คำถามของอวี้หนานเฉิงทำให้ชายชราเงียบลง ในมือของเขายังคงถือพู่กันเขียนหนังสืออยู่
เสียงอันทรงพลังของอวี้หนานเฉิงดังก้องกังวานในห้องหนังสือ
“เมื่อสามปีที่แล้วถ้าหากคุณปู่ไม่เชื่อใจอวี้ฉีเฟิงมากเกินไป เขาคงไม่กล้าคิดทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น และคงไม่ส่งผลร้ายต่อจิ่งซีแบบนี้ ตอนนั้นคุณปู่ไม่ต้องการให้ผมเอาเรื่องมัน เพราะยังไงซะก็เป็นคนตระกูลเดียวกัน เรื่องมันได้เกิดไปแล้ว ผมตัดสินใจที่จะฟังคำพูดของคุณปู่ แต่คนอย่างนี้ ผมนึกไม่ถึงเลยว่า คุณปู่จะยังกล้าเอามาใช้อีก”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ชายชรารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ชายชราจะเป็นคนทำอะไรจริงจัง รู้จักแยกแยะเรื่องถูกผิด เขาไม่เคยเห็นแก่หน้าญาติพี่น้องคนไหน เมื่อญาติพี่น้องทำผิดเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นถูกได้
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายจิ่งซี จนจิ่งซีเกือบจะเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อนหน้านี้ ได้ตรวจสอบความคิดคร่าวๆแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะชายชราไม่ยอมให้เขาสืบหาต่อ เดิมทีอวี้ฉีเฟิง ควรที่จะเข้าคุก
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว อาจจะไม่ใช่ฝีมือของฉีเฟิง ตอนนั้นยังไม่มีหลักอะไรแน่นอน”
ชายชราขมวดคิ้วด้วยความโกรธเล็กน้อย
“อะไรคือไม่มีหลักฐานที่แน่นอน ? คุณปู่ ผมเคยให้คุณปู่ดูหลักฐานทั้งหมดไปแล้ว และคุณก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีก ผมคิดว่าตอนนั้นคุณปู่น่าจะคิดได้ ไม่อย่างนั้นทำไมคุณปู่ถึงต้องพูดแบบนั้น”
ใบหน้าของอวี้หนานเฉิงดูเคร่งขรึมขึ้น "หรือคุณแก่มากแล้ว ถึงได้หลงๆลืมๆแบบนี้ ? "
"แผละ" เสียงพู่กันในมือของชายชราตกลงบนกระดาษสา
และสุดท้าย"บ้านที่สงบสุข" ก็กลายเป็นรอยเปื้อนจาง ๆ ขนาดใหญ่ เสียงทุ้มๆของชายชราดังมาจากในห้องอ่านหนังสือ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“ฉันแก่แล้วยังไง แต่ฉันไม่ได้หลงๆลืมๆ หนานเฉิง หรือแกต้องการให้ฉันพูดจริงๆ ?ว่าคนที่คิดจะฆ่าจิ่งซีเมื่อสามปีที่แล้วเป็นใคร แกคิดว่าฉันไม่รู้จริง ๆ เหรอ?”
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว “นี่คุณปู่กำลังหมายความว่าอย่างไร?”
ใบหน้าของชายชราดูเย็นชา พลังงานบางอย่างที่ถูกส่งออกมาจากตัวของเขาทำให้คนที่อยู่ในนั้นแทบหายใจไม่ออก
“สามปีที่แล้วฉันต้องการให้แกแต่งงานมีลูก แต่แกก็ปฏิเสธ และเพื่อเป็นการประชดประชันฉัน แกจึงอุ้มเอาจิ่งซีกลับมา แกได้ทำหน้าที่ในการเป็นพ่อดีของจิ่งซีบ้างหรือเปล่า ฉันขอถามแกหน่อย ? เรื่องเมื่อสามปีที่แล้ว มาคิดๆดูแล้วมันดูมีข้อน่าสงสัยหลายอย่าง ในช่วงเวลานั้น คนที่ติดต่อกับพี่เลี้ยงของจิ่งซีอยู่บ่อยๆ ไม่ได้มีเพียงแค่ฉีเฟิงคนเดียว"
การระลึกถึงเรื่องเก่า ๆ และเดิมทีก็เป็นเรื่องที่ยากจะลืมได้ ในใจของแต่ละคนล้วนมีคำถาม แต่อวี้หนานเฉิงกลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น เขาไม่นึกเลยว่าคุณปู่จะสงสัยในตัวเขา
“คุณปู่สงสัยผม?”
“ทำไมฉันถึงจะสงสัยแกไม่ได้? ตอนนั้นแกปฏิบัติต่อจิ่งซีเหมือนว่าเขาเป็นลูกชายแท้ๆของแกหรือเปล่าล่ะ? สำหรับแกแล้ว มีเรื่องอะไร หรือใครบ้างที่แกจะไม่ใช้ประโยชน์จากมัน?”
สีหน้าของชายชราเคร่งขรึมขึ้น
อวี้หนานเฉิงกำหมัดแน่น และหลังจากการเผชิญหน้ากันอย่างเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง น้ำเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้นมาในห้องหนังสืออีกครั้ง
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เรื่องเซิ่งถังกรุปจะมอบให้กับอวี้ฉีเฟิงเป็นคนจัดการ คุณปู่ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ผมไม่ทำต่อ”
หลังจากคำพูดประโยคนี้จบลง ก็มีเสียงเปิดและปิดประตูห้องของห้องหนังสือ ก่อนที่ชายชราจะได้สติกลับมา ในห้องก็ไร้เงาของอวี้หนานเฉิงแล้ว
พ่อบ้านไล่ตามไปที่ประตูและพูดอย่างสุภาพประมาณสองประโยค อวี้หนานเฉิงไม่แยแส และรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
"คุณชาย "
“เหล่าโจว กลับมาเถอะ”
เหล่าโจวอยากจะไล่ตามไปอีกครั้ง แต่ถูกเสียงที่ดังออกมาจากห้องหนังสือหยุดไว้ เขามองตามแผ่นหลังของอวี้หนานเฉิง และถอนหายใจอย่างจำใจ ก่อนที่จะหันหลังและเดินเข้าห้องหนังสือ
“คุณท่านครับ ทำไมถึงได้ทะเลาะกับคุณชายอย่างนี้ ? คุณชายโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน