หลังจากที่กู้เทียนเอินออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็อยู่กับแม่ของเขาในบ้านหลังเก่าของตระกูลอวี้
อวี้เฟิ่งหยารู้สึกสงสารอวี้จิ่งซี เมื่อเห็นว่าเขาร้องไห้หาแม่ในทุกๆวัน ชายชราก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ ดังนั้นเธอจึงพาเขาไปอาศัยอยู่ในเขตบ้านพักของเธอ เพื่อให้ชายชราได้พักผ่อน
ส่วนกู้เทียนเอินถูกทอดทิ้งแล้ว
เมื่อตอนทานอาหารเย็น อวี้จิ่งซีก็ไม่ยอมกินอีกเช่นเคย หลังจากที่ร้องไห้จนเหนื่อยเขาก็ผล็อยหลับไป อวี้เฟิ่งหยาใช้นมวัว ข้าวโอ๊ต และกล้วยปั่นรวมกันกับน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย จากนั้นกรอกใส่ขวดนมและยึดเข้าปากของจิ่งซีในขณะที่เขาหลับ
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย หลังจากที่เธอเฝ้าดูเขาดื่มจนเกือบหมดขวด เธอจึงโล่งใจและเดินออกจากห้องไป
“แม่ ตั้งแต่มีหลานก็ไม่ต้องการลูกชายอย่างผมแล้วใช่ไหม ? อย่าลืมล่ะว่า อีก 2 เดือนผมก็จะต้องไปต่างประเทศแล้ว”
กู้เทียนเอินอิจฉาเมื่อเห็นอวี้เฟิ่งหยาเอาแต่ดูแลอวี้จิ่งซีอยู่ตลอดเวลา
อวี้เฟิ่งหยาจ้องมองไปที่เขา "ให้มันน้อยๆหน่อย เพราะลูกทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นตั้งมากมาย ?เรื่องฐานะของจิ่งซี ลูกรู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ทำไมถึงไม่พูด ?"
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กู้เทียนเอินก็ก้มหน้าลงทันที “ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไง ต่อให้อยากจะพูด แต่พี่อันหรานก็เป็นพี่ของผม จะให้ผมทรยศเธอมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ?”
“อย่างน้อยๆก็ควรจะบอกเรื่องนี้กับแม่ ให้เราได้เตรียมใจไว้บ้าง”
อวี้เฟิ่งหยานั่งลงบนโซฟา มองไปยังลูกชายที่อยู่ตรงข้าม คราวนี้เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อย
“ลูกดูสิ เรื่องนี้มันมาถึงขนาดนี้แล้ว ลูกแอบช่วยดาราคนนั้นตรวจสอบรายละเอียดครอบครัวของเขา ถ้าลูกไม่ได้ช่วยเขาตรวจสอบล่ะก็ เหล่าหลู่คงจะไม่ต้องเกิดเรื่อง และหนานเฉิงก็น่าตรวจสอบอะไรเจอบ้าง จนมาถึงตอนนี้……”
จะพูดไปแล้ว ต้นกำเนิดของเรื่องตกมาอยู่ที่กู้เทียนเอิน
ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเขา เรื่องก็คงไม่ซับซ้อนมากขนาดนี้ บางทีอวี้หนานเฉิงอาจจะไปถามเหล่าหลู่ด้วยตัวเอง และเรื่องมันก็คงจะไม่จบแบบนี้
“ผมยอมรับผิดแล้วไม่ใช่เหรอ?ตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่า พี่ชายมาหาลูกๆที่บ้านเก่า มีครั้งไหนบ้างที่ผมไม่หลบหน้าเขา อีกอย่าง อีกสองเดือนผมก็ต้องไปต่างประเทศแล้ว ก่อนไปคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเขาอีกสักครั้งแล้ว ”
กู้เทียนเอินก็เสียใจเช่นกัน “ เจอไม่ได้ก็ไม่ต้องเจอ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงหากมีเรื่องอะไรที่จะเกิดขึ้น คนที่โชคร้ายมันเป็นผมเสมอ”
“นายโชคร้ายกว่าฉันหรือเปล่าล่ะ ? ”
เสียงผู้ชายเย็นชาดังมาจากทางด้านหน้าประตู ในขณะที่กู้เทียนเอินกำลังรู้สึกสมเพชตัวเอง
"พี่ชาย ?"
"อาเฉิง"
แม่และลูกชายคนรองตะโกนขึ้นพร้อมกัน แต่หลังจากที่กู้เทียนเอินเรียกเขาเสร็จ เขากลับรู้สึกไม่ชิน
อวี้เฟิ่งหยาก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข "ทำไมถึงกลับมาในเวลานี้ ?ไปเจอคุณปู่มาหรือยัง ?ลูกทานข้าวเย็นมาแล้วหรือเปล่า ?"
"ยัง"
“งั้นเดี๋ยวแม่จะไปเตรียมให้ ” อวี้เฟิ่งหยาดีใจมาก ในช่วงเวลานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย จะพูดกันตรงๆแล้ว เธอกับอวี้หนานเฉิงมีเวลาเจอกันน้อยมาก
หลังจากงานแต่งงานถูกยกเลิกก่อนเทศกาลตรุษจีน อวี้หนานเฉิงแทบจะไม่กลับมาที่บ้านหลังเก่าของตระกูลอวี้เลย ได้เจอเขาเป็นบางครั้งท่าทางของเขาดูเย็นชามาก เขาดูซูบผอมลง
หลังจากที่คุณแม่ตระกูลอวี้เดินออกไป อวี้หนานเฉิงเดินตรงเข้าไปหากู้เทียนเอิน ซึ่งนอนอยู่บนโซฟา
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่นายกลับกำลังเรียกร้องความอยุติธรรม”
เดิมทีกู้เทียนเอินก็รู้สึกผิดมากอยู่แล้ว และเมื่อเขาได้ยินอวี้หนานเฉิงพูดเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด "พี่ ผมไม่ได้จงใจปิดบังพี่นะ ผมก็แค่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม และก็รู้สึกว่ามันแปลกๆที่ต้องมาพูดเรื่องนี้กับพี่อย่างกะทันหันเช่นนี้”
"เหรอ ?"
อวี้หนานเฉิงเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย และนั่งลงตรงข้ามเขา “ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสม ?”
กู้เทียนเอินกัดฟันพยักหน้า แต่หลังจากที่อวี้หนานเฉิงถามประโยคนี้เสร็จและไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำให้กู้เทียนเอินรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากขอความเมตตา
“พี่ ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง ถ้าต่อไปมีเรื่องอะไร ผมสัญญาว่าจะบอกพี่เป็นคนแรก ไม่ว่าเวลาจะเหมาะสมหรือไม่ก็ตาม ”
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องคราวหน้าเลย คราวนี้ก่อนดีกว่า มีบางเรื่องต้องการให้นายไปทำ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน