได้ที่จะไม่โทรหาเธอ และเป็นไปตามที่คาดไว้ เกาจ้านเป็นคนรับสาย

“สองสามวันมานี้ ซูจิ้งเป็นอย่างไรบ้าง ?”

“เธอพอจะจำอะไรได้บ้างแล้ว สุขภาพจิตก็ดีขึ้นมาก มีเพียงแค่รู้สึกเพลียๆเท่านั้น เมื่อวานเธอจ้องมองที่หน้าต่างเป็นเวลานาน ผมกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงให้คนติดตั้งหน้าต่างกันขโมยแล้ว"

ที่คอนโดของเกาจ้านอาศัยอยู่ที่ชั้นสามสิบเอ็ด การติดตั้งหน้าต่างกันขโมยบนชั้นที่สูงขนาดนั้น อาจทำให้ผู้ติดตั้งรู้สึกหวาดเสียวมากๆก็ได้ ถ้าจะมีขโมยก็คงเป็นได้แค่ สไปเดอร์แมน เท่านั้นแหละ

"ลำบากคุณแล้ว "

เซิ่งอันหรานพูดอย่างจำใจ “หากว่าไม่ไหวจริงๆล่ะก็ ฉันยังแนะนำให้คุณส่งเธอไปที่โรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ซูจิ้งบอกฉันว่า การรักษาในโรงพยาบาลจะเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเธอได้มากกว่า”

“ไม่เป็นไร ผมดูแลเธอได้ ”

น้ำเสียงของเกาจ้านดูแน่วแน่มาก เขาน่าจะตัดสินใจไปแล้ว และปฏิเสธที่จะอนุญาตให้เธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

เซิ่งอันหรานก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก มีคนอยู่ดูแลเธอมันก็ดีกว่าไม่มีใครดูแล ยิ่งไปกว่านั้น เธอเคยได้เห็นสถานการณ์ในโรงพยาบาลจิตเวชด้วย มันดูซับซ้อนมากจริงๆ ขนาดเธอเป็นคนปกติ พอเธอเดินเข้าไปแล้วยังรู้สึกอึดอัดจนแทบจะเป็นบ้าไปเลย ถ้าเป็นซูจิ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เธออ่อนไหวที่สุด

“วันนี้เธอนอนน้อยกว่าเมื่อวานมาก หากคุณมีเวลาว่างล่ะก็ คุณสามารถมาเยี่ยมเธอได้เสมอ ที่นี่ยินดีต้อนรับคุณทุกเมื่อ”

“ต้องไปแน่นอน การปรับปรุงบริษัททางนี้ก็เกือบจะเสร็จแล้ว เดิมทีฉันต้องการอยากจะพูดคุยแบ่งปันข่าวนี้กับซูจิ้ง ไม่เป็นไร รอให้งานทางนี้เสร็จเรียบร้อยดีเมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปเยี่ยมเธอเอง”

“อืม ”

หลังจากทักทายไม่กี่คำ สายโทรศัพท์ก็ถูกวางไป

เซิ่งอันหรานไม่อยากคุยอะไรกับเกาจ้านมากเกินไป เพราะถ้าถานซูจิ้งยังตื่นอยู่ ถานซูจิ้งคงจะไม่มีวันปล่อยให้เกาจ้านมองเห็นเธอในลักษณะแบบนี้แน่ แต่ในตอนนี้ตัวเธอไม่ได้อยู่เคียงข้างถานซูจิ้ง เธอมักจะรู้สึกเสมอว่า การที่เธอทำแบบนี้เหมือนเป็นการดึงเกาจ้านเข้ายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย

อีกด้านของโทรศัพท์ เกาจ้านวางโทรศัพท์ลงและหันกลับมามองทางห้องนอน

ม่านถูกปิด แสงไฟสลัว ถานซูจิ้งหลับไปแล้ว

โทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมเสียง "ติ๊ง" ข้อความเด้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และได้กำกับชื่อว่า "พี่สาว"

“คุณแม่บอกให้ฉันเอาของมาให้ ตอนนี้ฉันอยู่ข้างล่างคอนโดของนายแล้ว ”

เกาจ้านมือสั่นจนเกือบจะทำโทรศัพท์ตก

——

ณ บ้านเก่าแก่ของตระกูลอวี้ เซิ่งเสี่ยวซิงทำป้ายไฟอยู่ในสวนตลอดช่วงบ่าย

ตอนเย็นเป็นคอนเสิร์ตของเส้าซือ ซึ่งจะถูกจัดขึ้นที่จิงหลิงสเตเดียม เธอได้ตั๋วสองใบสำหรับพื้นที่ VIP มาล่วงหน้าแล้ว แน่นอนว่าในฐานะแฟนคลับพี่เส้าซือ เธอจะต้องการเข้าร่วมชมงานแสดงวันนี้ด้วย

“พี่ชาย พี่จะไม่ไปจริงๆเหรอ ?”

เซิ่งเสี่ยวซิงยกป้ายขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า 'พี่เส้าซือ กล้าหาญ บินไป ซิงซิงน้องสาวจะอยู่เคียงข้างกับพี่เสมอ' ขณะที่ถามอวี้จิ่งซี เขาก็ดูมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ "พี่ชาย ฉันมีตั๋วสองใบ พี่จะไม่ไปกับฉันจริงๆ หรือ ?"

อวี้จิ่งซีเหลือบมองที่ป้ายไฟด้วยท่าทางรังเกียจ จากนั้นก็ส่ายหัวไปมาอย่างจริงจัง และเขียนข้อความลงบนกระดานวาดภาพ พร้อมกดปุ่มเปิดเสียง เสียงของเครื่องจักรกลดังขึ้นในสวน มีความว่า

“ไม่ไปหรอก เพลงที่เขาร้องก็ไม่เห็นจะเพราะเลย อีกอย่างที่นั่นก็เสียงดังจนน่าหนวกหู ”

เซิ่งเสี่ยวซิงทำหน้ามุ่ย เธอจ้องไปที่อวี้จิ่งซี "พี่ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดแบบนั้นกับเส้าซือนะ ฉันโกรธแล้ว "

อวี้จิ่งซีรู้สึกไม่พอใจมากเข้าไปอีก เขาพิมพ์ลงบนกระดานวาดอย่างรวดเร็ว "ฉันต่างหากที่เป็นพี่ชายของเธอ คนที่ชื่อเส้าซือ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคุณอาของเธอ "

“ไม่ใช่ๆๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เป็นพี่ชายฉันต่างหาก ”

เซิ่งเสี่ยวซิง โกรธจัด ใบหน้าของเธอแดงก่ำ

แต่ จู่ ๆ ก็มีเสียงน่าตื่นเต้นดังขึ้นมาจากทางเข้าอีกด้านของลานบ้าน

“นี่คือป้ายไฟของพี่เส้า!”

อวี้อีอีรีบก้าวข้ามประตูลานบ้าน และเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เธอชี้ไปยังป้ายไฟที่วางอยู่บนโต๊ะหิน แล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า "นี่คือป้ายไฟของพี่เส้าซือ พวกเธอจะไปคอนเสิร์ตของพี่เส้าซือไหม?"

อวี้อีอีเพิ่งจะขึ้นมัธยมศึกษาตอนต้น แต่เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหารมาก่อนหน้านี้ ความสูงของเธอจึงไม่แตกต่างอะไรกับเด็กประถม เธอดูผอมมาก

“คุณเป็นแฟนคลับของพี่เส้าซือด้วยหรือเปล่า ? ”

เซิ่งเสี่ยวซิงจ้องไปที่ 'คุณย่าเล็ก' ซึ่งปกติแล้วเธอไม่ค่อยได้พูดคุยกับอวี้อีอีมากนัก

“อืม”อวี้อีอีพยักหน้าจริงจัง แล้วพูดขึ้นด้วยความเสียใจ “แต่ตั๋วถูกขายไปหมดแล้ว ฉันซื้อไม่ทัน ก็เลยได้แค่ฟังอยู่ทางด้านนอกเท่านั้น”

“แต่หนูมี!” เซิ่งสี่ยวซิงชูตั๋วสองใบทันที “คุณอยากไปกับฉันไหม?”

"จริงๆเหรอ ?"

อวี้อีอีรับตั๋วทั้งสองใบมาราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า เธอรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก "โอ้ พระเจ้า นี่คือตั๋วสำหรับโซนด้านหน้า มันสามารถมองเห็นพี่เส้าซือ ได้อย่างใกล้ชิด"

“ไม่ใช่แค่เพียงพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมโต้ตอบกัน แต่มันยังสามารถเดินไปถึงหลังเวทีได้ด้วย พี่เส้าซือคงจะสนิทกับเธอมากเลยล่ะสิ"

ใบหน้าของเซิ่งเสี่ยวซิงรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนคุยกันอย่างมีความสุขโดยที่ไม่ได้ สนใจใครคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังด้วยสีหน้าดำคล้ำเครียด

นั่นคือตั๋วของเขานะ! ก็พูดแล้วว่าฉันไง ? ทำไมอยู่ดีๆถึงได้ยกให้คนอื่น?

“ฉันจำเธอได้แล้ว จำได้แล้ว เธอก็คือคนที่ได้เข้าร่วมในรายการท่องเที่ยวกับพี่เส้าซือ” อวี้อีอีมองไปยังใบหน้าของเซิ่งเสี่ยวซิง เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะได้สติกลับมา

“โอ้พระเจ้า ฉันไม่ได้สังเกตเลย ตอนนั้นฉันเอาแต่มองพี่เส้าซือคนเดียว ”

เซิ่งเสี่ยวซิงลูบศีรษะของตัวเองอย่างเขินอาย “ฮ่าฮ่า มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อีกสักพัก คุณปู่พ่อบ้านจะมารับหนูที่นี่ แล้วเราจะไปด้วยกัน”

“โอเคๆ ฉันมีขนมเยอะมากๆ ฉันขอกลับไปเอามันก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับมา ”

"หนูจะไปกับคุณด้วย"

ภาพทางด้านหลังของทั้งสองวิ่งร่าเริงออกไปอย่างมีความสุข ล้วนปรากฏอยู่นัยน์ดวงตาของอวี้จิ่งซี เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า น้องสาวของเขาจะถูกคุณย่าเล็กขโมยตัวไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน