ชายคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“ไม่รู้หรือว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ ?เรื่องเล็กๆแบบนี้ก็วิ่งเข้ามาแจ้งอย่างนั้นเหรอ "
ทางด้านนอกประตูไม่กล้าส่งเสียง
หญิงสาวที่อยู่ทางด้านข้าง มองดูใบหน้าของชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง และพูดขึ้นว่า
“พี่หลง พี่ลืมไปแล้วหรือว่า พี่ให้เอ้อหวงออกไปรับคนมา ถ้าหากว่าพี่ไม่ออกไปดูล่ะก็ คืนนี้เอ้อหวงคงจะยืนอยู่ข้างนอกจนแข็งตายแน่ๆ”
เมื่อชายคนนั้นถูกเรียกว่าพี่หลง สีหน้าที่รู้สึกไม่พอใจแต่เดิมก็ค่อยๆผ่อนคลายลง เขาบีบแก้มของหญิงสาวเบาๆ
“เธอต้องการให้ฉันส่งคนไปรับน้องสาวของเธอ เธอไม่กลัวว่าถ้าน้องสาวของเธอมาอยู่ที่นี่ด้วย ฉันจะสนใจน้องสาวของเธอมากกว่าเธอเหรอ ?”
หญิงสาวกะพริบตา ใบหน้าของเธอดูอ่อนน้อมถ่อมตน
“นี่คือที่ของพี่ ในเมื่อรับเธอมาแล้ว เธอก็เป็นของพี่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น น้องสาวของฉัน ถูกพามาเพื่อให้บริการพี่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายคนนั้นก็รู้สึกมีความสุข หลังจากหัวเราะขึ้นเสียงดัง เขาก็เดินเข้าไปจับตัวของหญิงสาว
“พูดได้ดี ไม่ต้องห่วง ฉันไม่สนใจน้องสาวของเธอหรอก ที่รับน้องสาวของเธอมาอยู่ที่นี่ก็เพราะเห็นแก่หน้าของเธอเท่านั้น ส่วนการเป็นอยู่ในอนาคตของน้องสาว ต่อไปก็ให้เธอเป็นคนจัดการเองแล้วกัน ”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นและยิ้ม “ต้องอย่างนี้สิ”
เจียงซินเป็นเกาะร้างไม่มีคนอาศัยอยู่ บนเกาะนี้นอกจากเธอแล้ว ก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่นอาศัยอยู่เลย เมื่อ พี่หลงจากไป ไม่ใช่เรื่องดีที่เธอจะสามารถจัดการกับผู้ชายกลุ่มนี้ได้เพียงลำพัง ดังนั้นแม้ว่าเกาชุ่ยจะมีประโยชน์อะไรไม่มาก แต่การพาเธอมาที่นี่ มันก็สามารถช่วยอะไรเธอได้บ้าง
ชายคนนั้นตะโกนบอกคนที่ประตู
“ให้เอ้อหวงจัดการเรื่องผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง ไม่ต้องมารบกวนฉันอีก”
ทันทีที่เสียงของเขาสงบลง ชายคนนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปบนเตียงและคร่อมทับร่างของหญิงสาว หญิงสาวร้องอุทาน ร่างกายของเธอเริ่มขยับไปมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ข้าเตียง
ท่ามกลางเสียงร้องครวญครางสะเทือนจนถึงกระดูก ดวงตาอันลึกลับของหญิงสาวถูกซ่อนไว้
วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล หลังจากที่เธอถูกบีบมาจนถึงจุดนี้ เธอจำเป็นต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าจะต้องลงนรก เธอก็จะต้องพาคนสองคนนั้นลงนรกไปพร้อมๆกับเธอด้วย
ณ เวลานี้ เกรงว่าทั้งสองครอบครัวต่างก็โกลาหลกันยกใหญ่!
——
“อย่ากังวลเรื่องน้าสะใภ้เลย ฉันปิดบังเรื่องนี้กับเธอไว้แล้ว และบอกน้าสะใภ้แค่เพียงว่าเธอทะเลาะกับอวี้หนานเฉิง และรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงยกเลิกงานแต่งงานไปก่อน”
“แล้วน้าสะใภ้ถามอะไรไหม ?”
เซิ่งอันหรานหน้าซีดเผือด พักผ่อนมาแล้วหนึ่งคืน แต่ร่างกายก็ยังคงดูอ่อนแออยู่ แค่ลมพัดเบาๆก็แทบยืนไม่ไหว
“ไม่ได้ถาม” ถานซูจิ้งขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าน้าสะใภ้จะรู้เรื่องอะไรบางอย่าง น้าสะใภ้ถามฉันเพียงแค่ว่า ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันบอกน้าสะใภ้ไปว่าเธออารมณ์ไม่ดีเลยออกไปเที่ยวพักผ่อน จากนั้นน้าสะใภ้ก็ไม่ได้ถามอะไรฉันต่อ"
เซิ่งอันหรานพยักหน้า เธอดูอ่อนแรงมาก
ก่อนที่จะกำหนดวันแต่งงาน เธอได้สารภาพเรื่องของจิ่งซีกับน้าสะใภ้ไปแล้ว และได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่า หากเธอจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี มันอาจจะเกิดความขัดแย้งกับอวี้หนานเฉิงได้ บางทีในเวลานั้น น้าสะใภ้อาจจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว
เพียงแค่น้าสะใภ้ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเลวร้ายมาจนถึงขนาดนี้ น้าสะใภ้คงจะเชื่อเรื่องที่ถานซูจิ้งพูดว่า เธอแค่ทะเลาะกันกับอวี้หนานเฉิง และไปเที่ยวที่ต่างประเทศ
ส่วนทางด้านครอบครัวตระกูลอวี้ เกรงว่าอวี้หนานเฉิงจะกลับไปเล่าอะไรบางอย่างแล้ว เป็นอย่างนี้ก็ดี ทั้งสองครอบครัวจะได้ไม่ต้องพบกันอีก ส่วนเรื่องงานแต่งงานก็ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
“แล้วเธอจะเอายังไงต่อ ? ” ถานซูจิ้งถาม
เซิ่งอันหรานนอนอยู่บนเตียงและมองออกไปทางนอกหน้าต่าง
เนื่องจากเป็นเทศกาลตรุษจีน ทางด้านนอกจึงดูคึกคักมาก ถนนและตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยโคมไฟสีแดง มีวัดโบราณอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล และบางครั้งก็มีเสียงระฆังดังขึ้น
“หลังจากที่ฉันออกจากโรงพยาบาลไป ฉันวางแผนจะพาเสี่ยวซิงซิงกลับไปที่สหรัฐอเมริกา ฉันไม่ต้องการจะกลับมาที่นี่อีก ส่วนเรื่องชิงเหมิง ฉันจะปล่อยให้เธอและพี่ฉินเป็นคนจัดการต่อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน